سورة التحريم
At-Tahrim
The Prohibition
medinan . 12 Ayahs
بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَـٰنِ ٱلرَّحِيمِ
66:1
يَـٰٓأَيُّهَا ٱلنَّبِىُّ لِمَ تُحَرِّمُ مَآ أَحَلَّ ٱللَّهُ لَكَ ۖ تَبْتَغِى مَرْضَاتَ أَزْوَٰجِكَ ۚ وَٱللَّهُ غَفُورٌۭ رَّحِيمٌۭ
Translation: โอ้นบีเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงห้ามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงอนุมัติแก่เจ้า เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริยาของเจ้าเล่า ? และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา(1)
Comment: (1)เป็นการตำหนิจากอัลลอฮ์แก่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งนี้เนื่องจากท่านได้ห้ามตัวของท่านมิให้ไปเกี่ยวข้องกับภริยาชาวอียิปต์ของท่าน คือ มารียะฮ์ มารดาของอิบรอฮีม ในการกระทำเช่นนี้ เพราะเหตุว่าท่านได้ไปร่วมหลับนอนกับมารียะฮ์ในบ้านของฮัฟเซาะฮ์ เมื่อนางรู้เรื่องเข้า ท่านจึงสาบานว่าจะไม่ไปร่วมหลับนอนกับมารียะฮ์อีกต่อไป ทั้งนี้เพื่อเอาใจฮัฟเซาะฮ์นั่นเอง ดังนั้น อัลลอฮ์จึงตำหนิท่านและทรงอภัยให้แก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
66:2
قَدْ فَرَضَ ٱللَّهُ لَكُمْ تَحِلَّةَ أَيْمَـٰنِكُمْ ۚ وَٱللَّهُ مَوْلَىٰكُمْ ۖ وَهُوَ ٱلْعَلِيمُ ٱلْحَكِيمُ
Translation: แน่นอน อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดแก่พวกเจ้าแล้วในการแก้คำสาบานของพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ(2)
Comment: (2)โอ้บรรดามุอ์มินเอ๋ย อัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งการแก้คำสาบานคือการไถ่โทษ ซึ่งปรากฏอยู่ในซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ 89 และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองกิจการและช่วยเหลือพวกเจ้า ทรงรอบรู้ในสภาพของปวงบ่างของพระองค์ ทรงปรีชาญาณ ในการชี้ขาดตัดสินของพระองค์
66:3
وَإِذْ أَسَرَّ ٱلنَّبِىُّ إِلَىٰ بَعْضِ أَزْوَٰجِهِۦ حَدِيثًۭا فَلَمَّا نَبَّأَتْ بِهِۦ وَأَظْهَرَهُ ٱللَّهُ عَلَيْهِ عَرَّفَ بَعْضَهُۥ وَأَعْرَضَ عَنۢ بَعْضٍۢ ۖ فَلَمَّا نَبَّأَهَا بِهِۦ قَالَتْ مَنْ أَنۢبَأَكَ هَـٰذَا ۖ قَالَ نَبَّأَنِىَ ٱلْعَلِيمُ ٱلْخَبِيرُ
Translation: และจงรำลึกขณะที่ท่านนบีได้บอกความลับเรื่องหนึ่งแก่ภริยาบางคนของเขา ครั้นเมื่อนางได้บอกเล่าเรื่องนี้ (แก่คนอื่น) และอัลลอฮ์ได้ทรงแจ้งเรื่องนี้แก่เขา (ท่านนบี) เขาก็ได้แจ้งบางส่วนของเรื่องนี้ และไม่แจ้งบางส่วน ครั้นเมื่อเขา (ท่านนบี) ได้แจ้งเรื่องนี้แก่นาง นางได้กล่าวว่า ใครบอกเล่าเรื่องนี้แก่ท่าน ? เขา (ท่านนบี) กล่าวว่าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงแจ้งแก่ฉัน(3)
Comment: (3)จงรำลึกขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกความลับแก่ภริยาของท่านคือ ฮัฟเซาะฮ์ และมิให้บอกความลับเรื่องมารียะฮ์แก่ใคร แต่ฮัฟเซาะฮ์ได้เล่าเรื่องนี้แก่อาอิชะฮ์ เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ดังนั้น อัลลอฮ์จึงทรงแจ้งเรื่องนี้แก่ท่านนบี โดยผ่านทางญิบรีล แล้วฮัฟเซาะฮ์ได้กล่าวกับท่านนบีว่า โครบอกกับท่านในเรื่องนี้ ? ท่านนบีตอบว่า พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงบอกให้ฉันทราบ
66:4
