سورة النساء

An-Nisaa

The Women


medinan   .   176 Ayahs

بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَـٰنِ ٱلرَّحِيمِ


4:1

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلنَّاسُ ٱتَّقُوا۟ رَبَّكُمُ ٱلَّذِى خَلَقَكُم مِّن نَّفْسٍۢ وَٰحِدَةٍۢ وَخَلَقَ مِنْهَا زَوْجَهَا وَبَثَّ مِنْهُمَا رِجَالًۭا كَثِيرًۭا وَنِسَآءًۭ ۚ وَٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ ٱلَّذِى تَسَآءَلُونَ بِهِۦ وَٱلْأَرْحَامَ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلَيْكُمْ رَقِيبًۭا

Translation: มนุษยชาติทั้งหลาย! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าที่ได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง(1) และได้ทรงบังเกิดจากชีวิตนั้นซึ่งคู่ครองของเขา(2) และได้ทรงให้แพร่สะพัดไปจากทั้งสองนั้นซึ่งบรรดาชายและบรรดาหญิงอันมากมาย และจงยำเกรงอัลลอฮ์ที่พวกเจ้าต่างขอกันด้วยพระองค์(3) และพึงรักษาเครือญาติ(4) แท้จริง อัลลอฮ์ทรงสอดส่องดูพวกเจ้าอยู่เสมอ

Comment: (1)คือท่านนบีอาดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่ถูกบังเกิดขึ้นจากดิน

Comment: (2)ได้ทรงให้พระนางเฮาวาอ์ คู่ครองของท่านนบีอาดัม เกิดจากท่านนบีอาดัมเอง

Comment: (3)ต่างขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยอ้างพระองค์เป็นสักขีพยานในความจำเป็นของเขา

Comment: (4)ให้เอาใจใส่และระมัดระวังในสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ อันพึงมีต่อเครือญาติ มิเช่นนั้นแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติขาดตอนลง

4:2

وَءَاتُوا۟ ٱلْيَتَـٰمَىٰٓ أَمْوَٰلَهُمْ ۖ وَلَا تَتَبَدَّلُوا۟ ٱلْخَبِيثَ بِٱلطَّيِّبِ ۖ وَلَا تَأْكُلُوٓا۟ أَمْوَٰلَهُمْ إِلَىٰٓ أَمْوَٰلِكُمْ ۚ إِنَّهُۥ كَانَ حُوبًۭا كَبِيرًۭا

Translation: และจง(คืน) ให้แก่บรรดาเด็กกำพร้า ซึ่งทรัพย์สมบัติของพวกเขา(5) และจงอย่าเปลี่ยนเอาของเลวด้วยของดี(6) และจงอย่ากินทรัพย์ของพวกเขาร่วมกับทรัพย์ของพวกเจ้า(7) แท้จริงมันเป็นบาปอันยิ่งใหญ่

Comment: (5)เมื่อเห็นว่าพวกเขาบรรลุวัยที่สามารถรู้จักใช้เงินและรักษาเงินไว้ได้แล้ว

Comment: (6)จงอย่าเอาทรัพย์ที่ดีของเด็กกำพร้ามาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนอันถือเป็นของไม่ดีสำหรับพวกเจ้า เพราะเป็นสิ่งต้องห้าม แล้วให้ทรัพย์ที่ไม่ดีของพวกเจ้าแก่เด็กกำพร้าแทน ซึ่งถือเป็นทรัพย์ที่ดีสำหรับพวกเจ้า เพราะเป็นสิ่งฮะลาลแก่พวกเจ้า ทรัพย์ของคนอื่นนั้นแม้ว่าจะเลวสักปานใดก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งดีแก่เรา เพราะเป็นที่ฮะลาลแก่เขา และไม่ทำให้เขาได้รับโทษ

Comment: (7)อย่าเอาทรัพย์ของเด็กกำพร้ามาปนกับทรัพย์ของพวกเจ้า แล้วถือโอกาสกินทรัพย์ของพวกเขาไปด้วย

4:3

وَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تُقْسِطُوا۟ فِى ٱلْيَتَـٰمَىٰ فَٱنكِحُوا۟ مَا طَابَ لَكُم مِّنَ ٱلنِّسَآءِ مَثْنَىٰ وَثُلَـٰثَ وَرُبَـٰعَ ۖ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا۟ فَوَٰحِدَةً أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَـٰنُكُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰٓ أَلَّا تَعُولُوا۟

Translation: และหากพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกำพร้าได้(8) ก็จงแต่งงานกับหญิงที่ดีๆ สำหรับพวกเจ้า(9) จากหมู่ผู้หญิง สองคน หรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่า พวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงแต่งงานกับผู้หญิงคนเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองอยู่(10) นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง

Comment: (8)ถ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาที่เป็นกำพร้าได้ เป็นต้นว่า ไม่สามารถจะเลี้ยงเธอให้อยู่กินดีหรือไม่เอาเงินของเธอไปใช้จ่ายแล้วไซร้ ก็จงอย่าแต่งงานกับหญิงกำพร้า เพราะการไม่ให้ความยุติธรรมแก่เธอ และการกินทรัพย์ของเธอนั้นเป็นบาปใหญ่

Comment: (9)ให้แต่งงานกับหญิงที่มิใช่เป็นกำพร้า ที่พวกเจ้าเห็นดีเห็นชอบจะเป็นสองคน หรือสามคนหรือสี่คนก็ได้ ถ้าสามารถที่จะเลี้ยงนางเหล่านั้นด้วยความเป็นธรรม

Comment: (10)หมายถึงหญิงทาสของพวกเจ้า

4:4

وَءَاتُوا۟ ٱلنِّسَآءَ صَدُقَـٰتِهِنَّ نِحْلَةًۭ ۚ فَإِن طِبْنَ لَكُمْ عَن شَىْءٍۢ مِّنْهُ نَفْسًۭا فَكُلُوهُ هَنِيٓـًۭٔا مَّرِيٓـًۭٔا

Translation: และจงให้แก่บรรดาหญิงซึ่งมะฮัรของนาง(11) ด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้สิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้าจากมะฮัรนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความโอชะ

Comment: (11)มะฮัร คือทรัพย์จำนวนหนึ่งที่ฝ่ายชายให้แก่หญิงเป็นการตอบแทนที่นางยินดีเป็นคู่ครอง

4:5

وَلَا تُؤْتُوا۟ ٱلسُّفَهَآءَ أَمْوَٰلَكُمُ ٱلَّتِى جَعَلَ ٱللَّهُ لَكُمْ قِيَـٰمًۭا وَٱرْزُقُوهُمْ فِيهَا وَٱكْسُوهُمْ وَقُولُوا۟ لَهُمْ قَوْلًۭا مَّعْرُوفًۭا

Translation: และจงอย่าให้แก่บรรดาผู้ที่โง่เขลา(12) ซึ่งทรัพย์ของพวกเจ้า(13) ที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้เป็นสิ่งเกื้อหนุนแก่พวกเจ้า(14) และจงให้ปัจจัยยังชีพ และเครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขาในทรัพย์นั้น(15) และจงพูดจาแก่พวกเขาอย่างดี

Comment: (12)บรรดาเด็กกำพร้าที่โง่เขลา ซึ่งไม่สามารถจะรักษาทรัพย์ของเขาได้ แม้จะมีมากก็ตาม

Comment: (13)หมายถึงทรัพย์ของเด็กกำพร้าซึ่งอยู่ในมือของพวกเจ้าในฐานะเป็นผู้ปกครอง และการที่อัลลอฮ์ทรงระบุว่า “ทรัพย์ของพวกเจ้า” นั้นก็เพื่อพวกเจ้าซึ่งเป็นผู้ปกครองเด็ก จะได้ระมัดระวังรักษาทรัพย์นั้นๆ ประหนึ่งทรัพย์ของตนเอง

Comment: (14)อัลลอฮ์ทรงอนุมัติให้พวกเจ้านำเงินของเด็กกำพร้าไปทำการค้าขายได้ เพื่อนำผลกำไรมาจุนเจือความเป็นอยู่ของพวกเจ้า

Comment: (15)ในผลกำไรที่เกิดขึ้นจากทรัพย์นั้น

4:6

وَٱبْتَلُوا۟ ٱلْيَتَـٰمَىٰ حَتَّىٰٓ إِذَا بَلَغُوا۟ ٱلنِّكَاحَ فَإِنْ ءَانَسْتُم مِّنْهُمْ رُشْدًۭا فَٱدْفَعُوٓا۟ إِلَيْهِمْ أَمْوَٰلَهُمْ ۖ وَلَا تَأْكُلُوهَآ إِسْرَافًۭا وَبِدَارًا أَن يَكْبَرُوا۟ ۚ وَمَن كَانَ غَنِيًّۭا فَلْيَسْتَعْفِفْ ۖ وَمَن كَانَ فَقِيرًۭا فَلْيَأْكُلْ بِٱلْمَعْرُوفِ ۚ فَإِذَا دَفَعْتُمْ إِلَيْهِمْ أَمْوَٰلَهُمْ فَأَشْهِدُوا۟ عَلَيْهِمْ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ حَسِيبًۭا

Translation: และจงทดสอบบรรดาเด็กกำพร้า(16) ดูจนกระทั่งพวกเขาบรรลุวัยสมรส ถ้าพวกเจ้าเห็นว่า ในหมู่พวกเขานั้นมีไหวพริบรู้ผิดชอบแล้ว ก็จงมอบทรัพย์ของพวกเขาให้แก่พวกเขาไป และจงอย่ากินทรัพย์นั้นโดยฟุ่มเฟือยและรีบเร่ง(17) ก่อนที่พวกเขาจะเติบโต และผู้ใดเป็นผู้มั่งมีก็จงงดเว้นเสีย(18) และผู้ใดเป็นผู้ยากจนก็จงกินโดยชอบธรรม(19) ครั้นเมื่อพวกเจ้าได้มอบทรัพย์ของพวกเขาให้แก่พวกเขาไปแล้ว ก็จงให้มีพยานยืนยันแก่พวกเขา และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสอบสวน

Comment: (16)ทดสอบเด็กกำพร้าอยู่เสมอว่า เขามีความเฉลียวฉลาดในการใช้เงินและรักษาเงินแล้วหรือยัง จนกระทั่งถึงวัยสมรส

Comment: (17)ผู้ปกครองเด็กกำพร้าที่ยากจนนั้นได้รับอนุมัติให้ใช้เงินของเด็กกำพร้าได้ แต่อย่าใช้ให้ฟุ่มเฟือย และรีบเร่งใช้เงินก่อนที่พวกเขาจะโต เพราะเมื่อพวกเขาโตแล้ว จะต้องมอบเงินของเด็กกำพร้าให้แก่พวกเขาไป

Comment: (18)ไม่ใช้เงินของเด็กกำพร้าในการครองชีพของเขา

Comment: (19)จงใช้จ่ายเงินของเด็กกำพร้าในการครองชีพโดยชอบธรรม คือเท่าที่มีความจำเป็น

4:7

لِّلرِّجَالِ نَصِيبٌۭ مِّمَّا تَرَكَ ٱلْوَٰلِدَانِ وَٱلْأَقْرَبُونَ وَلِلنِّسَآءِ نَصِيبٌۭ مِّمَّا تَرَكَ ٱلْوَٰلِدَانِ وَٱلْأَقْرَبُونَ مِمَّا قَلَّ مِنْهُ أَوْ كَثُرَ ۚ نَصِيبًۭا مَّفْرُوضًۭا

Translation: สำหรับบรรดาชายนั้น มีส่วนได้รับจากสิ่งที่(20) ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และบรรดาญาติที่ใกล้ชิดได้ทิ้งไว้ และสำหรับบรรดาหญิงนั้นก็มีส่วนได้รับจากสิ่งที่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและบรรดาญาติที่ใกล้ชิดได้ทิ้งไว้ ซึ่งสิ่งนั้นจะน้อยหรือมากก็ตาม เป็นส่วนได้รับที่ถูกำหนดอัตราส่วนไว้

Comment: (20)จากมรดก

4:8

وَإِذَا حَضَرَ ٱلْقِسْمَةَ أُو۟لُوا۟ ٱلْقُرْبَىٰ وَٱلْيَتَـٰمَىٰ وَٱلْمَسَـٰكِينُ فَٱرْزُقُوهُم مِّنْهُ وَقُولُوا۟ لَهُمْ قَوْلًۭا مَّعْرُوفًۭا

Translation: และบรรดาญาติที่ใกล้ชิด(21) และบรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาผู้ที่ขัดสนมาร่วมอยู่ด้วยในการแบ่งมรดก ก็จงปันส่วนหนึ่งจากสิ่งนั้น(22) ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และจงกล่าวแก่พวกเขาอย่างดี

Comment: (21)หมายถึงญาติใกล้ชิดที่ไม่มีสิทธิได้รับมรดก เช่น พี่หรือน้องพ่อเดียวกันกับผู้ตาย จะไม่ได้รับมรดกจากผู้ตายในเมื่อผู้ตายมีพี่หรือน้องพ่อแม่เดียวกัน กล่าวคือ พี่น้องพ่อแม่เดียวกันกับผู้ตายนั้นจะกันพี่น้องพ่อเดียวกับผู้ตายมิให้ได้รับมรดกจากผู้ตาย เป็นต้น เพราะพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีสิทธิเหนือกว่า

Comment: (22)จากทรัพย์ที่เป็นมรดก

4:9

وَلْيَخْشَ ٱلَّذِينَ لَوْ تَرَكُوا۟ مِنْ خَلْفِهِمْ ذُرِّيَّةًۭ ضِعَـٰفًا خَافُوا۟ عَلَيْهِمْ فَلْيَتَّقُوا۟ ٱللَّهَ وَلْيَقُولُوا۟ قَوْلًۭا سَدِيدًا

Translation: และพึงไตร่ตรองเถิด บรรดาผู้ที่หากพวกเขาละทิ้งลูกๆ ที่ยังอ่อนแออยู่ไว้เบื้องหลังของพวกเขา ซึ่งพวกเขากลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ลูกๆ ของพวกเขานั้น(23) พวกเขาจงเกรงกลัวอัลลอฮ์เถิด และจงกล่าววาจาอย่างเที่ยงตรง

Comment: (23)อัลลอฮ์ทรงใช้ให้ผู้ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้าได้ไตร่ตรอง และหวั่นเกรงว่า ถ้าพวกเขาตายไปบ้างและได้ทิ้งลูกเล็ก ๆ ไว้ ซึ่งพวกเขากลัวว่าลูกเล็ก ๆ เหล่านั้นจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั้น พวกเขาจะทำอย่างไร? นั่นก็หมายความว่าให้พวกเขาเลี้ยงดูเด็กกำพร้าที่อยู่ในปกครองของตนให้ดีที่สุด เหมือนกับเลี้ยงดูลูก ๆ ของตนเอง เพื่อว่าคนอื่นจะได้เลี้ยงดูลูก ๆ ของตนให้ดีเยี่ยงเดียวกัน ในเมื่อตนได้ทิ้งลูกเล็ก ๆ ไว้และในการที่พวกเขาจะปฏิบัติเช่นนั้นได้นั้นก็ต้องอาศัยความยำเกรงอัลลอฮ์เป็นสำคัญ และใช้วาจาที่ถูกต้องเที่ยงตรง

4:10

إِنَّ ٱلَّذِينَ يَأْكُلُونَ أَمْوَٰلَ ٱلْيَتَـٰمَىٰ ظُلْمًا إِنَّمَا يَأْكُلُونَ فِى بُطُونِهِمْ نَارًۭا ۖ وَسَيَصْلَوْنَ سَعِيرًۭا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่กินทรัพย์ของบรรดาเด็กกำพร้าด้วยความอธรรมนั้น แท้จริง พวกเขากินไฟเข้าไปในท้องของพวกเขาต่างหากและพวกเขาก็จะเข้าไปสู่เปลวเพลิงนรก

4:11

يُوصِيكُمُ ٱللَّهُ فِىٓ أَوْلَـٰدِكُمْ ۖ لِلذَّكَرِ مِثْلُ حَظِّ ٱلْأُنثَيَيْنِ ۚ فَإِن كُنَّ نِسَآءًۭ فَوْقَ ٱثْنَتَيْنِ فَلَهُنَّ ثُلُثَا مَا تَرَكَ ۖ وَإِن كَانَتْ وَٰحِدَةًۭ فَلَهَا ٱلنِّصْفُ ۚ وَلِأَبَوَيْهِ لِكُلِّ وَٰحِدٍۢ مِّنْهُمَا ٱلسُّدُسُ مِمَّا تَرَكَ إِن كَانَ لَهُۥ وَلَدٌۭ ۚ فَإِن لَّمْ يَكُن لَّهُۥ وَلَدٌۭ وَوَرِثَهُۥٓ أَبَوَاهُ فَلِأُمِّهِ ٱلثُّلُثُ ۚ فَإِن كَانَ لَهُۥٓ إِخْوَةٌۭ فَلِأُمِّهِ ٱلسُّدُسُ ۚ مِنۢ بَعْدِ وَصِيَّةٍۢ يُوصِى بِهَآ أَوْ دَيْنٍ ۗ ءَابَآؤُكُمْ وَأَبْنَآؤُكُمْ لَا تَدْرُونَ أَيُّهُمْ أَقْرَبُ لَكُمْ نَفْعًۭا ۚ فَرِيضَةًۭ مِّنَ ٱللَّهِ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: อัลลอฮ์ได้ทรงสั่งพวกเจ้าไว้เกี่ยวกับลูกๆ ของพวกเจ้าว่า สำหรับเพศชายนั้นจะได้รับ(24) เท่ากับส่วนได้ของเพศหญิงสองคน แต่ถ้าลูกๆ เป็นหญิงเกินกว่าสองคน(25) พวกนางก็จะได้สองในสามของสิ่งที่เขา(26) ได้ทิ้งไว้ และถ้าลูกเป็นหญิงคนเดียว(27) นางก็จะได้ครึ่งหนึ่ง และสำหรับบิดาและมารดาของเขานั้น แต่ละคนในทั้งสองนั้นจะได้หนึ่งในหกจากสิ่งที่เขา(28) ได้ทิ้งไว้หากเขามีบุตร แต่ถ้าเขาไม่มีบุตรและมีบิดามารดาของเขาเท่านั้นที่รับมรดกของเขาแล้ว มารดาของเขาก็ได้รับหนึ่งในสาม ถ้าเขามีพี่น้องหลายคน มารดาของเขาก็ได้รับหนึ่งในหก ทั้งนี้หลังจากพินัยกรรมที่เขาได้สั่งเสียมันไว้หรือหลังจากหนี้สิน(29) บรรดาบิดาของพวกเจ้าและลูกๆ ของพวกเจ้านั้น พวกเจ้าไม่รู้ดอกว่าฝ่ายไหนในพวกเขานั้นเป็นผู้ที่มีคุณประโยชน์แก่พวกเจ้าใกล้กว่ากัน ทั้งนี้เป็นบัญญัติที่มาจากอัลลอฮ์แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (24)จะรับมรดกของบิดาหรือมารดาเท่ากับพี่น้องของเขาที่เป็นหญิงสองคน กล่าวคือ ลูกชายจะได้รับมากกว่าลูกหญิงสองเท่า ทั้งนี้หลังจากจ่ายทรัพย์ไปตามพินัยกรรมและใช้หนี้ใช้สิน และหลังจากผู้มีสิทธิรับมรดกคนอื่นๆ ได้รับกันไปแล้ว