إِن تَتُوبَآ إِلَى ٱللَّهِ فَقَدْ صَغَتْ قُلُوبُكُمَا ۖ وَإِن تَظَـٰهَرَا عَلَيْهِ فَإِنَّ ٱللَّهَ هُوَ مَوْلَىٰهُ وَجِبْرِيلُ وَصَـٰلِحُ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۖ وَٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ بَعْدَ ذَٰلِكَ ظَهِيرٌ
Translation: หากเจ้าทั้งสองกลับเนื้อกลับตัวขออภัยโทษต่อัลลอฮ์(ก็จะเป็นการดีแก่เจ้าทั้งสอง) เพราะแน่นอนหัวใจของเจ้าทั้งสองก็โอนอ่อนอยู่แล้ว แต่หากเจ้าทั้งสองร่วมกันต่อต้านเขา(ท่านนบี) แท้จริงอัลลอฮ์พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองเขา อีกทั้งญิบรีล และบรรดาผู้ศรัทธาที่ดีและนอกจากนั้น มลาอิกะฮ์ก็ยังเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้วย(4)
Comment: (4)หากฮัฟเซาะฮ์และอาอิชะฮ์ยอมกลับเนื้อกลับตัวขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์เสีย ก็จะเป็นการดีแก่เจ้าทั้งสองยิ่งกว่าที่จะรวมกันต่อต้านท่านนบี เพราะหัวใจของเจ้าทั้งสองก็โอนอ่อนอยู่แล้วถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความบริสุทธิ์ใจต่อท่านร่อซูล ด้วยการรักในสิ่งที่ท่านรัก และเกลียดในสิ่งที่ท่านเกลียด แต่ถ้าเจ้าทั้งสองสนับสนุนกันต่อต้านนบี การต่อต้านนั้นจะไม่เกิดโทษแก่ท่านแต่อย่างใด เพราะที่แน่นอนอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้คุ้มครองพิทักษ์รักษาท่าน อีกทั้งญิบรีล บรรดาผู้ศรัทธาที่ดีคือ อะบูบักร์และอุมัร และนอกจากนั้นบรรดามลาอิกะฮ์ก็ยังเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนในการคุ้มครองอีกด้วย
66:5
عَسَىٰ رَبُّهُۥٓ إِن طَلَّقَكُنَّ أَن يُبْدِلَهُۥٓ أَزْوَٰجًا خَيْرًۭا مِّنكُنَّ مُسْلِمَـٰتٍۢ مُّؤْمِنَـٰتٍۢ قَـٰنِتَـٰتٍۢ تَـٰٓئِبَـٰتٍ عَـٰبِدَٰتٍۢ سَـٰٓئِحَـٰتٍۢ ثَيِّبَـٰتٍۢ وَأَبْكَارًۭا
Translation: หากเขาหย่าพวกนาง บางทีพระเจ้าของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่เขามีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นหญิงที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นหญิงผู้ศรัทธา เป็นหญิงผู้ภักดี เป็นหญิงผู้ขอลุแก่โทษ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการอิบาดะฮ์ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการถือศิลอด เป็นหญิงที่เป็นหม้าย และที่เป็นหญิงสาว(5)
Comment: (5)นี่คือการขู่สำทับแก่บรรดาภริยาท่านนบี และเป็นการอบรมที่ดีจากพระเจ้า กล่าวคือหากท่านนบีหย่าพวกนาง บางทีอัลลอฮ์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่ท่านนบีมีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นมุสลิมมะฮ์ที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นมุอ์มินผู้ศรัทธา เป็นกอนิตะฮ์ผู้ภักดี เป็นตาอิบะฮ์ผู้ขอลุแก่โทษ เป็นอาบิดะฮ์ผู้มั่นต่อการอิบาดะฮ์ เป็นศออิมะฮ์ผู้มั่นต่อการถือศีลอด หรือผู้มั่นต่อการอพยพเพื่อการใคร่ครวญ และบางคนเป็นหญิงหม้าย บางคนเป็นหญิงบริสุทธิ์ แต่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้หย่าพวกนาง และอัลลอฮ์ก็มิได้ทรงเปลี่ยนภริยาให้แก่ท่าน เพราะพวกนางเป็นภริยาของท่านทั้งโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮ์
66:6
يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ قُوٓا۟ أَنفُسَكُمْ وَأَهْلِيكُمْ نَارًۭا وَقُودُهَا ٱلنَّاسُ وَٱلْحِجَارَةُ عَلَيْهَا مَلَـٰٓئِكَةٌ غِلَاظٌۭ شِدَادٌۭ لَّا يَعْصُونَ ٱللَّهَ مَآ أَمَرَهُمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ
Translation: โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้อนหิน มีมลาอิกะฮ์ผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา(6)
Comment: (6)เป็นการเรียกร้องของอัลลอฮ์แก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่เป็นมุอ์มิน และทรงตักเตือนพวกเขาว่าจงคุ้มครองป้องกันตัวเองและครอบครัวที่ประกอบด้วยภริยาและลูกหลานจากไฟนรกที่ร้อนแรงด้วยการหยุดกระทำสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ และการทำความดีที่เป็นการจงรักภักดี เพราะเชื้อเพลิงของไฟนรกนั้นก็คือมนุษย์ที่เป็นผู้ฝ่าฝืนและก้อนหิน และที่นรกนั้นมีมลาอิกะฮ์ทำหน้าที่เฝ้าประตู19 ท่าน มีจิตใจที่เหี้ยมหาญ แข็งกร้าว ไม่มีความเมตตาต่อผู้ใดได้รับมอบหมายให้ทำการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนหรือขัดแย้งคำบัญชาของพระองค์ และจะปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกบัญชา
66:7
يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ لَا تَعْتَذِرُوا۟ ٱلْيَوْمَ ۖ إِنَّمَا تُجْزَوْنَ مَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ
Translation: โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย วันนี้พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวเลย แต่ว่าพวกเจ้าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้(7)
Comment: (7)เป็นการกล่าวแก่พวกกุฟฟารว่า วันนี้พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวเลย เพราะการแก้ตัวจะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใดแต่ว่าพวกเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามผลงานของพวกเจ้า ถ้าผลงานดีก็ได้รับการตอบแทนที่ดี และถ้าผลงานชั่วก็จะได้รับการตอบแทนความชั่ว
66:8
يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ تُوبُوٓا۟ إِلَى ٱللَّهِ تَوْبَةًۭ نَّصُوحًا عَسَىٰ رَبُّكُمْ أَن يُكَفِّرَ عَنكُمْ سَيِّـَٔاتِكُمْ وَيُدْخِلَكُمْ جَنَّـٰتٍۢ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ يَوْمَ لَا يُخْزِى ٱللَّهُ ٱلنَّبِىَّ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ مَعَهُۥ ۖ نُورُهُمْ يَسْعَىٰ بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَبِأَيْمَـٰنِهِمْ يَقُولُونَ رَبَّنَآ أَتْمِمْ لَنَا نُورَنَا وَٱغْفِرْ لَنَآ ۖ إِنَّكَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ قَدِيرٌۭ
Translation: โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอลุแก่โทษแด่อัลลอฮ์ด้วยการลุแก่โทษอย่างจริงจังเถิด บางทีพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าจะลบล้างความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน(8) วันที่อัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้นบี และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาต้องอัปยศแสงสว่างของพวกเขาจะส่องจ้าไปเบื้องหน้าของพวกเขาและทางเบื้องขวาของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่าข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงโปรดทำให้แสงสว่างของเราอยู่กับเราตลอดไปและทรงยกโทษให้แก่เราแท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง(9)