Comment: (25)ลูก ๆ เป็นหญิง และมีเกินกว่าสองคน และหมายถึงมีสองคนด้วย ทั้งนี้เนื่องจากอัตราส่วนของลูกหญิงสองคนนั้นมิได้ระบุไว้ ถ้าจะให้แต่ละคนได้รับครึ่งหนึ่งของมรดกเท่ากับที่มีลูกหญิงคนเดียวได้รับแล้ว ก็จะกินมรดกเสียหมดแต่เพียงสองคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุนี้ จึงให้ลูกหญิงสองคนเข้าอยู่ในอัตราส่วนของลูกหญิงเกินกว่าสองคนด้วย

Comment: (26)หมายถึงพ่อหรือแม่

Comment: (27)มีบุตรเป็นหญิงคนเดียวไม่มีบุตรชาย

Comment: (28)หมายถึงบุตรชายหรือบุตรหญิง

Comment: (29)หลังจากที่ได้จ่ายไปตามพินัยกรรม และใช้หนี้ใช้สินไปแล้ว

4:12

۞ وَلَكُمْ نِصْفُ مَا تَرَكَ أَزْوَٰجُكُمْ إِن لَّمْ يَكُن لَّهُنَّ وَلَدٌۭ ۚ فَإِن كَانَ لَهُنَّ وَلَدٌۭ فَلَكُمُ ٱلرُّبُعُ مِمَّا تَرَكْنَ ۚ مِنۢ بَعْدِ وَصِيَّةٍۢ يُوصِينَ بِهَآ أَوْ دَيْنٍۢ ۚ وَلَهُنَّ ٱلرُّبُعُ مِمَّا تَرَكْتُمْ إِن لَّمْ يَكُن لَّكُمْ وَلَدٌۭ ۚ فَإِن كَانَ لَكُمْ وَلَدٌۭ فَلَهُنَّ ٱلثُّمُنُ مِمَّا تَرَكْتُم ۚ مِّنۢ بَعْدِ وَصِيَّةٍۢ تُوصُونَ بِهَآ أَوْ دَيْنٍۢ ۗ وَإِن كَانَ رَجُلٌۭ يُورَثُ كَلَـٰلَةً أَوِ ٱمْرَأَةٌۭ وَلَهُۥٓ أَخٌ أَوْ أُخْتٌۭ فَلِكُلِّ وَٰحِدٍۢ مِّنْهُمَا ٱلسُّدُسُ ۚ فَإِن كَانُوٓا۟ أَكْثَرَ مِن ذَٰلِكَ فَهُمْ شُرَكَآءُ فِى ٱلثُّلُثِ ۚ مِنۢ بَعْدِ وَصِيَّةٍۢ يُوصَىٰ بِهَآ أَوْ دَيْنٍ غَيْرَ مُضَآرٍّۢ ۚ وَصِيَّةًۭ مِّنَ ٱللَّهِ ۗ وَٱللَّهُ عَلِيمٌ حَلِيمٌۭ

Translation: และสำหรับพวกเจ้านั้นจะได้รับครึ่งหนึ่งของสิ่งที่บรรดาภรรยาของพวกเจ้าได้ทิ้งไว้ หากมิปรากฏว่าพวกนางมีบุตร แต่ถ้าพวกนางมีบุตร พวกเจ้าก็จะได้รับหนึ่งในสี่จากสิ่งที่พวกนางได้สั่งเสียมันไว้หรือหลังจากหนี้สิน และสำหรับพวกนางนั้นจะได้รับหนึ่งในสี่จากสิ่งที่พวกเจ้าได้ทิ้งไว้ หากมิปรากฏว่าพวกเจ้ามีบุตร พวกนางก็จะได้รับหนึ่งในแปดจากสิ่งที่พวกเจ้าทิ้งไว้ ทั้งนี้หลังจากพินัยกรรมที่พวกเจ้าสั่งเสียมันไว้ หรือหลังจากหนี้สิน และถ้ามีชายคนหนึ่งหรือหญิงคนหนึ่งถูกรับมรดก(30) ในฐานะเป็นผู้ที่ไม่มีบิดาและบุตร แต่เขามีพี่ชายหรือน้องชายคนหนึ่ง หรือมีพี่สาวหรือน้องสาวคนหนึ่งแล้ว(31) แต่ละคนจากสองคนนั้น(32) จะได้รับหนึ่งในหก แต่ถ้าพี่น้องของเขามีมากกว่านั้น(33) พวกเขาก็เป็นผู้รับร่วมกันในหนึ่งในสาม ทั้งนี้ หลังจากพินัยกรรมที่ถูกสั่งเสียไว้ หรือหลังจากหนี้สิน โดยมิใช่สิ่งที่นำมาซึ่งผลร้ายใดๆ (แก่ทายาท)(34) เป็นคำสั่งที่มาจากอัลลอฮ์และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงหนักแน่น

Comment: (30)หมายถึงได้เสียชีวิตลง และทิ้งมรดกไว้ให้ทายาทรับ

Comment: (31)หมายถึงพี่ชายหรือน้องชาย พี่สาวหรือน้องสาว แม่เดียวกัน เพราะเป็นพ่อแม่เดียวกัน แล้วพี่ชายหรือน้องชายก็จะได้รับมรดกของเขาทั้งหมด และพี่สาวหรือน้องสาวของเขาก็จะได้รับครึ่งหนึ่ง ดังกล่าวนี้ได้ระบุไว้ในท้ายของซูเราะฮ์

Comment: (32)หมายถึงว่า ถ้ามีพี่น้องผู้ชายคนเดียวก็จะได้หนึ่งในหก หรือมีพี่น้องผู้หญิงคนเดียวก็จะได้หนึ่งในหก

Comment: (33)มีตั้งแต่สองคนขึ้นไป จะเป็นผู้ชายทั้งหมดหรือหญิงทั้งหมดหรือมีทั้งชายและหญิงร่วมกัน ก็จะได้รับเท่า ๆ กันในจำนวนหนึ่งในสามของมรดก

Comment: (34)เป็นต้นว่า ทำพินัยกรรมไว้เกินกว่าหนึ่งในสาม หรือมีการรับรองหนี้สินไว้ เพื่อหนีการรับมรดก จนทรัพย์ที่ทิ้งไว้หมด หรือเกือบหมด

4:13

تِلْكَ حُدُودُ ٱللَّهِ ۚ وَمَن يُطِعِ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ يُدْخِلْهُ جَنَّـٰتٍۢ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ خَـٰلِدِينَ فِيهَا ۚ وَذَٰلِكَ ٱلْفَوْزُ ٱلْعَظِيمُ

Translation: เหล่านั้นแหละคือขอบเขต(35) ของอัลลอฮ์และผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์แล้ว พระองค์ก็จะทรงให้เขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่างของมัน โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล และนั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่

Comment: (35)หมายถึงข้อกำหนดของอัลลอฮ์

4:14

وَمَن يَعْصِ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ وَيَتَعَدَّ حُدُودَهُۥ يُدْخِلْهُ نَارًا خَـٰلِدًۭا فِيهَا وَلَهُۥ عَذَابٌۭ مُّهِينٌۭ

Translation: และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ และละเมิดขอบเขตของพระองค์แล้วไซร้ พระองค์ก็จะทรงให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล(36) และเขาจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศให้(แก่เขา)

Comment: (36)หมายถึงผู้ฝ่าฝืนที่เข้าอยู่ในข่ายผู้ปฏิเสธศรัทธา

4:15

وَٱلَّـٰتِى يَأْتِينَ ٱلْفَـٰحِشَةَ مِن نِّسَآئِكُمْ فَٱسْتَشْهِدُوا۟ عَلَيْهِنَّ أَرْبَعَةًۭ مِّنكُمْ ۖ فَإِن شَهِدُوا۟ فَأَمْسِكُوهُنَّ فِى ٱلْبُيُوتِ حَتَّىٰ يَتَوَفَّىٰهُنَّ ٱلْمَوْتُ أَوْ يَجْعَلَ ٱللَّهُ لَهُنَّ سَبِيلًۭا

Translation: และบรรดาผู้ที่กระทำสิ่งลามก(37) จากบรรดาสตรีของพวกเจ้านั้น(38) จงให้มีพยานสี่คนของพวกเจ้ายืนยันนางเหล่านั้น(39) ถ้าพวกเขายืนยันแล้ว ก็จงกักขังนางเหล่านั้นไว้ในบ้าน จนกว่าความตายจะพรากพวกนาง หรือไม่ก็จะทรงให้มีทางหนึ่งสำหรับพวกนาง(40)

Comment: (37)หมายถึงมีชู้กับชายอื่น

Comment: (38)หมายถึงบรรดาภรรยาของพวกเจ้า

Comment: (39)คือยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รู้เห็นการกระทำลามกของพวกนาง

Comment: (40)ต่อมาอัลลอฮ์ก็ให้มีทางหนึ่งแก่พวกนางตามที่พระองค์ได้ทรงแจ้งไว้นั่นก็คือทรงให้เฆี่ยน 100 ที พร้อมกับเนรเทศ 1 ปีสำหรับหญิงที่ยังมิได้แต่งงานและให้ขว้างด้วยหินจนตาย สำหรับหญิงที่ผ่านการแต่งงานแล้ว จากรายงานของอุบาดะฮ์บิน อัศ-ซอมิต ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงเอาจากฉันไป ท่านทั้งหลายจงเอาจากฉันไป แท้จริง อัลลอฮ์ได้ทรงให้มีทางหนึ่งแก่พวกนางแล้ว คือ ผู้ที่แต่งงานแล้วกับผู้ที่แต่งงานแล้วนั้นโบยร้อยที แล้วขว้างด้วยก้อนหิน(จนตาย) และผู้ที่ยังไม่เคยแต่งกับผู้ที่ยังไม่เคยแต่งงานนั้น คือโบยร้อยทีแล้วเนรเทศหนึ่งปี”

4:16

وَٱلَّذَانِ يَأْتِيَـٰنِهَا مِنكُمْ فَـَٔاذُوهُمَا ۖ فَإِن تَابَا وَأَصْلَحَا فَأَعْرِضُوا۟ عَنْهُمَآ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ تَوَّابًۭا رَّحِيمًا

Translation: และชายสองคนในหมู่ของพวกเจ้าที่กระทำการลามก(41) นั้น พวกเจ้าจงลงโทษเขาเสียทั้งสองคน(42) หากทั้งสองสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวและปรับปรุงแก้ไขแล้ว ก็จงระงับการลงโทษเขาทั้งสองเสีย(43) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (41)หมายถึงการทำสำเร็จความใคร่ซึ่งกันและกันทางทวารหนัก

Comment: (42)คือให้ลงโทษเขาทั้งสองแล้วแต่จะเห็นสมควร ซึ่งในขณะนั้นได้ใช้คำพูดด่าว่าและประณามอย่างรุนแรง ครั้นเมื่ออายะฮ์ที่ว่าด้วยการลงโทษผู้ทำซินาซึ่งอยู่ในซูเราะฮ์ อัน-นูร ถูกประทานลงมาประกอบด้วยฮะดีษของท่านนบีที่รายงานโดยอุบาดะฮ์ ดังกล่าวแล้วในฟุตโน๊ตที่ 6 การลงโทษที่สำเร็จความใคร่ทางทวารหนัก จึงถือปฏิบัติเช่นเดียวกับทำซินา

Comment: (43)ให้เลิกด่าว่าและประณามเขาเสีย

4:17

إِنَّمَا ٱلتَّوْبَةُ عَلَى ٱللَّهِ لِلَّذِينَ يَعْمَلُونَ ٱلسُّوٓءَ بِجَهَـٰلَةٍۢ ثُمَّ يَتُوبُونَ مِن قَرِيبٍۢ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ يَتُوبُ ٱللَّهُ عَلَيْهِمْ ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: แท้จริง การสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวที่อัลลอฮ์จะทรงรับนั้นคือสำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความชั่วโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้นแล้วพวกเขาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวในเวลาอันใกล้ ชนเหล่านี้และอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณ

4:18

وَلَيْسَتِ ٱلتَّوْبَةُ لِلَّذِينَ يَعْمَلُونَ ٱلسَّيِّـَٔاتِ حَتَّىٰٓ إِذَا حَضَرَ أَحَدَهُمُ ٱلْمَوْتُ قَالَ إِنِّى تُبْتُ ٱلْـَٔـٰنَ وَلَا ٱلَّذِينَ يَمُوتُونَ وَهُمْ كُفَّارٌ ۚ أُو۟لَـٰٓئِكَ أَعْتَدْنَا لَهُمْ عَذَابًا أَلِيمًۭا

Translation: การสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว(ที่อัลลอฮ์จะทรงรับ) นั้นมิใช่สำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความชั่วต่างๆ จนกระทั่งเมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเขา แล้วเขาก็กล่าวว่า บัดนี้แหละข้าพระองค์ขอสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว และก็มิใช่สำหรับบรรดาผู้ที่ตาย ในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วย ชนเหล่านี้เราได้เตรียมไว้แล้วสำหรับพวกเขาซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ

4:19

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا يَحِلُّ لَكُمْ أَن تَرِثُوا۟ ٱلنِّسَآءَ كَرْهًۭا ۖ وَلَا تَعْضُلُوهُنَّ لِتَذْهَبُوا۟ بِبَعْضِ مَآ ءَاتَيْتُمُوهُنَّ إِلَّآ أَن يَأْتِينَ بِفَـٰحِشَةٍۢ مُّبَيِّنَةٍۢ ۚ وَعَاشِرُوهُنَّ بِٱلْمَعْرُوفِ ۚ فَإِن كَرِهْتُمُوهُنَّ فَعَسَىٰٓ أَن تَكْرَهُوا۟ شَيْـًۭٔا وَيَجْعَلَ ٱللَّهُ فِيهِ خَيْرًۭا كَثِيرًۭا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ไม่อนุมัติแก่พวกเจ้าการที่พวกเจ้าจะเอาบรรดาหญิงเป็นมรดกด้วยการบังคับ(44) และไม่อนุมัติเช่นเดียวกันในการที่พวกเจ้าจะขัดขวางบรรดานางเพื่อพวกเจ้าจะเอาบางส่วนของสิ่งที่พวกเจ้าได้ให้แก่พวกนาง(45) นอกจากว่าพวกนางจะกระทำสิ่งลามก(46) อันชัดแจ้งเท่านั้น และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง(47) ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่งขณะเดียวกันอัลลอฮ์ก็ทรงให้มีในสิ่งนั้นซึ่งความดีอันมากมาย

Comment: (44)เอาบรรดาภรรยาของญาติที่ตายมาเป็นมรดกในฐานะเป็นภรรยาของตนด้วยการบังคับ กล่าวคือในสมัยญาฮิลียะฮ์นั้น มีการรับมรดกภรรยาของญาติที่ตายกันในการนี้ ถ้าเราปรารถนานางก็สมรสกับนางโดยปราศจากสินตอบแทน (มะฮัร) ใด ๆ หรือไม่ก็สมรสกับชายอื่น แล้วรับสินตอบแทนเป็นของตนโดยไม่คำนึงว่านางจะพอใจหรือไม่ ครั้นเมื่ออิสลามมาจึงได้ประกาศยกเลิก (ไม่อนุมัติ)

Comment: (45)เช่นเดียวกับในการที่พวกเจ้าไม่ชอบภรรยาของพวกเจ้าแล้วไม่ยอมหย่า ทั้งๆ ที่พวกเจ้าก็ไม่ปรารถนาในตัวนางทั้งนี้เพื่อขัดขวางทางมิให้แต่งงานกับชายอื่น เป็นการทรมานนางเพื่อให้นางไถ่ตัวนางด้วยบางส่วนของมะฮัร ที่พวกเจ้าให้แก่นาง ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่กระทำกันในสมัยญาฮิลียะฮ์แล้วอิสลามก็ไม่อนุญาตให้กระทำ

Comment: (46)กล่าวคือถ้าภรรยามีชู้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนก็อนุญาตให้ปฏิบัติแก่นางดังกล่าวได้

Comment: (47)ก็ให้อดทนอยู่กับนางไปเถิด เพราะอัลลอฮ์จะให้มีความดีอันมากมายอยู่ในตัวนางก็ได้ เช่นให้บุตรที่เกิดแก่นางเป็นบุตรที่ซอและห์เป็นต้น เพราะกี่มากน้อยแล้วที่บุคคลไม่ชอบสิ่งหนึ่ง ทั้งๆที่สิ่งนั้นมีคุณประโยชน์อันมากมาย

4:20

وَإِنْ أَرَدتُّمُ ٱسْتِبْدَالَ زَوْجٍۢ مَّكَانَ زَوْجٍۢ وَءَاتَيْتُمْ إِحْدَىٰهُنَّ قِنطَارًۭا فَلَا تَأْخُذُوا۟ مِنْهُ شَيْـًٔا ۚ أَتَأْخُذُونَهُۥ بُهْتَـٰنًۭا وَإِثْمًۭا مُّبِينًۭا

Translation: และหากพวกเจ้าต้องการเปลี่ยนคู่ครองคนหนึ่งแทนที่ของคู่ครองอีกคนหนึ่ง(48) และพวกเจ้าได้ให้แก่นางหนึ่งในหมู่นางเหล่านั้น(49) ซึ่งทรัพย์อันมากมายก็ตาม ก็จงอย่าได้เอาสิ่งใดจากทรัพย์นั้นคืน(50) พวกเจ้าจะเอามันคืนด้วยการอุปโลกน์ความเท็จและการกระทำบาปอันชัดเจนกระนั้นหรือ(51)

Comment: (48)ต้องการแต่งงานกับคนใหม่ แทนภรรยาคนเก่าที่พวกเจ้าจะทิ้งนางไปโดยที่นางมิได้บกพร่องแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเจ้าไม่ชอบนางเท่านั้นหรือเห็นหญิงอื่นดีกว่า

Comment: (49)หมู่ภรรยาของพวกเจ้า

Comment: (50)จะด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะนางมิใช่เป็นผู้ผิด

Comment: (51)ด้วยการอุปโลกน์ความเท็จให้แก่นางว่านางประพฤติชั่ว ทั้งๆ ที่นางเป็นผู้บริสุทธิ์ อันเป็นการกระทำบาปอันชัดเจนกระนั้นหรือ?