Comment: (8)เป็นการเรียกร้องบรรดามุอ์มินให้ขอลุแก่โทษอย่างรีบด่วนและจริงจังโดยจะไม่กลับไปกระทำความผิดอีก เพราะการกระทำเช่นนั้น พระองค์จะทรงลบล้างและอภัยโทษในความผิดของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้าแล้วพวกเจ้าก็จะได้เข้าสู่สวนสวรรค์หลากหลายที่มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
Comment: (9) ในวันกิยามะฮ์นั้น อัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้ท่านนบี และบรรดามุอ์มินร่วมกับท่านนบี ได้รับความอัปยศ ทั้งนี้ด้วยการให้พวกเขาได้เข้าสู่สวนสวรรค์ แสงสว่างของพวกเขาจะส่องจ้าไปยังเบื้องหน้า และรอบ ๆ ตัวของพวกเขา ในขณะที่พวกเขา เดินข้ามสะพาน “อัศศิร๊อฎ” ไปสู่สวนสวรรค์ และวิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกเขาให้แสงสว่างนั้นคงอยู่ต่อไปจนกระทั่ง พวกเขาเดินผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และวิงวอนขอต่อพระองค์ทรงยกโทษแก่พวกเขาด้วย เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งที่จะประทานความสำเร็จให้แก่ปวงบ่าวของพระองค์
66:9
يَـٰٓأَيُّهَا ٱلنَّبِىُّ جَـٰهِدِ ٱلْكُفَّارَ وَٱلْمُنَـٰفِقِينَ وَٱغْلُظْ عَلَيْهِمْ ۚ وَمَأْوَىٰهُمْ جَهَنَّمُ ۖ وَبِئْسَ ٱلْمَصِيرُ
Translation: โอ้นบีเอ๋ย จงต่อสู้กับพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกมุนาฟิกีน และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา เพราะที่พำนักของพวกเขาคือนรก และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง(10)
Comment: (10)อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงใช้ให้นบีของพระองค์ต่อสู้กับพวกกุฟฟารด้วยคมดาบ จนกระทั่งพวกเขาจะยอมจำนนรับนับถืออิสลาม และต่อสู้กับพวกมุนาฟิกีนด้วยคำพูดที่แข็งกร้าว และสำนวนที่หนักแน่น และจงปฏิบัติกับพวกเหล่านั้นด้วยความแข็งกระด้าง อย่าใช้ความนุ่มนวลและความอ่อนโยนกับพวกเขา เพราะที่พำนักของพวกเขาในวันกิยามะฮ์คือนรก และนรกนั้นมันชั่วช้าจริง ๆ สำหรับเป็นที่พำนักและทางกลับของบรรดาอาชญากรผู้กระทำผิด
66:10
ضَرَبَ ٱللَّهُ مَثَلًۭا لِّلَّذِينَ كَفَرُوا۟ ٱمْرَأَتَ نُوحٍۢ وَٱمْرَأَتَ لُوطٍۢ ۖ كَانَتَا تَحْتَ عَبْدَيْنِ مِنْ عِبَادِنَا صَـٰلِحَيْنِ فَخَانَتَاهُمَا فَلَمْ يُغْنِيَا عَنْهُمَا مِنَ ٱللَّهِ شَيْـًۭٔا وَقِيلَ ٱدْخُلَا ٱلنَّارَ مَعَ ٱلدَّٰخِلِينَ
Translation: อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูห์ และภริยาของลูฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสอง ดังนั้นเขาทั้งสองจึงไม่สามารถช่วยนางทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์แต่ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน(11)
Comment: (11)อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงยกอุทาหรณ์ถึงพวกกุฟฟารในการที่พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์อะไรกับความใกล้ชิดกับบรรดามุอ์มินด้วยสภาพภริยาของนบีนูห์ และภริยาของนบีลู๊ฏ ซึ่งนางทั้งสองได้ทรยศต่อศาสนาของนางทั้งสอง นางทั้งสองจึงเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ภริยาของนูห์ได้เผยความลับแก่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาต่อสามีคือบรรดาหัวหน้าผู้เกรี้ยวกราดของหมู่ชนนูห์ และว่าสามีของนางเป็นคนบ้า และภริยาของนบีลู๊ฏผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ชี้แนะแก่บรรดาอาชญากรเมื่อเวลามีแขกของนบีลู๊ฏมาเยือนท่าน เช่นเวลากลางคืน ก็ส่งสัญญาณเป็นแสงไฟ เวลากลางวันก็ส่งสัญญาณเป็นควันไฟ เพื่อให้บรรดาอาชญากรเหล่านั้นมารบกวนแขกของนบีลู๊ฏ เมื่อนางทั้งสองเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาดังนั้น ความใกล้ชิดคือการเป็นภริยาของนบีก็มิได้ช่วยเหลือให้นางพ้นจากการลงโทษไปได้ ในวันกิยามะฮ์มีเสียงกล่าวแก่นางทั้งสองว่า จงเข้าไปอยู่ในนรกพร้อมกับหมู่ชนของนบีนูห์และหมู่ชนของนบีลู๊ฏเถิด