4:21

وَكَيْفَ تَأْخُذُونَهُۥ وَقَدْ أَفْضَىٰ بَعْضُكُمْ إِلَىٰ بَعْضٍۢ وَأَخَذْنَ مِنكُم مِّيثَـٰقًا غَلِيظًۭا

Translation: และพวกเจ้าจะเอามันคืนได้อย่างไรทั้งๆ ที่บางคนของพวกเจ้าได้แนบกายกับอีกบางคนแล้ว(52) และพวกนางก็ได้เอาคำมั่นสัญญาอันหนักแน่นจากพวกเจ้าแล้วด้วย(53)

Comment: (52)ทั้งๆ ที่ได้มีการสมสู่กับนางแล้ว อันทำให้นางเสียความบริสุทธิ์ ซึ่งยากแก่นางที่จะแต่งงานกับชายอื่นใหม่ได้

Comment: (53)หมายถึงการที่ฝ่ายชายได้ให้คำมั่นสัญญาอันหนักแน่นแก่หญิงขณะทำการสู่ขอนางว่าจะรักนางและเลี้ยงดูนางอย่างดี แล้วนางก็ยินยอมมอบกายให้เป็นภรรยา ทิ้งพ่อแม่พี่น้องไปอยู่กับคนแปลกหน้า ทั้งนี้โดยยึดคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้เป็นสำคัญ

4:22

وَلَا تَنكِحُوا۟ مَا نَكَحَ ءَابَآؤُكُم مِّنَ ٱلنِّسَآءِ إِلَّا مَا قَدْ سَلَفَ ۚ إِنَّهُۥ كَانَ فَـٰحِشَةًۭ وَمَقْتًۭا وَسَآءَ سَبِيلًا

Translation: และจงอย่าแต่งงานกับบรรดาหญิงที่บิดาของพวกเจ้าได้แต่งงานมาแล้ว นอกจากที่ได้ผ่านพ้นมาเท่านั้น(54) แท้จริง มันเป็นสิ่งลามกและน่าเกลียดยิ่ง และเป็นวิถีทางที่ชั่ว

Comment: (54)ที่ได้เคยปฏิบัติมาในอดีต โดยที่ไม่ถือว่าเป็นผิด

4:23

حُرِّمَتْ عَلَيْكُمْ أُمَّهَـٰتُكُمْ وَبَنَاتُكُمْ وَأَخَوَٰتُكُمْ وَعَمَّـٰتُكُمْ وَخَـٰلَـٰتُكُمْ وَبَنَاتُ ٱلْأَخِ وَبَنَاتُ ٱلْأُخْتِ وَأُمَّهَـٰتُكُمُ ٱلَّـٰتِىٓ أَرْضَعْنَكُمْ وَأَخَوَٰتُكُم مِّنَ ٱلرَّضَـٰعَةِ وَأُمَّهَـٰتُ نِسَآئِكُمْ وَرَبَـٰٓئِبُكُمُ ٱلَّـٰتِى فِى حُجُورِكُم مِّن نِّسَآئِكُمُ ٱلَّـٰتِى دَخَلْتُم بِهِنَّ فَإِن لَّمْ تَكُونُوا۟ دَخَلْتُم بِهِنَّ فَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ وَحَلَـٰٓئِلُ أَبْنَآئِكُمُ ٱلَّذِينَ مِنْ أَصْلَـٰبِكُمْ وَأَن تَجْمَعُوا۟ بَيْنَ ٱلْأُخْتَيْنِ إِلَّا مَا قَدْ سَلَفَ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: ที่ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้านั้นคือมารดา(55) ของพวกเจ้า ลูกหญิงของพวกเจ้า(56) พี่น้องหญิงของพวกเจ้า(57) ป้าหรือน้าหญิงของพวกเจ้า บุตรหญิงของพี่หรือน้่องชายของพวกเจ้า(58) บุตรหญิงของพี่หรือน้องหญิงของพวกเจ้า(59) และมารดาของพวกเจ้าที่ให้นมแก่พวกเจ้าและพี่น้องหญิงของพวกเจ้าเนื่องจากการดื่มนม(60) และมารดาภรรยาของพวกเจ้า และลูกเลี้ยงของพวกเจ้าที่อยู่ในตักของพวกเจ้า(61) จากภรรยาของพวกเจ้าที่พวกเจ้าได้สมสู่นาง แต่ถ้าพวกเจ้ามิได้สมสู่นางแล้ว ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า และภรรยาของบุตรพวกเจ้าที่มาจากเชื้อสายของพวกเจ้า(62) และการที่พวกเจ้ารวมระหว่างหญิงสองพี่น้องไว้ด้วยกัน(63) นอกจากที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น(64) แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้เมตตาเสมอ

Comment: (55)รวมถึงย่าและยายด้วย

Comment: (56)รวมถึงหลานเหลนด้วย

Comment: (57)จะเป็นพ่อแม่เดียวกันหรือไม่ก็ตาม

Comment: (58)รวมถึงหลาน เหลนของนางด้วย

Comment: (59)รวมถึงหลานเหลนของนางด้วย

Comment: (60)เนื่องจากการดื่มนมร่วมมารดาเดียวกันเป็นสาเหตุให้นางกลายเป็นพี่น้องประหนึ่งสายโลหิตเดียวกัน

Comment: (61)คือบุตรหญิงที่ติดภรรยามาซึ่งพวกเจ้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ และหมายถึงลูกหญิงของภรรยาทั้งหมดที่เกิดจากสามีอื่นด้วย

Comment: (62)ภรรยาของบุตรพวกเจ้าเอง

Comment: (63)เอาพี่และน้องมาเป็นภรรยาอยู่พร้อมกัน

Comment: (64)ในสมัยญาฮิลีญะฮ์

4:24

۞ وَٱلْمُحْصَنَـٰتُ مِنَ ٱلنِّسَآءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَـٰنُكُمْ ۖ كِتَـٰبَ ٱللَّهِ عَلَيْكُمْ ۚ وَأُحِلَّ لَكُم مَّا وَرَآءَ ذَٰلِكُمْ أَن تَبْتَغُوا۟ بِأَمْوَٰلِكُم مُّحْصِنِينَ غَيْرَ مُسَـٰفِحِينَ ۚ فَمَا ٱسْتَمْتَعْتُم بِهِۦ مِنْهُنَّ فَـَٔاتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةًۭ ۚ وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَٰضَيْتُم بِهِۦ مِنۢ بَعْدِ ٱلْفَرِيضَةِ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: และบรรดาหญิงที่อยู่ในปกครองของสามี(65) นอกจากที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(66) เป็นบัญญัติของอัลลอฮ์ที่มีแก่พวกเจ้า และได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเจ้าที่นอกเหนือจากนั้น(67) ในการที่พวกเจ้าจะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า(68) ในฐานะเป็นผู้แต่งงาน(69) มิใช่ในฐานะผู้ล่วงประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น(70) ก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนาง(71) ตามที่มีกำหนดไว้และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างยินยอมกันในสิ่งนั้น(72) หลังจากที่มีกำหนดนั้นขึ้น แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (65)เป็นหญิงที่ถูกห้ามมิให้แต่งงานด้วยเช่นเดียวกัน

Comment: (66)หญิงที่มีสามี แต่ตกเป็นเชลยศึก แล้วถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ในฐานะหญิงทาส หญิงประเภทนี้อนุมัติให้ผู้เป็นนายสมสู่กับนางได้หลังจากที่นางพ้นอิดดะฮ์ โดยไม่ต้องทำพิธีสมรส แต่ถ้าเป็นชายอื่นต้องต่อสู่ขอจากผู้เป็นนาย และทำพิธีสมรสโดยจ่ายสินตอบแทนให้ ทั้งนี้หลังจากนางพ้นอิดดะฮ์ แล้วเช่นเดียวกัน

Comment: (67)หญิงที่นอกเหนือจากที่ได้ระบุห้ามไว้

Comment: (68)หมายถึงด้วยการจ่ายสินตอบแทน(มะฮัร)ให้แก่นาง

Comment: (69)แต่งงานกับนางโดยเจตนาที่จะครองเรือนกับนาง

Comment: (70)หญิงที่อนุมัติให้แต่งงานกับนางได้

Comment: (71)ให้มะฮัรแก่พวกนาง

Comment: (72)ยินยอมที่จะลดหรือเพิ่มมะฮัรให้หรือจะยกให้ก็ได้ หลังจากที่ได้กำหนดมะฮัรแล้ว

4:25

وَمَن لَّمْ يَسْتَطِعْ مِنكُمْ طَوْلًا أَن يَنكِحَ ٱلْمُحْصَنَـٰتِ ٱلْمُؤْمِنَـٰتِ فَمِن مَّا مَلَكَتْ أَيْمَـٰنُكُم مِّن فَتَيَـٰتِكُمُ ٱلْمُؤْمِنَـٰتِ ۚ وَٱللَّهُ أَعْلَمُ بِإِيمَـٰنِكُم ۚ بَعْضُكُم مِّنۢ بَعْضٍۢ ۚ فَٱنكِحُوهُنَّ بِإِذْنِ أَهْلِهِنَّ وَءَاتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ بِٱلْمَعْرُوفِ مُحْصَنَـٰتٍ غَيْرَ مُسَـٰفِحَـٰتٍۢ وَلَا مُتَّخِذَٰتِ أَخْدَانٍۢ ۚ فَإِذَآ أُحْصِنَّ فَإِنْ أَتَيْنَ بِفَـٰحِشَةٍۢ فَعَلَيْهِنَّ نِصْفُ مَا عَلَى ٱلْمُحْصَنَـٰتِ مِنَ ٱلْعَذَابِ ۚ ذَٰلِكَ لِمَنْ خَشِىَ ٱلْعَنَتَ مِنكُمْ ۚ وَأَن تَصْبِرُوا۟ خَيْرٌۭ لَّكُمْ ۗ وَٱللَّهُ غَفُورٌۭ رَّحِيمٌۭ

Translation: และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าไม่สามารถมีกำลัง(73) ที่จะแต่งงานกับบรรดาหญิงอิสระที่มีศรัทธาได้ก็จงแต่งงานกับเด็กสาว(74) ของพวกเจ้าที่เป็นผู้ศรัทธาในหมู่ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(75) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่งที่ในการศรัทธาของพวกเจ้าบางคนในหมู่พวกเจ้านั้นมาจากอีกบางคน(76) ดังนั้น จงแต่งงานกับพวกนางด้วยการอนุมัติจากผู้เป็นนายของพวกนาง และจงให้แก่พวกนางซึ่งสินตอบแทนของพวกนางโดยชอบธรรม ในฐานะที่พวกนางเป็นหญิงที่ได้รับการแต่งงานมิใช่เป็นหญิงที่ค้าประเวณี และไม่ใช่หญิงที่ยึดเอาชายเป็นเพื่อนสนิท(77) เมื่อพวกนางได้รับการแต่งงานแล้ว หากพวกนางกระทำความชั่ว(78) พวกนางก็จะได้รับโทษครึ่งหนึ่งของโทษที่บรรดาหญิงอิสระได้รับนั่นสำหรับผู้ในหมู่พวกเจ้าที่กลัวการทำชั่ว(79) และการที่พวกเจ้าอดกลั้นไว้ได้นั้น เป็นการดีกว่าสำหรับพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (73)หมายถึงมะฮัร และปัจจัยอื่นๆ ที่จำเป็น

Comment: (74)หมายถึงทาสหญิง ในการที่อัลลอฮ์ทรงใช้คำว่า “เด็กสาว” แทนคำว่า “ทาสหญิง” นั้นก็เพื่อยกฐานะของนางให้สูงขึ้น เท่าเทียมกับเพื่อนมนุษย์อื่นๆ แลเพื่อสอนเรามิให้เรียกนางว่าทาสหญิงหรือเรียกที่เป็นชายว่า “ทาสชาย” เป็นต้น หากให้เรียกทั้งสองด้วยคำว่า “เด็กสาว” และ “เด็กหนุ่ม”

Comment: (75)ให้แต่งงานกับหญิงทาสที่อยู่ในปกครองของผู้ศรัทธา

Comment: (76)ว่าทั้งหญิงอิสระและหญิงทาสนั้นก็หาใช่เป็นผู้ที่ดีกว่ากันหรือเลวกว่ากันในทางเชื้อสายไม่ ความจริงทั้งสองนั้นสืบเชื้อสายมาจากกันและกัน

Comment: (77)ทั้งนี้เพื่อลอบล่วงประเวณีกันโดยลับ ๆ

Comment: (78)หมายถึงมีชู้หรือลอบล่วงประเวณีกับชายอื่น

Comment: (79)ที่สนับสนุนให้แต่งงานกับหญิงทาสนั้น สำหรับชายที่ไม่สามารถจะระงับจิตใจได้ และเกรงว่าจะกระทำการล่วงประเวณีเท่านั้น

4:26

يُرِيدُ ٱللَّهُ لِيُبَيِّنَ لَكُمْ وَيَهْدِيَكُمْ سُنَنَ ٱلَّذِينَ مِن قَبْلِكُمْ وَيَتُوبَ عَلَيْكُمْ ۗ وَٱللَّهُ عَلِيمٌ حَكِيمٌۭ

Translation: อัลลอฮ์ทรงปรารถนาที่จะแจกแจงแก่พวกเจ้า และแนะนำพวกเจ้าซึ่งแนวทางต่างๆ ของบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้า(80) และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า(81) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ และเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (80)แนวทางอันดีงามของประชาชาติในอดีต ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นได้แก่ระเบียบและข้อปฏิบัติในการมีคู่ครอง ดังได้กล่าวมาแล้ว

Comment: (81)โทษที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องในการมีคู่ครอง ทั้งนี้ด้วยการปฏิบัติไม่ถูกต้องในการมีคู่ครอง ทั้งนี้ด้วยการปฏิบัติตามระเบียบ และบทบัญญัติตามที่ได้กล่าวแล้ว

4:27

وَٱللَّهُ يُرِيدُ أَن يَتُوبَ عَلَيْكُمْ وَيُرِيدُ ٱلَّذِينَ يَتَّبِعُونَ ٱلشَّهَوَٰتِ أَن تَمِيلُوا۟ مَيْلًا عَظِيمًۭا

Translation: และอัลลอฮ์ทรงปรารถนาที่จะอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำปรารถนาที่จะให้พวกเจ้าเอนเอียงออกไปอย่างมากมาย(82)

Comment: (82)เอนเอียงออกจากวิถีทางอันชอบในการมีคู่ครอง

4:28

يُرِيدُ ٱللَّهُ أَن يُخَفِّفَ عَنكُمْ ۚ وَخُلِقَ ٱلْإِنسَـٰنُ ضَعِيفًۭا

Translation: อัลลอฮ์ทรงปรารถนาที่จะผ่อนผันให้แก่พวกเจ้า(83) และมนุษย์นั้นถูกบังเกิดขึ้นในสภาพที่อ่อนแอ(84)

Comment: (83)เปิดโอกาสให้พวกเจ้าแต่งงานกับทาสหญิงได้

Comment: (84)ไม่สามารถที่จะอดทนความใคร่ใฝ่ต่ำ เฉพาะอย่างยิ่งความใคร่ในอิสตรี ดังกล่าวนี้สำหรับผู้ที่ปล่อยจิตใจไปตามความใคร่ของตน แต่ถ้าเขาฝึกใจให้เข้มแข็งก็สามารถที่จะเอาชนะความใคร่ของตนได้

4:29

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَأْكُلُوٓا۟ أَمْوَٰلَكُم بَيْنَكُم بِٱلْبَـٰطِلِ إِلَّآ أَن تَكُونَ تِجَـٰرَةً عَن تَرَاضٍۢ مِّنكُمْ ۚ وَلَا تَقْتُلُوٓا۟ أَنفُسَكُمْ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِكُمْ رَحِيمًۭا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้า(85) ในระหว่างพวกเจ้าโดยมิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่พวกเจ้า และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง(86) แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ

Comment: (85)หมายถึงทรัพย์ของคนอื่น การที่อัลลอฮ์ทรงใช้คำว่า “ทรัพย์ของพวกเจ้า” นั้น ก็เพื่อให้เข้าใจว่าประชาชาตินั้นประหนึ่งเรือนร่างเดียวกัน ที่จะต้องรับผิดชอบต่อกัน และให้ถือว่าทรัพย์ของแต่ละคนนั้นก็ประหนึ่งทรัพย์ของตนเองด้วย ซึ่งแต่ละคนต้องช่วยกันรักษาทรัพย์นั้นให้คงอยู่ในสิทธิของผู้เป็นเจ้าของ นั่นก็เท่ากับว่าตนเองได้รักษาทรัพย์สินของตนเองด้วย แต่ถ้าต่างคนต่างกินทรัพย์ซึ่งกันและกันในทางทุจริตแล้วก็เท่ากับเขากินทรัพย์ของเขาในทางที่ไม่ชอบ

Comment: (86)หมายถึงทำการฆ่าซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพราะถือว่าประชาชาตินั้นคือร่างกายเดียวกัน การฆ่าคนอื่นนั้นก็ประหนึ่งฆ่าตัวเอง หรืออีกนัยหนึ่งผู้ที่ฆ่าคนอื่นนั้น ตัวเขาก็จะถูกฆ่าให้ตายตามกัน ดังนั้นการฆ่าคนอื่นจึงเท่ากับการฆ่าตัวเอง

4:30

وَمَن يَفْعَلْ ذَٰلِكَ عُدْوَٰنًۭا وَظُلْمًۭا فَسَوْفَ نُصْلِيهِ نَارًۭا ۚ وَكَانَ ذَٰلِكَ عَلَى ٱللَّهِ يَسِيرًا

Translation: และผู้ใดที่กระทำเช่นนั้น(87) โดยเจตนาละเมิดและข่มเหงแล้ว เราก็จะให้เขาเข้าไฟนรกและนั่นเป็นสิ่งที่ง่ายดายแก่อัลลอฮ์

Comment: (87)กินทรัพย์ของคนอื่นโดยมิชอบ

4:31

إِن تَجْتَنِبُوا۟ كَبَآئِرَ مَا تُنْهَوْنَ عَنْهُ نُكَفِّرْ عَنكُمْ سَيِّـَٔاتِكُمْ وَنُدْخِلْكُم مُّدْخَلًۭا كَرِيمًۭا

Translation: หากพวกเจ้าปลีกตัวออกจากบรรดาบาปใหญ่ของสิ่งที่พวกเจ้าถูกห้ามให้ละเว้นมันแล้ว(88) เราก็จะลบล้างบรรดาความผิดเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเข้าอยู่ในสถานที่อันมีเกียรติ(89)

Comment: (88)บาปใหญ่ ๆ นั้นได้แก่ การให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ (กระทำการชิริก) การฆ่าคน การใช้วิชาไสยศาสตร์ การกินทรัพย์ของเด็กกำพร้า การกินดอกเบี้ย การหลบหนีในวันประจัญบานกับฝ่ายศัตรู การใส่ร้ายหญิงมุมินผู้บริสุทธิ์ การเนรคุณต่อบิดามารดา การพูดเท็จและเป็นพยานเท็จ การด่าว่าบิดามารดาของตนเอง หรือเป็นเหตุให้บิดามารดาของตนถูกด่าว่า

Comment: (89)คือสวรรค์

4:32

وَلَا تَتَمَنَّوْا۟ مَا فَضَّلَ ٱللَّهُ بِهِۦ بَعْضَكُمْ عَلَىٰ بَعْضٍۢ ۚ لِّلرِّجَالِ نَصِيبٌۭ مِّمَّا ٱكْتَسَبُوا۟ ۖ وَلِلنِّسَآءِ نَصِيبٌۭ مِّمَّا ٱكْتَسَبْنَ ۚ وَسْـَٔلُوا۟ ٱللَّهَ مِن فَضْلِهِۦٓ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِكُلِّ شَىْءٍ عَلِيمًۭا

Translation: และจงอย่าปรารถนาในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้แก่บางคนในหมู่พวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคน(90) สำหรับผู้ชายนั้นมีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำหรับหญิงนั้นก็มีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกนางได้ขวนขวายไว้ และพวกเจ้าจงขอต่ออัลลอฮ์เถิด จากความกรุณาของพระองค์ แท้จริง อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

Comment: (90)ไม่ใช่ฝ่ายชายปรารถนาในสิ่งที่ตนไม่สามารถจะกระทำได้เหมือนฝ่ายหญิง ขณะเดียวกันก็มิให้ฝ่ายหญิงปรารถนาในสิ่งที่ตนไม่สามารถจะกระทำได้ เหมือนฝ่ายขาย เพราะแต่ละฝ่ายถูกบังเกิดมาให้มีความสามารถแตกต่างกัน

4:33

وَلِكُلٍّۢ جَعَلْنَا مَوَٰلِىَ مِمَّا تَرَكَ ٱلْوَٰلِدَانِ وَٱلْأَقْرَبُونَ ۚ وَٱلَّذِينَ عَقَدَتْ أَيْمَـٰنُكُمْ فَـَٔاتُوهُمْ نَصِيبَهُمْ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ شَهِيدًا

Translation: และสำหรับแต่ละคนนั้น เราได้ให้มีผู้รับมรดก(91) จากสิ่งที่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และญาติที่ใกล้ชิดได้ทิ้งไว้ และบรรดาผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าได้ตกลงไว้นั้น(92) ก็จงให้แก่พวกเขาซึ่งส่วนได้ของพวกเขา(93) แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานในทุกสิ่งทุกอย่าง

Comment: (91)สำหรับผู้รับมรดกที่เป็นเพศชายนั้นมี 15 ท่าน คือ 1.พ่อ 2.ปู่ 3.บุตร 4.บุตรของลูกชาย 5.พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน 6. พี่น้องพ่อเดียวกัน 7.พี่น้องแม่เดียวกัน 8. บุตรพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน 9. บุตรพี่น้องพ่อเดียวกัน 10.ลุงหรืออาพ่อแม่เดียวกัน 11.ลุงหรืออาพ่อเดียวกัน 12.บุตรของลุงหรืออาพ่อแม่เดียวกัน 13.บุตรของลุงหรืออาพ่อเดียวกัน 14.สามี 15. ผู้ที่ปล่อยทาสให้เป็นอิสระ อย่างไรก็ดีถ้าบุคคลเหล่านี้มีชีวิตอยู่พร้อมกันแล้วผู้มีสิทะได้รับมรดกนั้น เพียงสามท่านเท่านั้นคือบิดา บุตร และสามี ในกรณีดังกล่าวนี้ผู้ที่ตายเป็นหญิงสำหรับผู้รับมรดกที่เป็นเพศหญิงนั้นมี 10 ท่าน คือ 1.แม่ 2.ย่า 3.ยาย 4.บุตรหญิง 5.บุตรหญิงของลูกชาย 6.พี่น้องหญิงพ่อแม่เดียวกัน 7.พี่น้องหญิงพ่อเดียวกัน 8.พี่น้องหญิงแม่เดียวกัน 9.ภรรยารวมทั้งที่อยู่ในอิดดะฮ์ที่คืนดีกันได้ 10.หญิงที่ปล่อยทาสให้เป็นอิสระ ถ้าหญิงผู้มีสิทธิรับมรดกเหล่านี้มีชีวิตอยู่พร้อมกันแล้ว ผู้ที่มีสิทธิได้รับมรดกนั้นเพียง 5 คนเท่านั้น คือ 1.บุตรหญิง 2.บุตรหญิงของบุตรชาย (หลาน) 3.แม่ 4.ภรรยา 5.พี่น้องหญิงพ่อแม่เดียวกัน ในกรณีดังกล่าว ผู้ตายย่อมเป็นชาย

Comment: (92)หมายถึงบรรดาผู้ที่ฝ่ายผู้ศรัทธาได้ทำสัญญาไว้ตั้งแต่สมัยญาฮิลียะฮ์ว่า จะได้รับความช่วยเหลือกัน และรับมรดกซึ่งกันและกัน อนึ่งความว่า “ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าได้ตกลงไว้” หมายถึง การทำสัญญากันและสาบานกันที่ระบุว่า “มือขวา” นั้นก็เพราะว่า “การตกลงทำสัญญากันและสาบานกันนั้นใช้มือขวาสัมผัสกันเป็นสัญญาณ” ด้วยเหตุนี้อัลกุรอานจึงนำมาในสำนวนดังกล่าว

Comment: (93)คือหนึ่งในหกของมรดก แล้วต่อมามรดกส่วนนี้ก็ถูกยกเลิกด้วยโองการที่มีความว่า 8: 75 “บรรดาผู้ที่เป็นเครือญาตินั้น บางคนในหมู่พวกเขาสมควรกว่าอีกบางคน(ในการรับมรดก)” กล่าวคือ ทั้งๆ ที่เป็นเครือญาติก็ยังมีผู้ที่เป็นเครือญาติที่สมควรได้รับมรดกยิ่งกว่าผู้ที่ไม่เป็นเครือญาติ จึงไม่ควรมีสิทธิแต่อย่างใด

4:34

ٱلرِّجَالُ قَوَّٰمُونَ عَلَى ٱلنِّسَآءِ بِمَا فَضَّلَ ٱللَّهُ بَعْضَهُمْ عَلَىٰ بَعْضٍۢ وَبِمَآ أَنفَقُوا۟ مِنْ أَمْوَٰلِهِمْ ۚ فَٱلصَّـٰلِحَـٰتُ قَـٰنِتَـٰتٌ حَـٰفِظَـٰتٌۭ لِّلْغَيْبِ بِمَا حَفِظَ ٱللَّهُ ۚ وَٱلَّـٰتِى تَخَافُونَ نُشُوزَهُنَّ فَعِظُوهُنَّ وَٱهْجُرُوهُنَّ فِى ٱلْمَضَاجِعِ وَٱضْرِبُوهُنَّ ۖ فَإِنْ أَطَعْنَكُمْ فَلَا تَبْغُوا۟ عَلَيْهِنَّ سَبِيلًا ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلِيًّۭا كَبِيرًۭا

Translation: บรรดาชาย คือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง(94) เนื่องด้วยการที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน(95) และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขา(96) บรรดากุลสตรีนั้นคือ ผู้จงรักภักดี ผู้รักษาในทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลังสามี(97) เนื่องด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงรักษาไว้(98) และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนาง(99) ก็จงกล่าวตักเตือนพวกนาง และทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน(100) และจงลงโทษพวกนาง(101) แต่ถ้านางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง(102) แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงเกรียงไกร

Comment: (94)หมายถึงบรรดาภรรยา

Comment: (95)ให้ชายมีร่างกายกำยำ แข็งแรง และมีความกล้าหาญเหนือกว่าหญิง จึงเป็นผู้มีหน้าที่ทำการปกครองและเลี้ยงดูหญิง

Comment: (96)จ่ายทรัพย์ของเขาในการเลี้ยงดูภรรยา

Comment: (97)รักษาเนื้อรักษาตัวของนางให้อยู่ในความบริสุทธิ์และรักษาทรัพย์และสิ่งอื่นๆ ขณะสามีไม่อยู่

Comment: (98)หมายถึงสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องปฏิบัติตั้งแต่การให้มะฮัร และค่าใช้จ่ายในชีวิตความเป็นอยู่ของนางทุกอย่าง

Comment: (99)เกรงว่าในความดื้อดึงของนางนั้นจะทำให้นางประพฤตินอกลู่นอกทางอันก่อให้เกิดความเสียหายในครอบครัว

Comment: (100)ถ้านางไม่เชื่อฟังคำตักเตือน ก็ให้ลงโทษนางโดยปล่อยให้นางนอนแต่ลำพังคนเดียวในที่นอน ทั้งนี้เพื่อให้นางเกิดความว้าเหว่ และมีความสำนึกผิด

Comment: (101)ถ้านางยังดื้อดึงไม่ยอมสำนึกผิด ก็ให้ลงโทษนางได้ตามสมควรเพื่อให้เข็ดหลาบโดยไม่ให้เกิดบาดแผล หรือรอยช้ำบวม

Comment: (102)ระหว่างสามีภรรยา ซึ่งจะเป็นญาติของพวกเราเองหรือพี่น้องมุสลิมของเราที่เราสามารถจะช่วยเหลือได้

4:35

وَإِنْ خِفْتُمْ شِقَاقَ بَيْنِهِمَا فَٱبْعَثُوا۟ حَكَمًۭا مِّنْ أَهْلِهِۦ وَحَكَمًۭا مِّنْ أَهْلِهَآ إِن يُرِيدَآ إِصْلَـٰحًۭا يُوَفِّقِ ٱللَّهُ بَيْنَهُمَآ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلِيمًا خَبِيرًۭا

Translation: และหากพวกเจ้าหวั่นเกรงการแตกแยกระหว่างเขาทั้งสอง(103) ก็จงส่งผู้ตัดสินคนหนึ่งจากครอบครัวของฝ่ายชาย และผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งจากครอบครัวฝ่ายหญิง หากทั้งสอง(104) ปรารถนาให้มีการประนีประนอมกันแล้ว อัลลอฮ์ก็จะทรงให้ความสำเร็จในระหว่างทั้งสอง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงสัพพัญญู

Comment: (103)ระหว่างสามีภรรยา ซึ่งจะเป็นญาติของพวกเราเองหรือพี่น้องมุสลิมของเราที่เราสามารถจะช่วยเหลือได้

Comment: (104)ทั้งสามีและภรรยา

4:36

۞ وَٱعْبُدُوا۟ ٱللَّهَ وَلَا تُشْرِكُوا۟ بِهِۦ شَيْـًۭٔا ۖ وَبِٱلْوَٰلِدَيْنِ إِحْسَـٰنًۭا وَبِذِى ٱلْقُرْبَىٰ وَٱلْيَتَـٰمَىٰ وَٱلْمَسَـٰكِينِ وَٱلْجَارِ ذِى ٱلْقُرْبَىٰ وَٱلْجَارِ ٱلْجُنُبِ وَٱلصَّاحِبِ بِٱلْجَنۢبِ وَٱبْنِ ٱلسَّبِيلِ وَمَا مَلَكَتْ أَيْمَـٰنُكُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يُحِبُّ مَن كَانَ مُخْتَالًۭا فَخُورًا

Translation: และจงเคารพสักการะอัลลอฮ์เถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง(105) และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(106) แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงรักผู้ยโส ผู้โอ้อวด

Comment: (105)เพื่อนที่ร่วมเดินทาง หรือร่วมงาน

Comment: (106)หมายถึงทาส ทั้งที่เป็นทาสหญิงและทาสชาย

4:37

ٱلَّذِينَ يَبْخَلُونَ وَيَأْمُرُونَ ٱلنَّاسَ بِٱلْبُخْلِ وَيَكْتُمُونَ مَآ ءَاتَىٰهُمُ ٱللَّهُ مِن فَضْلِهِۦ ۗ وَأَعْتَدْنَا لِلْكَـٰفِرِينَ عَذَابًۭا مُّهِينًۭا

Translation: บรรดาผู้ที่ตระหนี่(107) และใช้ผู้คนให้ตระหนี่(108) และปกปิดสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเขา(109) จากความกรุณาของพระองค์(แน่นอนพวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล)(110) และเราได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศ แก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

Comment: (107)หมายถึงพวกยิว

Comment: (108)คือ ชักชวนมะดีนะฮ์มิให้บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือบรรดามุมินที่อพยพไปจากนครมักกะฮ์ เพราะจะทำให้ยากจน

Comment: (109)รวมทั้งทรัพย์และวิชาความรู้

Comment: (110)ข้อความในวงเล็บนั้นมิได้ระบุไว้ในอายะฮ์ อันเป็นข้อความที่ถูกละไว้ เนื่องจากเป็นข้อความที่เป็นที่เข้าใจกันกล่าวคือพวกยิว ซึ่งเป็นผู้ตระหนี่ และยังชักชวนให้คนอื่นงดบริจาคแก่ผู้ศรัทธานั้น จะเป็นอื่นไม่ได้นอกจากนรกตรลอดกาลเท่านั้น และผู้บริจาคที่โอ้อวดผู้คน และก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ด้วยนั้น ก็เป็นอื่นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน นอกจากชาวนรกตลอดกาล

4:38

وَٱلَّذِينَ يُنفِقُونَ أَمْوَٰلَهُمْ رِئَآءَ ٱلنَّاسِ وَلَا يُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ وَلَا بِٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ ۗ وَمَن يَكُنِ ٱلشَّيْطَـٰنُ لَهُۥ قَرِينًۭا فَسَآءَ قَرِينًۭا

Translation: และบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขาเพื่อโอ้อวดผู้คน และทั้งพวกเขาก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น(แน่นอนพวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล)(111) และผู้ใดที่มีชัยฏอนเป็นเพื่อนของเขาแล้ว มันก็เป็นเพื่อนที่เลว

Comment: (111)ข้อความในวงเล็บนั้นมิได้ระบุไว้ในอายะฮ์ อันเป็นข้อความที่ถูกละไว้ เนื่องจากเป็นข้อความที่เป็นที่เข้าใจกันกล่าวคือพวกยิวซึ่งเป็นผู้ตระหนี่ และยังชักชวนให้คนอื่นงดบริจาคแก่ผู้ศรัทธานั้น จะเป็นอื่นไม่ได้นอกจากนรกตลอดกาลเท่านั้น และผู้บริจาคที่โอ้อวดผู้คน และก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ด้วยนั้น ก็เป็นอื่นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน นอกจากชาวนรกตลอดกาล

4:39

وَمَاذَا عَلَيْهِمْ لَوْ ءَامَنُوا۟ بِٱللَّهِ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ وَأَنفَقُوا۟ مِمَّا رَزَقَهُمُ ٱللَّهُ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ بِهِمْ عَلِيمًا

Translation: และอะไรจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา(112) หากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก และได้บริจาคส่วนหนึ่งจากสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในพวกเขาดี

Comment: (112)ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นแก่พวกเขา ตรงกันข้ามมีแต่ความดีเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นแก่พวกเขา

4:40

إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَظْلِمُ مِثْقَالَ ذَرَّةٍۢ ۖ وَإِن تَكُ حَسَنَةًۭ يُضَـٰعِفْهَا وَيُؤْتِ مِن لَّدُنْهُ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: แท้จริง อัลลอฮ์จะไม่ทรงอธรรมแม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี(113) และถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด พระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนความดีเป็นทวีคูณ(114) และทรงประทานให้จากที่พระองค์ ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง

Comment: (113)คือจะไม่ทรงลิดรอนความดีของผู้กระทำความดี แม้จะเพียงเท่าผงธุลีก็ตาม

Comment: (114)ถ้าทำความดีหนึ่ง พระองค์จะทรงเพิ่มให้เป็นสิบเท่าของความดีหรือมากกว่านั้น

4:41

فَكَيْفَ إِذَا جِئْنَا مِن كُلِّ أُمَّةٍۭ بِشَهِيدٍۢ وَجِئْنَا بِكَ عَلَىٰ هَـٰٓؤُلَآءِ شَهِيدًۭا

Translation: แล้วอย่างไรเล่า เมื่อเรานำพยานคนหนึ่งจากแต่ละประชาชาติมา(115) และเราได้นำเจ้ามาเป็นพยานต่อชนเหล่านี้(116)

Comment: (115)หมายถึงในแต่ละประชาชาตินั้น อัลลอฮ์จะนำนบีของแต่ละประชาชาตินั้นมาเป็นพยานว่า ที่พวกเขาเชื่อถือและปฏิบัตินั้นตรงกับที่ได้สอนพวกเขาหรือเปล่า และเพื่อให้ยืนยันว่าได้ประกาศความจริงให้แก่พวกเขาได้ทราบกันแล้ว

Comment: (116)อัลลอฮ์ จะนำท่านนบีมุฮัมมัดมาเป็นพยานยืนยันในประชาชาติของท่าน

4:42

يَوْمَئِذٍۢ يَوَدُّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَعَصَوُا۟ ٱلرَّسُولَ لَوْ تُسَوَّىٰ بِهِمُ ٱلْأَرْضُ وَلَا يَكْتُمُونَ ٱللَّهَ حَدِيثًۭا