66:11
وَضَرَبَ ٱللَّهُ مَثَلًۭا لِّلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ٱمْرَأَتَ فِرْعَوْنَ إِذْ قَالَتْ رَبِّ ٱبْنِ لِى عِندَكَ بَيْتًۭا فِى ٱلْجَنَّةِ وَنَجِّنِى مِن فِرْعَوْنَ وَعَمَلِهِۦ وَنَجِّنِى مِنَ ٱلْقَوْمِ ٱلظَّـٰلِمِينَ
Translation: และอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ศรัทธาถึงภริยาของฟิรอาวน์เมื่อนางได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพระองค์ ณ ที่พระองค์ท่านในสวนสวรรค์และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากฟิรอาวน์ และการกระทำของเขา และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม(12)
Comment: (12)อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงยกอุทาหรณ์ถึงผู้ศรัทธาคือภริยาของฟิรอาวน์คือนางอาซิยะฮ์ บินตฺ มะซาฮิม นางได้ศรัทธาต่อนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม เมื่อฟิรอาวน์รู้เรื่องการอีมานของนางต่อนบีมูซา เขาจึงสั่งให้ฆ่านางเมื่อนางรู้ว่าสามีผู้เกรี้ยวกราดจะฆ่านาง นางได้วิงวอนต่อพระเจ้าของนางว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพระองค์ในสวนสวรรค์ ณ ที่พระองค์ท่าน และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากฟิรอาวน์ และการกระทำของเขาคือการปฏิเสธศรัทธาและการอธรรม และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม คือ พวกค๊อปติกชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นพลพรรคของฟิรอาวน์ อัลหะซัน กล่าวว่า เมื่อนางได้วิงวอนขอดังกล่าว อัลลอฮ์ ตะอาลา ก็ทรงช่วยเหลือให้นางพ้นจากการฆ่าของฟิรอาวน์
66:12
وَمَرْيَمَ ٱبْنَتَ عِمْرَٰنَ ٱلَّتِىٓ أَحْصَنَتْ فَرْجَهَا فَنَفَخْنَا فِيهِ مِن رُّوحِنَا وَصَدَّقَتْ بِكَلِمَـٰتِ رَبِّهَا وَكُتُبِهِۦ وَكَانَتْ مِنَ ٱلْقَـٰنِتِينَ
Translation: และมัรยัมบุตรีของอิมรอน ผู้ซึ่งรักษาพรหมจารีของนาง แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง และนางได้ศรัทธาต่อบัญญัติต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของนาง และ(ได้ศรัทธาต่อ) คัมภีร์ต่างๆ ของพระองค์ และนางจึงอยู่ในหมู่ผู้นอบน้อมภักดีทั้งหลาย(13)
Comment: (13)อีกอุทาหรณ์หนึ่ง คือ มัรยัมบุตรของอิมรอน ซึ่งนางเป็นผู้รักษาความบริสุทธิ์ในตัวของนางขณะที่เวลานั้นความชั่วและการทำซินากำลังครอบคลุมสังคมบนีอิสรออีล เช่น สภาพของสังคมในปัจจุบันนี้ ในประเทศอิสรออีล และประเทศอื่น ๆ แต่สภาพสังคมเช่นนั้นก็มิได้ทำให้มัรยัมต้องเสียความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้น อัลลอฮ์จึงทรงยกย่องให้เกียรติแก่นางด้วยการส่งวิญญาณของพระองค์ คือ ญิบรีล อะลัยอิสสลามไปยังนางแล้วใช้ให้เขาเป่าไปที่แขนเสื้อของนาง ด้วยเดชานุภาพของอัลลอฮ์ลมเป่านั้นก็เข้าไปสู่ร่างกายของนาง แล้วนางก็ตั้งครรภ์เป็นอีซา มัรยัมได้อีมานต่อบัญญัติต่าง ๆ ของอัลลอฮ์และบรรดาคัมภีร์ต่าง ๆ ของอัลลอฮ์ และนางเป็นผู้หนึ่งผู้นอบน้อม จงรักภักดี และเป็นผู้ทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์