Translation: ในวันนั้น บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาและดื้อดึงต่อร่อซูลประสงค์(รวมกันปฏิเสธ และการฝ่าฝืนร่อซูล) หากว่าแผ่นดินถูกให้ทับถมพวกเขาจนราบเรียบไป(117) และพวกเขาไม่สามารถจะปิดบังคำพูดใดๆ แก่อัลลอฮ์ได้(118)

Comment: (117)หากเขาได้ตายไปและถูกดินกลบจนราบเรียบ เพื่อเขาจะได้ไม่ถูกสอบสวนในสิ่งที่เขาทำ

Comment: (118)ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่เขาพูดและทำแก่อัลลอฮ์ได้เลย เพราะพระองค์ทรงให้มือของพวกเขารายงานให้พระองค์ทราบ และให้เท้าเป็นพยานยืนยัน

4:43

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَقْرَبُوا۟ ٱلصَّلَوٰةَ وَأَنتُمْ سُكَـٰرَىٰ حَتَّىٰ تَعْلَمُوا۟ مَا تَقُولُونَ وَلَا جُنُبًا إِلَّا عَابِرِى سَبِيلٍ حَتَّىٰ تَغْتَسِلُوا۟ ۚ وَإِن كُنتُم مَّرْضَىٰٓ أَوْ عَلَىٰ سَفَرٍ أَوْ جَآءَ أَحَدٌۭ مِّنكُم مِّنَ ٱلْغَآئِطِ أَوْ لَـٰمَسْتُمُ ٱلنِّسَآءَ فَلَمْ تَجِدُوا۟ مَآءًۭ فَتَيَمَّمُوا۟ صَعِيدًۭا طَيِّبًۭا فَٱمْسَحُوا۟ بِوُجُوهِكُمْ وَأَيْدِيكُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَفُوًّا غَفُورًا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าเข้าใกล้การละหมาด ขณะที่พวกเจ้ากำลังมันเมาอยู่(119) จนกว่าพวกเจ้าจะรู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าพูด(120) และก็จงอย่าเข้าใกล้การละหมาด ขณะที่เป็นผู้มีญะนาบะฮ์(121) นอกจากผู้ที่ผ่านทางไปเท่านั้น(122) จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำ(123) และหากพวกเจ้าป่วยหรืออยู่ในการเดินทาง หรือคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้ามาจากที่ถ่ายทุกข์(124) หรือพวกเจ้าสัมผัสผู้หญิง(125) แล้วพวกเจ้าไม่พบน้ำ ก็จงมุ่งสู่ดินที่ดี(126) แล้วจงลูบใบหน้าของพวกเจ้าและมือของพวกเจ้า(127) แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงยกโทษเสมอ

Comment: (119)เนื่องจากดื่มสุรา

Comment: (120)จนกว่าจะสร่างเมา และรู้ว่าได้พูด และได้อ่านอะไรไป

Comment: (121)ขณะที่ได้มีอสุจิหลั่งออกจะด้วยเหตุใดก็ตาม

Comment: (122)คือผู้ที่มีญะนาบะฮ์ อนุญาตให้เดินผ่านมัสยิดได้เท่านั้น เมื่อมีความจำเป็น

Comment: (123)คืออาบน้ำญะนาบะฮ์

Comment: (124)กลับมาจากทุ่งที่ไปถ่ายทุกข์ โดยที่ยังมิได้ชำระ

Comment: (125)หมายถึงการสมสู่ภรรยา การที่อัลกุรอานมิได้ใช้สมสู่โดยตรงก็เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย

Comment: (126)ดินที่แห้งและสะอาด เพื่อใช้ฝ่ามือทั้งสองตบลงบนดินให้ฝุ่นติดแล้วลูบหน้า และมือทั้งสอง เป็นการทำความสะอาดแทนน้ำ ทั้งนี้เพื่อต้องการทำละหมาด การกระทำดังกล่าวนี้ เรียกทับศัพท์ว่า “ทำตะยัมมุม”

Comment: (127)หลังจากที่ใช้ฝ่ามือทั้งสองตบลงบนดิน เพื่อให้ฝุ่นที่จับที่ฝ่ามือ และถ้าติดมากก็ให้เป่าออกบ้าง

4:44

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ نَصِيبًۭا مِّنَ ٱلْكِتَـٰبِ يَشْتَرُونَ ٱلضَّلَـٰلَةَ وَيُرِيدُونَ أَن تَضِلُّوا۟ ٱلسَّبِيلَ

Translation: เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ?(128) โดยที่เขาเหล่านั้นกำลังซื้อความหลงผิดไว้(129) และต้องการที่จะให้พวกเจ้าหลงทาง

Comment: (128)คือมองดูชาวยิว ที่ว่าได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ ก็เพราะว่าคัมภีร์เตารอต ของพวกเขานั้น มีบัญญัติของอัลลอฮ์ที่ท่านนบีมูซานำมา เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นไม่ใช่

Comment: (129)หมายถึงรับเอาความหลงผิดไว้ และทิ้งความถูกต้องเสีย ประหนึ่งว่าพวกเขาซื้อความหลงผิดไว้ โดยให้ความถูกต้องเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

4:45

وَٱللَّهُ أَعْلَمُ بِأَعْدَآئِكُمْ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ وَلِيًّۭا وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ نَصِيرًۭا

Translation: และอัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งต่อบรรดาศัตรูของพวกเจ้า(130) และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองและพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ

Comment: (130)หมายถึงพวกมุนาฟิกแห่งมะดีนะฮ์

4:46

مِّنَ ٱلَّذِينَ هَادُوا۟ يُحَرِّفُونَ ٱلْكَلِمَ عَن مَّوَاضِعِهِۦ وَيَقُولُونَ سَمِعْنَا وَعَصَيْنَا وَٱسْمَعْ غَيْرَ مُسْمَعٍۢ وَرَٰعِنَا لَيًّۢا بِأَلْسِنَتِهِمْ وَطَعْنًۭا فِى ٱلدِّينِ ۚ وَلَوْ أَنَّهُمْ قَالُوا۟ سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا وَٱسْمَعْ وَٱنظُرْنَا لَكَانَ خَيْرًۭا لَّهُمْ وَأَقْوَمَ وَلَـٰكِن لَّعَنَهُمُ ٱللَّهُ بِكُفْرِهِمْ فَلَا يُؤْمِنُونَ إِلَّا قَلِيلًۭا

Translation: จากบางคนในหมู่ผู้เป็นยิวนั้น พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้เหออกจากที่ของมัน(131) และพวกเขากล่าวว่า เราได้ยินกันแล้วและเราก็ได้ฝ่าฝืนกันแล้ว(132) และท่านจงฟังโดยที่มิใช่เป็นผู้ได้ยิน(133) และจงสดับฟังเราโดยบิดลิ้นของพวกเขา(134) และใส่ร้ายในศาสนา และหากว่าพวกเขากล่าวว่า เราได้ยินกันแล้ว และได้เชื่อฟังกันแล้ว(135) และท่านจงฟัง(136) และมองดูเราเถิด(137) ก็จะเป็นสิ่งดีกว่าแก่พวกเขาและเที่ยงตรงกว่า แต่ทว่าอัลลอฮ์ได้ทรงละอ์นัต(138) พวกเขาเสียแล้ว เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากันนอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

Comment: (131)ให้เหออกจากความหมายอันแท้จริงของมัน เช่น บิดเบือนลักษณะของท่านนบีที่ระบุอยู่ในคัมภีร์ของพวกเขาให้เป็นลักษณะอย่างอื่น เป็นต้น

Comment: (132)กล่าวแก่ท่านนบีว่า พวกเขาได้ยินและเข้าใจแล้วตามที่ท่านนบีเชิญชวน แต่แล้วพวกเขาก็มิได้ศรัทธาต่อท่านในการนี้จึงประหนึ่งว่าพวกเขาพูดต่อหน้าท่านนบีว่า เราได้ยินกันแล้วและเราก็ปฏิเสธกันแล้ว

Comment: (133)เป็นคำวิงวอนให้ร้ายแก่ท่านนบี กล่าวคือ พวกเขาขอให้ท่านนบีกลายเป็นคนหูหนวก โดยที่ฟังอะไรไม่ได้ยิน

Comment: (134)คือใช้คำว่า “รออินา” ซึ่งมีความหมายว่า “จงสดับฟังเรา” แล้วบิดลิ้นของพวกเขาขณะที่พูดให้เสียงเปลี่ยนเป็น “รออีนู” ซึ่งแปลว่า “ชั่วร้ายมาก” ทั้งนี้โดยมีเจตนาด่าท่านนบี

Comment: (135)คำแทนคำว่า “เราได้ยินกันแล้วและเราได้ฝ่าฝืนกันแล้ว”

Comment: (136)ใช้ถ้อยคำว่า “ท่านจงฟัง” อย่างเดียว โดยไม่ต้องต่อคำว่า “โดยมิใช่เป็นผู้ได้ยิน” เพราะเป็นถ้อยคำที่เจตนาร้าย

Comment: (137)ให้ใช้คำว่า “อุนซุร์นา” ซึ่งแปลว่า “จงมองดูเรา” เพราะเป็นคำที่จะดัดเสียงให้เป็นคำอื่นไม่ได้ แทนคำว่า “รออินา”เพราะเป็นคำที่บิดลิ้นให้เป็น “รออีนู” ได้ ซึ่งแปลว่า “ชั่วร้ายมาก”

Comment: (138)ทรงขับไล่พวกเขาให้ห่างไกลจากเราะห์มัต(ความเมตตา)ของพระองค์

4:47

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ ءَامِنُوا۟ بِمَا نَزَّلْنَا مُصَدِّقًۭا لِّمَا مَعَكُم مِّن قَبْلِ أَن نَّطْمِسَ وُجُوهًۭا فَنَرُدَّهَا عَلَىٰٓ أَدْبَارِهَآ أَوْ نَلْعَنَهُمْ كَمَا لَعَنَّآ أَصْحَـٰبَ ٱلسَّبْتِ ۚ وَكَانَ أَمْرُ ٱللَّهِ مَفْعُولًا

Translation: ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! จงศรัทธาต่อสิ่งที่เราได้ให้ลงมา(139) เพื่อยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้า(140) เถิด ก่อนจากที่เราจะลบใบหน้า(141) แล้วให้มันกลับไปอยู่ข้างหลังของมัน หรือไม่ก็จะสาปพวกเขาเช่นเดียวกับที่เราได้สาปบรรดาผู้ที่ทำการละเมิดในวันสับบาโต(142) และคำสั่งของอัลลอฮ์ย่อมถูกปฏิบัติตามเสมอ(143)

Comment: (139)คือ อัลกุรอาน

Comment: (140)คือคัมภีร์ เตารอตหรือไบเบิ้ลเก่า

Comment: (141)ทำให้หูตาจมูก ปาก หมดไปจากใบหน้า

Comment: (142)เช่นเดียวกับที่สาปพวกบะนีอิสรออีลที่ละเมิด วันสับบะโตให้เป็นลิง กล่าวคือ อัลลอฮ์ทรงห้ามมิให้พวกเขาจับปลาในวันสับบะโตแต่แล้วพวกเขาก็ละเมิด พระองค์จึงได้สาปพวกเขาให้เป็นลิง

Comment: (143)อัลลอฮ์นั้นเมื่อพระองค์ทรงประกาศิตแล้ว ทุกสิ่งก็ต้องเป็นไปตามประกาศิตของพระองค์

4:48

إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِۦ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَآءُ ۚ وَمَن يُشْرِكْ بِٱللَّهِ فَقَدِ ٱفْتَرَىٰٓ إِثْمًا عَظِيمًا

Translation: แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคีขึ้นแก่พระองค์(144) และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น(145) สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮ์แล้ว(146) แน่นอน เขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น

Comment: (144)ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีหุ้นส่วนได้รับการเคารพสักการะร่วมกับพระองค์ (ชิริก)

Comment: (145)ความผิดอย่างอื่นที่มิใช่การให้มีภาคีขึ้นแก่พระองค์ (อัช-ชิริก)

Comment: (146)เคารพสักการะสิ่งอื่นใดร่วมกับอัลลอฮ์ เช่น บนบานกับโต๊ะวะลี หรือโต๊ะกะระมัด หรือหลวงพ่อใด ๆ หรือเจ้าที่ใดๆ ก็ตาม หรือวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์ เป็นต้น

4:49

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ يُزَكُّونَ أَنفُسَهُم ۚ بَلِ ٱللَّهُ يُزَكِّى مَن يَشَآءُ وَلَا يُظْلَمُونَ فَتِيلًا

Translation: เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ดอกหรือ?(147) มิได้อัลลอฮ์ต่างหากที่จะให้บริสุทธิ์ซึ่งผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์(148) และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้เพียงขนาดร่องเมล็ดอินทผลัม(149)

Comment: (147)ทั้งพวกยิวและพวกคริสต์ พวกเขากล่าวว่า “พวกเราเป็นพระบุตรของอัลลอฮ์ และเป็นที่รักใคร่ของพระองค์” และพวกเขาต่างกล่าวว่า “พวกตนเท่านั้นที่จะได้เข้าสวรรค์”

Comment: (148)ผู้ที่จะชี้ขาดว่า ใครเป็นผู้บริสุทธิ์นั้นคืออัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น

Comment: (149)เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบถึงสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด

4:50

ٱنظُرْ كَيْفَ يَفْتَرُونَ عَلَى ٱللَّهِ ٱلْكَذِبَ ۖ وَكَفَىٰ بِهِۦٓ إِثْمًۭا مُّبِينًا

Translation: จงดูเถิดว่า อย่างไรเล่า ที่พวกเขาอุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์(150) และพอเพียงแล้วที่ความเท็จนั้นเป็นบาปอันชัดแจ้ง(151)

Comment: (150)อุปโลกน์ว่าพวกเขาเป็นพระบุตรของพระองค์ และเป็นที่รักใคร่ของพระองค์ โดยที่พระองค์จะให้พวกเขาเท่านั้นได้เข้าสวรรค์

Comment: (151)ที่จะทำให้พวกเขาไดรับการลงโทษอันมหันต์

4:51

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ نَصِيبًۭا مِّنَ ٱلْكِتَـٰبِ يُؤْمِنُونَ بِٱلْجِبْتِ وَٱلطَّـٰغُوتِ وَيَقُولُونَ لِلَّذِينَ كَفَرُوا۟ هَـٰٓؤُلَآءِ أَهْدَىٰ مِنَ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ سَبِيلًا

Translation: เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ(152) โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ และอัฏฏอฆูต(153) และกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(154) ว่า พวกเขาเหล่านี้แหละเป็นผู้อยู่ในทางที่เที่ยงตรงกว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย(155)

Comment: (152)คือพวกยิว อันได้แก่ กะอ์บ บิน อัล-อัชร็อฟ และพวกพ้องของเขา อัล-ญิบติ หมายถึง เจว็ด และทุกสิ่งที่ถูกเคารพสักการะ ส่วนอัฏ-ฏอฆูต นั้นคือ ชัยฏอน ความที่ว่า “ศรัทธาต่ออัล-ญิบติ” นั้นคือทำการสักการะเจว็ด กล่าวคือกะอ์บและพวก

Comment: (153)อัล-ญิบติ หมายถึง เจว็ด และทุกสิ่งที่ถูกเคารพสักการะ ส่วนอัฏ-ฏอฆูต นั้นคือ ชัยฏอน ความที่ว่า “ศรัทธาต่ออัล-ญิบติ” นั้นคือทำการสักการะเจว็ด กล่าวคือกะอ์บและพวกพ้องของเขาจำนวนหนึ่งเดินทางไปพบชาวกุเรชแห่งมักกะฮ์ เพื่อยุให้พวกเขาท่าศึกแก่ท่านนบีมุฮัมมัด โดยที่เขาจะให้ความร่วมมือปฏิบัติตามการชี้นำของมัน

Comment: (154)หมายถึงพวกกุเรซมักกะฮ์

Comment: (155)หมายถึงบรรดาสาวกของท่านนบี

4:52

أُو۟لَـٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ لَعَنَهُمُ ٱللَّهُ ۖ وَمَن يَلْعَنِ ٱللَّهُ فَلَن تَجِدَ لَهُۥ نَصِيرًا

Translation: ชนเหล่านี้คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงละอ์นัต(156) แก่พวกเขา และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงละอ์นัตแก่พวกเขาแล้ว เจ้าจะไม่พบว่ามีผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเขาเลย

Comment: (156)ขับไล่พวกเขาให้ห่างไกลจากเราะห์มัดของพระองค์

4:53

أَمْ لَهُمْ نَصِيبٌۭ مِّنَ ٱلْمُلْكِ فَإِذًۭا لَّا يُؤْتُونَ ٱلنَّاسَ نَقِيرًا

Translation: หรือว่าพวกเขามีส่วนได้ใดๆ จากอำนาจ(157) ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่ให้แก่คนอื่น(158) แม้เพียงจุดบนเมล็ดอินทผลัม

Comment: (157)อำนาจในการปกครอง และในการได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ

Comment: (158)หมายถึงผู้ที่มิใช่

4:54

أَمْ يَحْسُدُونَ ٱلنَّاسَ عَلَىٰ مَآ ءَاتَىٰهُمُ ٱللَّهُ مِن فَضْلِهِۦ ۖ فَقَدْ ءَاتَيْنَآ ءَالَ إِبْرَٰهِيمَ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْحِكْمَةَ وَءَاتَيْنَـٰهُم مُّلْكًا عَظِيمًۭا

Translation: หรือว่าพวกเขาอิจฉาคนอื่น(159) ในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่พวกเขา(160) จากความกรุณาของพระองค์ แท้จริงนั้นพระองค์ได้ประทานให้แก่วงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้วซึ่งคัมภีร์ และความรู้เกี่ยวกับศาสนา และได้ทรงให้แก่พวกเขาซึ่งอำนาจอันยิ่งใหญ่(161)

Comment: (159)หมายถึงผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนบี

Comment: (160)หมายถึงตำแหน่งการเป็นนบี และคัมภีร์ อัลกุรอาน

Comment: (161)เช่นได้ทรงให้อำนาจแก่ท่านนบีดาวูด และนบีสุลัยมาน เป็นต้น

4:55

فَمِنْهُم مَّنْ ءَامَنَ بِهِۦ وَمِنْهُم مَّن صَدَّ عَنْهُ ۚ وَكَفَىٰ بِجَهَنَّمَ سَعِيرًا

Translation: แล้วในหมู่พวกเขามีผู้ศรัทธาต่อเขา และในหมู่พวกเขามีผู้ที่ขัดขวางเขา(162) และเพียงพอแล้วที่ญะฮันนัมเป็นเปลวเพลิงอันโชติช่วง(163)

Comment: (162)เมื่ออัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งท่านหนึ่งท่านใดจากวงศ์วานอิสรออีลให้เป็นนบีของพวกเขา ในหมู่พวกเขาเองนั้นแหละ ก็มีทั้งผู้ที่ศรัทธาต่อท่านและขัดขวางท่าน ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาถืออารมณ์เป็นที่ตั้ง

Comment: (163)สำหรับลงโทษพวกเขา

4:56

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ بِـَٔايَـٰتِنَا سَوْفَ نُصْلِيهِمْ نَارًۭا كُلَّمَا نَضِجَتْ جُلُودُهُم بَدَّلْنَـٰهُمْ جُلُودًا غَيْرَهَا لِيَذُوقُوا۟ ٱلْعَذَابَ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَزِيزًا حَكِيمًۭا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเรานั้น เราจะให้พวกเขาเข้าไปในไฟนรก คราใดที่ผิวหนังของพวกเขาสุกเราก็เปลี่ยนผิวหนังให้แก่พวกเขาใหม่ ซึ่งมิใช่ผิวหนังเดิม เพื่อพวกเขาจะได้ลิ้มรสการลงโทษ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

4:57

وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ سَنُدْخِلُهُمْ جَنَّـٰتٍۢ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ خَـٰلِدِينَ فِيهَآ أَبَدًۭا ۖ لَّهُمْ فِيهَآ أَزْوَٰجٌۭ مُّطَهَّرَةٌۭ ۖ وَنُدْخِلُهُمْ ظِلًّۭا ظَلِيلًا

Translation: และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลายนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าในบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้เขาเข้าอยู่ในเงาร่มอันร่มเย็น

4:58

۞ إِنَّ ٱللَّهَ يَأْمُرُكُمْ أَن تُؤَدُّوا۟ ٱلْأَمَـٰنَـٰتِ إِلَىٰٓ أَهْلِهَا وَإِذَا حَكَمْتُم بَيْنَ ٱلنَّاسِ أَن تَحْكُمُوا۟ بِٱلْعَدْلِ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ نِعِمَّا يَعِظُكُم بِهِۦٓ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ سَمِيعًۢا بَصِيرًۭا

Translation: แท้จริง อัลลอฮ์ทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริงๆ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยินและได้เห็น

4:59

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ أَطِيعُوا۟ ٱللَّهَ وَأَطِيعُوا۟ ٱلرَّسُولَ وَأُو۟لِى ٱلْأَمْرِ مِنكُمْ ۖ فَإِن تَنَـٰزَعْتُمْ فِى شَىْءٍۢ فَرُدُّوهُ إِلَى ٱللَّهِ وَٱلرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ ۚ ذَٰلِكَ خَيْرٌۭ وَأَحْسَنُ تَأْوِيلًا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย(164) แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์และร่อซูล(165) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป(166) ที่สวยยิ่ง

Comment: (164)บรรดาเจ้าหน้าที่ในหมู่พวกเจ้าที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นสั่งให้ทำสิ่งใดก็จงปฏิบัติตาม

Comment: (165)นำสิ่งที่ขัดแย้งกันนั้นไปตรวจสอบดูกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบีว่า อัลลอฮ์ และท่านนบีได้กล่าวว่าอย่างไร แล้วให้ยึดถือตามนั้นโดยปราศจากดื้อดึงใด ๆ ทั้งสิ้น

Comment: (166)กลับไปสู่ความจริงที่สวยงามยิ่ง เพราะจะทำให้ทุกฝ่าย ตั้งอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง และมีความพอใจโดยทั่วกัน

4:60

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ يَزْعُمُونَ أَنَّهُمْ ءَامَنُوا۟ بِمَآ أُنزِلَ إِلَيْكَ وَمَآ أُنزِلَ مِن قَبْلِكَ يُرِيدُونَ أَن يَتَحَاكَمُوٓا۟ إِلَى ٱلطَّـٰغُوتِ وَقَدْ أُمِرُوٓا۟ أَن يَكْفُرُوا۟ بِهِۦ وَيُرِيدُ ٱلشَّيْطَـٰنُ أَن يُضِلَّهُمْ ضَلَـٰلًۢا بَعِيدًۭا

Translation: เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่อ้างตนว่าพวกเขาศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้าดอกหรือ?(167) โดยที่เขาเหล่านั้นต้องการที่จะให้การแก่อัฏฏอฆูต(168) ทั้งๆ ที่พวกเขาถูกใช้ให้ปฏิเสธมัน และชัยฏอนนั้นต้องการที่จะให้พวกเขาหลงทางที่ห่างไกล

Comment: (167)บรรดาผู้ที่อ้างตนว่าศรัทธานั้น คือพวกมุนาฟิก

Comment: (168)ในที่นี้หมายถึง กะอ์บ บินอัล-อัชร็อฟเพื่อให้เขาตัดสิน สาเหตุแห่งการลงมาของอายะฮ์นี้มีว่า มีชายชาวอันซอร์คนหนึ่งกับชาวยิวคนหนึ่งทะเลาะกันชาวยิวกล่าวว่าให้มุฮัมมัดตัดสินระหว่างฉันกับท่าน แล้วชาวอันซอรก็กล่าวว่า ให้กะอ์บ บิน อัล-อัชร็อฟ เป็นผู้ตัดสิน

4:61

وَإِذَا قِيلَ لَهُمْ تَعَالَوْا۟ إِلَىٰ مَآ أَنزَلَ ٱللَّهُ وَإِلَى ٱلرَّسُولِ رَأَيْتَ ٱلْمُنَـٰفِقِينَ يَصُدُّونَ عَنكَ صُدُودًۭا

Translation: และเมื่อถูกล่าวแก่พวกเขาว่าท่านทั้งหลายจงมายังสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา(169) และยังร่อซูลเถิด(170) เจ้าก็ได้เห็นพวกมุนาฟิก(171) ผินหลังให้แก่เจ้า

Comment: (169)คือมายึดถือและปฏิบัติตามอัลกุรอาน

Comment: (170)มารับฟังโอวาทของท่านนบีมุฮัมมัด

Comment: (171)พวกที่มิได้มีความศรัทธาอย่างจริงใจว่าท่านบีเป็นทูตของพระเจ้า หากแต่ที่พวกเขาศรัทธานั้นก็เพื่อผลประโยชน์บางอย่างสำหรับตัวของพวกเขา

4:62

فَكَيْفَ إِذَآ أَصَـٰبَتْهُم مُّصِيبَةٌۢ بِمَا قَدَّمَتْ أَيْدِيهِمْ ثُمَّ جَآءُوكَ يَحْلِفُونَ بِٱللَّهِ إِنْ أَرَدْنَآ إِلَّآ إِحْسَـٰنًۭا وَتَوْفِيقًا

Translation: แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อมีเหตุร้ายใดๆ ประสบแก่พวกเขา(172) เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบขึ้น แล้วพวกเขาก็มาหาเจ้าโดยสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า พวกเรามิได้ต้องการนอกจากการทำดีและให้มีการปรองดองกันเท่านั้น(173)

Comment: (172)เมื่อมีเหตุร้ายประสบแก่พวกเขา ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องมาหาท่านนบีให้ช่วยเหลือ

Comment: (173)คือสาบานแก่ท่านนบีว่าที่พวกเขาไปหากะอ์บ บิน อัล-อัชร็อฟ ซึ่งเป็นชาวยิวเพื่อให้เขาตัดสินระหว่างเขากับชาวยิวคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ชาวยิวได้เสนอให้ท่านนบีได้ตัดสินนั้น ก็เพื่อต้องการจะทำดีแก่พวกเขา และให้เกิดการปรองดองกันเท่านั้น หาใช่อื่นใดไม่ แน่นอนคำแก้ตัวดังกล่าว ย่อมฟังไม่ขึ้นเพราะมันขัดต่อความเป็นจริง และนบีก็ย่อมไม่ยอมเชื่อด้วย

4:63

أُو۟لَـٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ يَعْلَمُ ٱللَّهُ مَا فِى قُلُوبِهِمْ فَأَعْرِضْ عَنْهُمْ وَعِظْهُمْ وَقُل لَّهُمْ فِىٓ أَنفُسِهِمْ قَوْلًۢا بَلِيغًۭا

Translation: ชนเหล่านี้แหละคือ ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้นเจ้าจงผินหลังให้แก่พวกเขา และจงตักเตือนพวกเขาและจงกล่าวแก่พวกเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของพวกเขาอย่างสาแก่ใจ(174)

Comment: (174)พูดให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาได้กระทำความผิดอย่างร้ายแรงแค่ไหน และจะได้รับโทษสถานใด ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาเข็ดหลาบไม่ประพฤติเยี่ยงนั้นอีกต่อไป

4:64

وَمَآ أَرْسَلْنَا مِن رَّسُولٍ إِلَّا لِيُطَاعَ بِإِذْنِ ٱللَّهِ ۚ وَلَوْ أَنَّهُمْ إِذ ظَّلَمُوٓا۟ أَنفُسَهُمْ جَآءُوكَ فَٱسْتَغْفَرُوا۟ ٱللَّهَ وَٱسْتَغْفَرَ لَهُمُ ٱلرَّسُولُ لَوَجَدُوا۟ ٱللَّهَ تَوَّابًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และเรามิได้ส่งร่อซูลคนใดมานอกจากเพื่อให้เขาได้รับการเชื่อฟัง(175) ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์เท่านั้น และแม้ว่าพวกเขานั้นขณะที่พวกเขาอธรรมแก่ตัวเอง(176) ได้มาหาเจ้า แล้วขออภัยโทษต่ออัลออฮ์และร่อซูลก็ได้ขออภัยโทษให้แก่พวกเขาด้วยแล้ว แน่นอน พวกเขาก็ย่อมพบว่าอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (175)เพื่อให้ผู้คนเชื่อผังท่านเท่านั้น แล้วพวกเขาก็จะได้รับหลักความเชื่อถือที่ถูกต้อง และประพฤติตนในทางที่ดีงามเพราะเป็นคำแนะนำที่มาจากอัลลอฮ์

Comment: (176)เป็นประโยคแทรกกล่าวคือ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้ให้กะอ์บ บิน อัล-อัชร็อฟตัดสินในกรณีที่เขาพิพาทกันอันนับเป็นการอธรรมแก่ตัวเองก็ตามแต่ถ้าพวกเขามาหาท่านนบี แล้วขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ แล้วนบีก็ช่วยขอให้ด้วยแล้ว อัลลอฮ์ ก็จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา

4:65

فَلَا وَرَبِّكَ لَا يُؤْمِنُونَ حَتَّىٰ يُحَكِّمُوكَ فِيمَا شَجَرَ بَيْنَهُمْ ثُمَّ لَا يَجِدُوا۟ فِىٓ أَنفُسِهِمْ حَرَجًۭا مِّمَّا قَضَيْتَ وَيُسَلِّمُوا۟ تَسْلِيمًۭا

Translation: มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเจ้าว่า เขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขาแล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใดๆ ในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินใจและพวกเขายอมจำนนด้วยดี(177)

Comment: (177)คือ ดีใจเห็นชอบตามที่ท่านนบีตัดสินทุกอย่าง เช่นนี้พวกเขาจึงจะอยู่ในฐานะผู้ศรัทธา

4:66

وَلَوْ أَنَّا كَتَبْنَا عَلَيْهِمْ أَنِ ٱقْتُلُوٓا۟ أَنفُسَكُمْ أَوِ ٱخْرُجُوا۟ مِن دِيَـٰرِكُم مَّا فَعَلُوهُ إِلَّا قَلِيلٌۭ مِّنْهُمْ ۖ وَلَوْ أَنَّهُمْ فَعَلُوا۟ مَا يُوعَظُونَ بِهِۦ لَكَانَ خَيْرًۭا لَّهُمْ وَأَشَدَّ تَثْبِيتًۭا

Translation: และแม้นว่าเราได้กำหนดแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงฆ่าตัวของพวกเจ้าเองหรือจงออกไปจากหมู่บ้านของพวกเจ้า พวกเขาก็ไม่กระทำตามกำหนดนั้น(178) นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น และแม้ว่าพวกเขาได้กระทำตามสิ่งที่พวกเขาได้รับคำแนะนำแล้ว แน่นอน ก็เป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเขา และเป็นสี่งที่ทำให้มั่นคงยิ่ง(179)

Comment: (178)เพราะพวกเขามิได้ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด ซึ่งถ้าพวกเขาศรัทธาแล้วไม่ว่าพวกเขาจะถูกกำหนดให้ทำอะไรจะต้องถือว่าเป็นคำสั่งของพระเจ้า และจะต้องมั่นใจว่า คำสั่งของพระเจ้านั้นล้วนแต่จะก่อให้เกิดความดีแก่พวกเขาทั้งสิ้น แม้จะใช้ให้พวกเขาฆ่าตัวเองหรืออพยพออกจากหมู่บ้านของพวกเขาไป

Comment: (179)ทำให้การอีมานมั่นคงยิ่ง

4:67

وَإِذًۭا لَّـَٔاتَيْنَـٰهُم مِّن لَّدُنَّآ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: และถ้าเช่นนั้นแล้ว แน่นอนเราก็จะให้แก่พวกเขา ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวงจากที่เรานี้เอง

4:68

وَلَهَدَيْنَـٰهُمْ صِرَٰطًۭا مُّسْتَقِيمًۭا

Translation: และแน่นอน เราก็จะแนะนำแก่พวกเขาซึ่งทางอันเที่ยงตรง

4:69

وَمَن يُطِعِ ٱللَّهَ وَٱلرَّسُولَ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ مَعَ ٱلَّذِينَ أَنْعَمَ ٱللَّهُ عَلَيْهِم مِّنَ ٱلنَّبِيِّـۧنَ وَٱلصِّدِّيقِينَ وَٱلشُّهَدَآءِ وَٱلصَّـٰلِحِينَ ۚ وَحَسُنَ أُو۟لَـٰٓئِكَ رَفِيقًۭا

Translation: และผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลแล้วชนเหล่านี้จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงกรุณาเมตตาแก่พวกเขา อันได้แก่บรรดานบี บรรดาผู้ที่เชื่อโดยดุษฏี(180) บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และบรรดาผู้ที่ประพฤติดี และชนเหล่านี้แหละเป็นเพื่อนที่ดี

Comment: (180)ผู้ที่เชื่อด้วยความดีในทุกสิ่งที่ท่านนบีแจ้งให้ทราบ เช่น ท่านอะบูบักร์ เป็นต้น

4:70

ذَٰلِكَ ٱلْفَضْلُ مِنَ ٱللَّهِ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ عَلِيمًۭا

Translation: ความกรุณาดังกล่าวนั้นมาจากอัลลอฮ์และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้

4:71

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ خُذُوا۟ حِذْرَكُمْ فَٱنفِرُوا۟ ثُبَاتٍ أَوِ ٱنفِرُوا۟ جَمِيعًۭا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยึดถือไว้ซึ่งความระมัดระวังของพวกเจ้าไว้(181) แล้วจงออกไปเป็นกลุ่มๆ หรือออกไปโดยรวมเป็นกลุ่มเดียวกัน(182)

Comment: (181)ให้ระวังอยู่เสมอด้วยการเตรียมกำลังให้พร้อม

Comment: (182)ไปเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อทำการสอดแนม หรือยกกำลังออกไปเป็นขบวนทัพ เพื่อทำการรบ

4:72

وَإِنَّ مِنكُمْ لَمَن لَّيُبَطِّئَنَّ فَإِنْ أَصَـٰبَتْكُم مُّصِيبَةٌۭ قَالَ قَدْ أَنْعَمَ ٱللَّهُ عَلَىَّ إِذْ لَمْ أَكُن مَّعَهُمْ شَهِيدًۭا

Translation: และแท้จริงในหมู่พวกเจ้ามีผู้ที่ทำชักช้า(183) อยู่หากมีเหตุร้ายใด(184) ประสบแก่พวกเจ้า เขาก็กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงกรุณาแก่ฉัน ที่ฉันมิได้ร่วมอยู่กับพวกเขา(185)

Comment: (183)เพื่อจะได้ออกไปไม่ทันขบวนทัพ และจะได้แก้ตัวว่าเขาก็จะออกไปเหมือนกันแต่ไม่ทัน มิใช่หนี

Comment: (184)คือ พ่ายแพ้ หรือมีการเสียชีวิต

Comment: (185)มิได้ร่วมในสนามรบ

4:73

وَلَئِنْ أَصَـٰبَكُمْ فَضْلٌۭ مِّنَ ٱللَّهِ لَيَقُولَنَّ كَأَن لَّمْ تَكُنۢ بَيْنَكُمْ وَبَيْنَهُۥ مَوَدَّةٌۭ يَـٰلَيْتَنِى كُنتُ مَعَهُمْ فَأَفُوزَ فَوْزًا عَظِيمًۭا

Translation: และถ้าหากว่ามีความกรุณาใดๆ จากอัลลอฮ์ได้ประสบกับพวกเจ้าแล้ว(186) แน่นอนเขาก็จะกล่าวประหนึ่งไม่เคยมีความชอบพอใดๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้ากับเขาว่า โอ้หวังว่าฉันได้ร่วมอยู่กับพวกเขา แล้วฉันก็จะได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง(187)

Comment: (186)คือได้รับชัยชนะ และได้ทรัพย์เชลย

Comment: (187)ได้รับเกียรติและได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์เชลย

4:74

۞ فَلْيُقَـٰتِلْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ ٱلَّذِينَ يَشْرُونَ ٱلْحَيَوٰةَ ٱلدُّنْيَا بِٱلْـَٔاخِرَةِ ۚ وَمَن يُقَـٰتِلْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ فَيُقْتَلْ أَوْ يَغْلِبْ فَسَوْفَ نُؤْتِيهِ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: จงสู้รบในทางของอัลลอฮ์เถิด บรรดาผู้ขายชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ด้วยปรโลก(188) และผู้ใดสู้รบในทางของอัลลอฮ์และเขาถูกฆ่าหรือได้รับชัยชนะเราจะให้รางวัลอันใหญ่หลวงแก่เขา

Comment: (188)คืออุทิศชีวิตเพื่อศาสนาของอัลลอฮ์ในทุกวิถีทางในโลกนี้ ทั้งนี้เพื่อหวังความโปรดปรานจากพระองค์ในปรโลก

4:75

وَمَا لَكُمْ لَا تُقَـٰتِلُونَ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ وَٱلْمُسْتَضْعَفِينَ مِنَ ٱلرِّجَالِ وَٱلنِّسَآءِ وَٱلْوِلْدَٰنِ ٱلَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَآ أَخْرِجْنَا مِنْ هَـٰذِهِ ٱلْقَرْيَةِ ٱلظَّالِمِ أَهْلُهَا وَٱجْعَل لَّنَا مِن لَّدُنكَ وَلِيًّۭا وَٱجْعَل لَّنَا مِن لَّدُنكَ نَصِيرًا

Translation: มีเหตุใดเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ? ที่พวกเจ้าไม่สู้รบในทางของอัลลอฮ์ทั้งๆ ที่บรรดาผู้อ่อนแอ ไม่ว่าชายและหญิง และเด็กๆ ต่างกล่าวกันว่า โอ้พระเจ้าของเรา! โปรดนำพวกเราออกไปจากเมืองนี้(189) ซึ่งชาวเมืองเป็นผู้ข่มเหงรังแก และโปรดให้มีขึ้นแก่พวกเราซึ่งผู้คุ้มครองคนหนึ่งจากที่พระองค์และโปรดให้มีขึ้นแก่พวกเราซึ่งผู้ช่วยเหลือคนหนึ่งจากที่พระองค์

Comment: (189)เมืองมักกะฮ์

4:76

ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ يُقَـٰتِلُونَ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ ۖ وَٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ يُقَـٰتِلُونَ فِى سَبِيلِ ٱلطَّـٰغُوتِ فَقَـٰتِلُوٓا۟ أَوْلِيَآءَ ٱلشَّيْطَـٰنِ ۖ إِنَّ كَيْدَ ٱلشَّيْطَـٰنِ كَانَ ضَعِيفًا

Translation: บรรดาผู้ที่ศรัทธาพวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัฎฏอฆูต(190) ดังนั้นพวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาสมุนของชัยฏอนเถิด(191) แท้จริงอุบายของชัยฏอนเป็นสิ่งที่อ่อนแอ(192)

Comment: (190)หมายถึง ชัยฏอน และชัยฏอนนั้นคือ ญินที่ประพฤติชั่วและคอยชี้นำให้มนุษย์กระทำชั่ว คือมนุษย์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมัน หรือผู้ปฏิบัติตามการชี้นำของมัน

Comment: (191)คือมนุษย์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมัน หรือผู้ปฏิบัติตามการชี้นำของมัน

Comment: (192)ถ้ามุมินมีจิตใจเข้มแข็งแล้ว ก็ชนะสมุนของมันได้ เพราะอุบายที่มันสาวไว้ให้แก่สมุนของมันนั้นมิได้แข็งแรงแต่อย่างใด

4:77

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ قِيلَ لَهُمْ كُفُّوٓا۟ أَيْدِيَكُمْ وَأَقِيمُوا۟ ٱلصَّلَوٰةَ وَءَاتُوا۟ ٱلزَّكَوٰةَ فَلَمَّا كُتِبَ عَلَيْهِمُ ٱلْقِتَالُ إِذَا فَرِيقٌۭ مِّنْهُمْ يَخْشَوْنَ ٱلنَّاسَ كَخَشْيَةِ ٱللَّهِ أَوْ أَشَدَّ خَشْيَةًۭ ۚ وَقَالُوا۟ رَبَّنَا لِمَ كَتَبْتَ عَلَيْنَا ٱلْقِتَالَ لَوْلَآ أَخَّرْتَنَآ إِلَىٰٓ أَجَلٍۢ قَرِيبٍۢ ۗ قُلْ مَتَـٰعُ ٱلدُّنْيَا قَلِيلٌۭ وَٱلْـَٔاخِرَةُ خَيْرٌۭ لِّمَنِ ٱتَّقَىٰ وَلَا تُظْلَمُونَ فَتِيلًا

Translation: เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ถูกกล่าวแก่พวกเขา(193) ว่า จงระงับมือของพวกเจ้าก่อนเถิด และจงดำรงละหมาด และจงชำระซะกาต ครั้นเมื่อการสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกเขา ทันใดนั้นกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาก็กลัวมนุษย์เช่นเดียวกับกลัวอัลลอฮ์(194) หรือกลัวยิ่งกว่า และพวกเขากล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา! เพราะเหตุใดพระองค์จึงได้กำหนดการสู้รบขึ้นแก่พวกเรา(195) พระองค์จะทรงเลื่อนให้แก่พวกเรายังกำหนดเวลาอันใกล้ไม่ได้หรือ?(196) จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) สิ่งอำนวยประโยชน์แห่งโลกนี้มันเล็กน้อย(197) และปรโลกนั้นดียิ่งกว่าสำหรับผู้ที่ยำเกรงและพวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่าขนาดร่องเมล็ดอินทผลัม(198)

Comment: (193)คือบรรดาผู้ศรัทธาขณะที่ถูกมุชริกมักกะฮ์ข่มเหงรังแก ซึ่งพวกเขาคิดที่จะต่อสู้ แล้วได้รับคำสั่งจากอัลลอฮ์ให้ระงับการต่อสู้ไว้ก่อน

Comment: (194)การสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นหลังจากที่ได้อพยพไปมะดีนะฮ์แล้ว แล้วกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยคิดที่จะต่อสู้พวกมุชริกที่มักกะฮ์กลับไม่ยอมสู้โดยกลัวฝ่ายมุชริกจะฆ่าพวกเขาตาย ประหนึ่งว่าพวกเขากลัวมุชริก เหมือนกับกลัวอัลลอฮ์หรือกลัวลนลานยิ่งกว่า

Comment: (195)คือกำหนดเร็วไป ซึ่งเป็นคำพูดของคนใจไม่สู้ ซึ่งมีอยู่ทุกสมัย

Comment: (196)เลื่อนเวลาให้ล่าช้าไปอีกนิดหน่อยไม่ได้หรือ?

Comment: (197)คือจะห่วงชีวิตไปใย แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่นานเท่านานในโลกนี้ ก็จะได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะสิ่งอำนวยประโยชน์ในโลกนี้มีน้อยนิดเดียว

Comment: (198)ที่ท้องเม็ดอินทผาลัมนั้นมีร่องเล็กยาวไปตามเม็ดซึ่งจะระบุสิ่งตกลงไปก็รับได้นิดหน่อย ด้วยเหตุนี้คนอาหรับจึงถือเป็นสิ่งเล็กน้อย และถ้าต้องการจะเปรียบเทียบอะไรว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยก็มักจะเอาร่องบนเม็ดอินทผลัมมาเปรียบเทียบ

4:78

أَيْنَمَا تَكُونُوا۟ يُدْرِككُّمُ ٱلْمَوْتُ وَلَوْ كُنتُمْ فِى بُرُوجٍۢ مُّشَيَّدَةٍۢ ۗ وَإِن تُصِبْهُمْ حَسَنَةٌۭ يَقُولُوا۟ هَـٰذِهِۦ مِنْ عِندِ ٱللَّهِ ۖ وَإِن تُصِبْهُمْ سَيِّئَةٌۭ يَقُولُوا۟ هَـٰذِهِۦ مِنْ عِندِكَ ۚ قُلْ كُلٌّۭ مِّنْ عِندِ ٱللَّهِ ۖ فَمَالِ هَـٰٓؤُلَآءِ ٱلْقَوْمِ لَا يَكَادُونَ يَفْقَهُونَ حَدِيثًۭا

Translation: ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่ ความตายก็ย่อมมาถึงพวกเจ้า และแม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการอันสูงตระหง่านก็ตาม และหากมีความดีใดๆ ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่าสิ่งนี้มาจากอัลลอฮ์และหากมีความชั่วใดๆ ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า สิ่งนี้มาจากเจ้า(199) จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ทุกอย่างนั้นมาจากอัลลอฮ์ทั้งสิ้น มีเหตุใดเกิดขึ้นแก่กลุ่มชนเหล่านี้ กระนั้นหรือ ที่พวกเขาห่างไกลที่จะเข้าใจคำพูด

Comment: (199)หมายถึง ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวคือเมื่อเกิดการแห้งแล้ง อาหารขาดแคลนก็กล่าวหาว่า ท่านนบีเป็นต้นเหตุที่มาโกหกว่าตนเป็นร่อซูลของอัลลอฮ์ ทำให้เราเชื่อฟังพระองค์จึงได้ลงโทษพวกเรา

4:79

مَّآ أَصَابَكَ مِنْ حَسَنَةٍۢ فَمِنَ ٱللَّهِ ۖ وَمَآ أَصَابَكَ مِن سَيِّئَةٍۢ فَمِن نَّفْسِكَ ۚ وَأَرْسَلْنَـٰكَ لِلنَّاسِ رَسُولًۭا ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ شَهِيدًۭا

Translation: ความดีใดๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮ์(200) และความชั่วใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง(201) และเราได้ส่งเจ้าไปเป็นร่อซูลแก่มนุษย์ และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์ทรงเป็นพยาน(202)

Comment: (200)เนื่องจากปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงแนะนำไว้

Comment: (201)เนื่องจากฝ่าฝืนคำแนะนำของพระองค์

Comment: (202)คือเป็นพยานยืนยันในการกระทำของมนุษย์ เพราะพระองค์ทรงรู้เห็นทุกอย่างในสิ่งที่มนุษย์กระทำ

4:80

مَّن يُطِعِ ٱلرَّسُولَ فَقَدْ أَطَاعَ ٱللَّهَ ۖ وَمَن تَوَلَّىٰ فَمَآ أَرْسَلْنَـٰكَ عَلَيْهِمْ حَفِيظًۭا

Translation: ผู้ใดเชื่อฟังร่อซูล แน่นอนเขาก็เชื่อฟังอัลลอฮ์แล้ว และผู้ใดผินหลังให้ เราก็หาได้ส่งเจ้าไปในฐานะเป็นผุ้ควบคุมพวกเขาไม่

4:81

وَيَقُولُونَ طَاعَةٌۭ فَإِذَا بَرَزُوا۟ مِنْ عِندِكَ بَيَّتَ طَآئِفَةٌۭ مِّنْهُمْ غَيْرَ ٱلَّذِى تَقُولُ ۖ وَٱللَّهُ يَكْتُبُ مَا يُبَيِّتُونَ ۖ فَأَعْرِضْ عَنْهُمْ وَتَوَكَّلْ عَلَى ٱللَّهِ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ وَكِيلًا

Translation: และพวกเขากล่าวว่า เชื่อฟัง(203) แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้าแล้ว กลุ่มหนึ่งในพวกเขาก็ได้วางแผนในเวลากลางคืน อื่นจากสิ่งที่เจ้ากล่าว และอัลลอฮ์จะทรงบันทึกสิ่งที่พวกเขาวางแผนกันในเวลากลางคืน ดังนั้น จงเพิกเฉยต่อพวกเขาเสีย และจงมอบหมายแก่อัลลอฮ์เถิด(204) และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา

Comment: (203)คือพวกมุนาฟิกนั้นเมื่อได้รับคำสั่งจากท่านนบีให้ปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็จะกล่าวว่า พวกเราเชื่อฟังและจะปฏิบัติตาม

Comment: (204)มอบหมายให้อัลลอฮ์ทรงจัดการแก่พวกเขาเอง

4:82

أَفَلَا يَتَدَبَّرُونَ ٱلْقُرْءَانَ ۚ وَلَوْ كَانَ مِنْ عِندِ غَيْرِ ٱللَّهِ لَوَجَدُوا۟ فِيهِ ٱخْتِلَـٰفًۭا كَثِيرًۭا

Translation: พวกเขาไม่พิจารณาดูอัลกุรอานบ้างหรือ? และหากว่าอัลกุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮ์แล้ว แน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันมากมาย

4:83

وَإِذَا جَآءَهُمْ أَمْرٌۭ مِّنَ ٱلْأَمْنِ أَوِ ٱلْخَوْفِ أَذَاعُوا۟ بِهِۦ ۖ وَلَوْ رَدُّوهُ إِلَى ٱلرَّسُولِ وَإِلَىٰٓ أُو۟لِى ٱلْأَمْرِ مِنْهُمْ لَعَلِمَهُ ٱلَّذِينَ يَسْتَنۢبِطُونَهُۥ مِنْهُمْ ۗ وَلَوْلَا فَضْلُ ٱللَّهِ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَتُهُۥ لَٱتَّبَعْتُمُ ٱلشَّيْطَـٰنَ إِلَّا قَلِيلًۭا

Translation: และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขาจะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความกลัวก็ดี(205) พวกเขาก็จะแพร่มันออกไป(206) และหากว่าพวกเขาให้มันกลับไปยังร่อซูล และยังผู้ปกครองการงานในหมู่พวกเขาแล้ว(207) แน่นอนบรรดาผู้ที่วินิจฉัยมันในหมู่พวกเขา ก็ย่อมรู้มันได้ และหากมิใช่ความเมตตาของอัลลอฮ์และความกรุณาของพระองค์ที่มีต่อพวกเจ้าแล้ว แน่นอน พวกเจ้าก็คงปฏิบัติตามชัยฏอนไปแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น(208)

Comment: (205)จะเป็นข่าวคราวที่ทหารได้รับชัยชนะและปลอดภัยก็ดี หรือได้รับความปราชัยและสูญเสียชีวิตก็ดี

Comment: (206)พวกที่มีอีมานอ่อนแอก็จะดีอกดีใจหรือตกอกตกใจจนเกินขอบเขต และแพร่ข่าวกันออกไปสู่ประชาชนคนอื่น ๆ ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เนื่องจากความเข้าใจผิดหรือได้รับข่าวที่ไม่ถูกต้อง

Comment: (207)หมายถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นโดยตรง

Comment: (208)เจ้าหน้าที่แถลงข่าวโดยตรงแล้ว แน่นอนพวกเจ้าก็จะปฏิบัติตามการชี้นำของชัยฏอนกันแล้ว นั่นก็หมายความว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับความหายนะอย่างแน่นอน และผู้ที่จะไม่ปฏิบัติตามชัยฏอนก็จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

4:84

فَقَـٰتِلْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ لَا تُكَلَّفُ إِلَّا نَفْسَكَ ۚ وَحَرِّضِ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۖ عَسَى ٱللَّهُ أَن يَكُفَّ بَأْسَ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ ۚ وَٱللَّهُ أَشَدُّ بَأْسًۭا وَأَشَدُّ تَنكِيلًۭا

Translation: เจ้า(209) จงสู้รบในทางของอัลลอฮ์เถิด โดยที่เจ้ามิได้ถูกบังคับ (ให้เกณฑ์ผู้ใด) นอกจากตัวของเจ้าเอง และจงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาด้วย เป็นไปได้ว่าอัลลอฮ์จะทรงยับยั้งกำลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น(210) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมีกำลังรบที่เข้มแข็งกว่า(211) และเป็นผู้ทรงมีการลงโทษที่รุนแรงกว่า

Comment: (209)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

Comment: (210)ยับยั้งกำลังรบผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยกำลังรบของบรรดาผู้ศรัทธา

Comment: (211)ถ้าพระองค์ทรงช่วยเหลือแล้ว แน่นอนฝ่ายผู้ศรัทธาต้องชนะอย่างแน่นอน เพราะพระองค์ก็ทรงมีกำลังรบเข้มแข็งกว่า

4:85

مَّن يَشْفَعْ شَفَـٰعَةً حَسَنَةًۭ يَكُن لَّهُۥ نَصِيبٌۭ مِّنْهَا ۖ وَمَن يَشْفَعْ شَفَـٰعَةًۭ سَيِّئَةًۭ يَكُن لَّهُۥ كِفْلٌۭ مِّنْهَا ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ مُّقِيتًۭا

Translation: ผู้ใดที่ให้ความช่วยเหลืออย่างดีก็จะเป็นของเขา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความดีนั้น(212) และผู้ใดให้ความช่วยเหลือย่างชั่วก็จะเป็นของเขา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความชั่วนั้น(213) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

Comment: (212)เขาก็จะได้รับส่วนดีที่เขาให้ความช่วยเหลือในโลกนี้ด้วย และในอาคิเราะฮ์ (ปรโลก) เขาจะได้รับการตอบแทนความดีที่อัลลอฮ์อีก

Comment: (213)เขาจะได้รับส่วนชั่วที่เขาให้ความช่วยเหลือนั้นในโลกนี้ และในปรโลกเขาได้รับการลงโทษจากอัลลอฮ์อีก

4:86

وَإِذَا حُيِّيتُم بِتَحِيَّةٍۢ فَحَيُّوا۟ بِأَحْسَنَ مِنْهَآ أَوْ رُدُّوهَآ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍ حَسِيبًا

Translation: และเมื่อพวกเจ้าได้รับคำอวยพรจะด้วยคำอวยพรใดๆ ก็ตาม(214) ก็จงกล่าวคำอวยพรตอบที่ดีกว่านั้น(215) หรือไม่ก็กล่าวคำอวยพรนั้นตอบกลับไป(216) แท้จริง อัลลอฮ์ทรงคำนวณนับในทุกสิ่งทุกอย่าง(217)

Comment: (214)เช่นได้รับคำอวยพรว่า السلام عليكم เป็นต้น

Comment: (215)เช่นกล่าวว่า وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

Comment: (216)เช่นกล่าวตอบว่า وعليكم السلام

Comment: (217)คือคำนวณนับไว้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้ประกอบไว้จะดีหรือชั่วจะมากมายหรือเล็กน้อยก็ตาม แม้แต่การกล่าวอวยพรตอบที่ดีกว่าก็จะทรงคิดคำนวณไว้เพื่อตอบแทน

4:87

ٱللَّهُ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ ۚ لَيَجْمَعَنَّكُمْ إِلَىٰ يَوْمِ ٱلْقِيَـٰمَةِ لَا رَيْبَ فِيهِ ۗ وَمَنْ أَصْدَقُ مِنَ ٱللَّهِ حَدِيثًۭا

Translation: อัลลอฮ์นั้นคือ ไม่มีผู้ที่ควรได้รับเคารพภักดีใดๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น แน่นอน พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายสู่วันกิยามะฮ์(218) ซึ่งไม่มีการสงสัยใดๆ ในวันนั้น และใครเล่าที่จะมีคำพูดจริงยิ่งกว่าอัลลอฮ์

Comment: (218)คือจะทรงให้พวกเจ้าทุกคนเสียชีวิต และฟื้นคืนชีพโดยพร้อมเพรียงกันในวันกิยามะฮ์

4:88

۞ فَمَا لَكُمْ فِى ٱلْمُنَـٰفِقِينَ فِئَتَيْنِ وَٱللَّهُ أَرْكَسَهُم بِمَا كَسَبُوٓا۟ ۚ أَتُرِيدُونَ أَن تَهْدُوا۟ مَنْ أَضَلَّ ٱللَّهُ ۖ وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَلَن تَجِدَ لَهُۥ سَبِيلًۭا

Translation: ดังนั้นมีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่พวกเจ้าได้กลายเป็นสองพวกในกรณีบรรดามุนาฟิกเหล่านั้น(219) และอัลลอฮ์ได้ทรงให้พวกเขากลับสู่สภาพเดิมแล้ว(220) เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้(221) พวกเจ้าต้องการที่จะแนะนำผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้หลงผิดไปแล้วกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้หลงผิดไปแล้ว เจ้าก็จะไม่พบทางใด ๆ สำหรับเขาเป็นอันขาด

Comment: (219)หมายถึงชาวมักกะฮ์กลุ่มหนึ่งซึ่งได้แสดงตนว่าศรัทธาต่อท่านนบี แต่พวกเขาไม่ยอมอพยพไปมะดีนะฮ์เยี่ยงบรรดาผู้ศรัทธาคนอื่น ๆ ในการนี้ทำให้บรรดาผู้ศรัทธาซึ่งอยู่ที่มะดีนะฮ์มีความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่ควรจะตัดสัมพันธ์และสู้รบกับพวกที่ได้ เคยแสดงตนว่าเป็นผู้ศรัทธาต่อท่านนบี แต่อีกฝ่ายหนึ่งรู้ถึงสภาพของพวกเขาดี จากการปฏิบัติที่เป็นศัตรูของพวกเขาจึงเห็นว่าพวกนี้มิได้ศรัทธาจริงและได้ปฏิเสธศรัทธาไปแล้ว ให้พวกเขากลับเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาดังเดิม

Comment: (220)ให้พวกเขากลับเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาดังเดิม

Comment: (221)เนื่องจากการกระทำของพวกเขาเอง

4:89

وَدُّوا۟ لَوْ تَكْفُرُونَ كَمَا كَفَرُوا۟ فَتَكُونُونَ سَوَآءًۭ ۖ فَلَا تَتَّخِذُوا۟ مِنْهُمْ أَوْلِيَآءَ حَتَّىٰ يُهَاجِرُوا۟ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ ۚ فَإِن تَوَلَّوْا۟ فَخُذُوهُمْ وَٱقْتُلُوهُمْ حَيْثُ وَجَدتُّمُوهُمْ ۖ وَلَا تَتَّخِذُوا۟ مِنْهُمْ وَلِيًّۭا وَلَا نَصِيرًا

Translation: พวกเขาชอบหากว่า พวกเจ้าจะปฏิเสธศรัทธา ดังที่พวกเขาได้ปฏิเสธ พวกเจ้าจะได้กลายเป็นผู้ที่เท่าเทียมกัน(222) ดังนั้นจงอย่าได้ยึดเอาใครในหมู่พวกเขาเป็นมิตร จนกว่าพวกเขาจะอพยพไปในทางของอัลลอฮ์(223) แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ก็จงเอาพวกเขาไว้(224) และจงฆ่าพวกเขา ณ ที่ที่พวกเจ้าพบพวกเขา และจงอย่าเอาใครในหมู่พวกเขาเป็นมิตรและเป็นผู้ช่วยเหลือ(225)

Comment: (222)คือมีฐานะเท่าเทียมกับพวกเขาโดยที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยกัน

Comment: (223)คืออพยพไปมะดีนะฮ์เพื่อนร่วมภารกิจในวิถีทางของอัลลอฮ์

Comment: (224)ให้จับพวกเขาเป็นเชลยหากมีโอกาส

Comment: (225)เป็นผู้ช่วยเหลือในการส่งข่าวความเคลื่อนไหวของพวกกุเรชมักกะฮ์ เพราะเขามิได้จริงใจต่อพวกเจ้า

4:90

إِلَّا ٱلَّذِينَ يَصِلُونَ إِلَىٰ قَوْمٍۭ بَيْنَكُمْ وَبَيْنَهُم مِّيثَـٰقٌ أَوْ جَآءُوكُمْ حَصِرَتْ صُدُورُهُمْ أَن يُقَـٰتِلُوكُمْ أَوْ يُقَـٰتِلُوا۟ قَوْمَهُمْ ۚ وَلَوْ شَآءَ ٱللَّهُ لَسَلَّطَهُمْ عَلَيْكُمْ فَلَقَـٰتَلُوكُمْ ۚ فَإِنِ ٱعْتَزَلُوكُمْ فَلَمْ يُقَـٰتِلُوكُمْ وَأَلْقَوْا۟ إِلَيْكُمُ ٱلسَّلَمَ فَمَا جَعَلَ ٱللَّهُ لَكُمْ عَلَيْهِمْ سَبِيلًۭا

Translation: นอกจากบรรดาผู้ที่ติดต่ออยู่(226) กับพวกหนึ่งซึ่งระหว่างพวกเจ้ากับพวกนั้นมีพันธสัญญาอยู่(227) หรือบรรดาผู้ที่มาหาพวกเจ้าโดยที่หัวอกของพวกเขาอัดอั้น(228) ต่อการที่พวกเขาจะสู้รบกับพวกเจ้าหรือสู้รบกับหมู่ชนของพวกเขาเอง(229) และหากว่าอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนก็ทรงให้พวกเขามีอำนาจเหนือพวกเจ้าแล้ว แล้วแน่นอน พวกเขาก็สู้รบกับพวกเจ้าแล้วด้วย แต่ถ้าพวกเขาออกห่างพวกเจ้า โดยที่มิได้ทำการสู้รบกับพวกเจ้า และได้เจรจาแก่พวกเจ้าซึ่งการประนีประนอมแล้วไซร้ อัลลอฮ์ก็ไม่ทรงให้มีทางใดแก่พวกเจ้าที่จะขจัดพวกเขาได้(230)

Comment: (226)คือมีความสัมพันธ์กันและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

Comment: (227)มีพันธะสัญญาที่จะไม่รุกรานกันและสู้รบกัน กล่าวคือถ้าฝ่ายมุมินจะจัดการแก่พวกมุนาฟิกดังกล่าว แน่นอนผู้ที่มีสัมพันธ์อยู่กับพวกเขาก็จะต้องช่วยเหลือ นั่นก็หมายถึงว่า ฝ่ายมุมินจะต้องทำศึกกับผู้ที่มีพันธะสัญญาระหว่างกันอย่างแน่นอน อันเป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสัญญา ด้วยเหตุนี้จึงให้มุมินละเว้นไม่กระทำต่อมุนาฟิกที่อยู่ในข่ายดังกล่าว

Comment: (228)ไม่มีแก่ใจที่จะสู้รบกับพวกเจ้า เพราะไม่ปรารถนาที่จะฆ่าฟันกับผู้ที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน กล่าวคือพวกเขาจะไม่ร่วมกับมุนาฟิก มักกะฮ์รบกับฝ่ายมุสลิม

Comment: (229)ไม่ปรารถนาที่จะร่วมกับฝ่ายมุสลิมรบกับพวกมุชริกซึ่งเป็นพวกของเขา

Comment: (230)เลิกคิดที่จะประหัตประหารพวกเขาเพราะอัลลอฮ์ไม่ทรงเปิดทางให้กระทำได้

4:91

سَتَجِدُونَ ءَاخَرِينَ يُرِيدُونَ أَن يَأْمَنُوكُمْ وَيَأْمَنُوا۟ قَوْمَهُمْ كُلَّ مَا رُدُّوٓا۟ إِلَى ٱلْفِتْنَةِ أُرْكِسُوا۟ فِيهَا ۚ فَإِن لَّمْ يَعْتَزِلُوكُمْ وَيُلْقُوٓا۟ إِلَيْكُمُ ٱلسَّلَمَ وَيَكُفُّوٓا۟ أَيْدِيَهُمْ فَخُذُوهُمْ وَٱقْتُلُوهُمْ حَيْثُ ثَقِفْتُمُوهُمْ ۚ وَأُو۟لَـٰٓئِكُمْ جَعَلْنَا لَكُمْ عَلَيْهِمْ سُلْطَـٰنًۭا مُّبِينًۭا

Translation: พวกเจ้าจะพบพวกอื่นอีก(231) โดยพวกเขาปรารถนาที่จะปลอดภัยจากพวกเจ้า(232) และปลอดภัยจากพวกเขาเอง(233) คราใดที่พวกเขาถูกให้กลับไปสู่การฟิตนะฮ์(234) พวกเขาก็ถูกให้กลับไปอยู่ในนั้นตามเดิม(235) ดังนั้นถ้าพวกเขามิได้ออกห่างจากพวกเจ้าไป(236) และมิได้เจรจาแก่พวกเจ้าซึ่งการประนีประนอม และมิได้ระงับมือของพวกขาแล้ว(237) ก็จงเอาพวกเขาไว้(238) และจงฆ่าพวกเขา ณ ที่ที่พวกเจ้าพบพวกเขา(239) และชนเหล่านี้แหละเราได้ให้มีอำนาจอันชัดเจนแก่พวกเจ้าที่จะขจัดพวกเขาได้

Comment: (231)คือพวกอะซัด และ ฆ็อตฟาน ซึ่งอยู่รอบ ๆ เมืองมะดีนะฮ์

Comment: (232)ปรารถนาที่จะได้รับความปลอดภัยจากพวกเจ้า ด้วยการแสดงตนเข้ารับนับถืออิสลาม

Comment: (233)ปรารถนาที่จะได้รับความปลอดภัยจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาด้วย โดยกล่าวยืนยันแก่พวกเขาว่า พวกเขายังคงเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่

Comment: (234)ฟิตนะฮ์ ที่นี้หมายถึงชิริกหรือการให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮ์

Comment: (235)คือพวกเขาก็กลับกระทำการชิริกตามเดิมโดยมิได้ตะขิดตะขวงใจต่อการปฏิญาณตนเป็นมุสลิมของพวกเขาเพราะการปฏิญาณตนเป็นมุสลิมนั้น เป็นการประกาศเลิกการทำชิริกโดยเด็ดขาด ดังกล่าวนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขามิได้รับนับถืออิสลามด้วยความจริงใจ

Comment: (236)หมายถึงมิได้เลิกที่จะก่อกวนพวกเจ้า

Comment: (237)คือยังมิได้ล้มเลิกในการร่วมมือพวกมุชริกทำการสู้รบกับพวกเจ้า

Comment: (238)จับพวกเขาไว้เป็นเชลยหากมีโอกาส

Comment: (239)ถ้าจับเป็นเชลยไม่ได้ก็ให้ฆ่าเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พบพวกเขา

4:92

وَمَا كَانَ لِمُؤْمِنٍ أَن يَقْتُلَ مُؤْمِنًا إِلَّا خَطَـًۭٔا ۚ وَمَن قَتَلَ مُؤْمِنًا خَطَـًۭٔا فَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍۢ مُّؤْمِنَةٍۢ وَدِيَةٌۭ مُّسَلَّمَةٌ إِلَىٰٓ أَهْلِهِۦٓ إِلَّآ أَن يَصَّدَّقُوا۟ ۚ فَإِن كَانَ مِن قَوْمٍ عَدُوٍّۢ لَّكُمْ وَهُوَ مُؤْمِنٌۭ فَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍۢ مُّؤْمِنَةٍۢ ۖ وَإِن كَانَ مِن قَوْمٍۭ بَيْنَكُمْ وَبَيْنَهُم مِّيثَـٰقٌۭ فَدِيَةٌۭ مُّسَلَّمَةٌ إِلَىٰٓ أَهْلِهِۦ وَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍۢ مُّؤْمِنَةٍۢ ۖ فَمَن لَّمْ يَجِدْ فَصِيَامُ شَهْرَيْنِ مُتَتَابِعَيْنِ تَوْبَةًۭ مِّنَ ٱللَّهِ ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: และมิใช่วิสัยของผู้ศรัทธาที่จะฆ่าผู้ศรัทธาคนหนึ่งคนใด นอกจากด้วยความผิดพลาดเท่านั้น(240) และผู้ใดที่ฆ่าผู้ศรัทธาด้วยความผิดพลาดแล้ว ก็ให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท และให้มีค่าทำขวัญ ซึ่งถูกมอบให้แก่ครอบครัวของเขา(241) นอกจากว่าครอบครัวของพวกเขาจะทำทานให้เท่านั้น(242) แต่ถ้าหากเขาอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูของพวกเจ้า โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธาก็ให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท และถ้าเขาอยู่ในหมู่ชนที่มีพันธสัญญา(243) ระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขาแล้ว ก็ให้มีการทำขวัญ ซึ่งถูกมอบให้แก่ครอบครัวของเขา และให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่ง ผู้ใดที่ไม่พบ(244) ก็ให้มีการถือศีลอดสองเดือนต่อเนื่องกัน(245) เป็นการอภัยโทษจากอัลลอฮ์และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาน

Comment: (240)เนื่องจากไม่ทราบว่าเขาเป็นมุมินหรืออื่นใดก็ตามที่มิได้เจตนา

Comment: (241)หมายถึงทายาทของเขา สำหรับค่าทำขวัญตามที่ท่านนบีได้กำหนดไว้นั้นคือ อูฐร้อยตัวหรือไม่ก็จ่ายเป็นเงินเท่าราคาอูฐร้อยตัว ทั้งนี้ถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ ดังกล่าวนี้ถ้าผู้ตายอยู่ในครอบครัวที่อูฐเป็นหลักทรัพย์ของเขา แต่ถ้าผู้ตายอยู่ในครอบครัวที่หลักทรัพย์ของพวกเขาเป็นเงินทางแล้วก็ให้จ่ายค่าทำขวัญหนึ่งพันดีนาร์

Comment: (242)ถ้าครอบครัวของผู้ตายออกค่าทำขวัญเป็นทานให้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญ

Comment: (243)มีพันธะสัญญาว่าจะไม่รุรานกันและไม่ทำการสู้รบกัน

Comment: (244)ไม่พบทาสหญิงที่จะปลดปล่อยหรือไม่มีเงินพอที่จะซื้อทาสหญิงเพื่อทำการปลดปล่อย

Comment: (245)คือถ้าขาดวันใดวันหนึ่งจะเป็นช่วงใดก็ตามโดยที่มิใช่เป็นอุปสรรคที่บัญญัติศาสนาผ่อนผันให้แล้วก็ให้เริ่มต้นในการถือศีลอดใหม่

4:93

وَمَن يَقْتُلْ مُؤْمِنًۭا مُّتَعَمِّدًۭا فَجَزَآؤُهُۥ جَهَنَّمُ خَـٰلِدًۭا فِيهَا وَغَضِبَ ٱللَّهُ عَلَيْهِ وَلَعَنَهُۥ وَأَعَدَّ لَهُۥ عَذَابًا عَظِيمًۭا

Translation: และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮ์ก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละอ์นัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง

4:94

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ إِذَا ضَرَبْتُمْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ فَتَبَيَّنُوا۟ وَلَا تَقُولُوا۟ لِمَنْ أَلْقَىٰٓ إِلَيْكُمُ ٱلسَّلَـٰمَ لَسْتَ مُؤْمِنًۭا تَبْتَغُونَ عَرَضَ ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا فَعِندَ ٱللَّهِ مَغَانِمُ كَثِيرَةٌۭ ۚ كَذَٰلِكَ كُنتُم مِّن قَبْلُ فَمَنَّ ٱللَّهُ عَلَيْكُمْ فَتَبَيَّنُوٓا۟ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرًۭا

Translation: ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในทางของอัลลอฮ์ก็จงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อน(246) และจงอย่ากล่าวแก่ผู้ที่กล่าวสลามแก่พวกเจ้าว่า “ท่านมิใช่เป็นผู้ศรัทธา”(247) โดยแสวงหาสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้ แต่ ณ ที่อัลลอฮ์มีปัจจัยยังชีพอันมากมาย(248) ในทำนองเดียวกันพวกเจ้าก็เคยเป็นมาก่อน(249) แล้วอัลลอฮ์ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเจ้า(250) ดังนั้นพวกเจ้าจงให้ประจักษ์เสียก่อน(251) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

Comment: (246)คือเดินทางไปสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรู ในการนี้ถ้าพบกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหรือคนหนึ่งคนใดก็จงทำการสอบสวนให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเขาเป็นฝ่ายศัตรูหรือไม่ก่อนที่จะจัดการใด ๆ แก่พวกเขา เพื่อว่าจะได้ไม่เกิดการผิดพลาด

Comment: (247)ทั้งนี้ เพื่อต้องการฆ่าเขาโดยปรารถนาในทรัพย์ของเขาเท่านั้น

Comment: (248)คืออย่าได้เห็นแก่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ที่อำนวยประโยชน์เพียงชั่วคราวนั้นเลย ถึงกับต้องฆ่าคนโดยมิได้สอบสวนให้ถ่องแท้ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ศรัทธา พึงหวังสิ่งอำนวยประโยชน์จากอัลลอฮ์ดีกว่า และถาวรด้วย ซึ่ง ณ ที่พระองค์นั้นมีสิ่งอำนวยประโยชน์แก่ชีวิตมากมายก่ายกอง

Comment: (249)เมื่อพวกเจ้ารับนับถืออิสลามใหม่ ๆ ก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมานักและความศรัทธาก็ยังไม่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับพวกเขานั่นแหละ ดังนั้นจงตระหนักในเรื่องนี้ไว้

Comment: (250)ให้พวกเจ้ามีความเข้าใจในอิสลามดีขึ้นและมีอีมานเข้มแข็งขึ้น

Comment: (251)สอบสวนให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วลงมือกระทำการ

4:95

لَّا يَسْتَوِى ٱلْقَـٰعِدُونَ مِنَ ٱلْمُؤْمِنِينَ غَيْرُ أُو۟لِى ٱلضَّرَرِ وَٱلْمُجَـٰهِدُونَ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ بِأَمْوَٰلِهِمْ وَأَنفُسِهِمْ ۚ فَضَّلَ ٱللَّهُ ٱلْمُجَـٰهِدِينَ بِأَمْوَٰلِهِمْ وَأَنفُسِهِمْ عَلَى ٱلْقَـٰعِدِينَ دَرَجَةًۭ ۚ وَكُلًّۭا وَعَدَ ٱللَّهُ ٱلْحُسْنَىٰ ۚ وَفَضَّلَ ٱللَّهُ ٱلْمُجَـٰهِدِينَ عَلَى ٱلْقَـٰعِدِينَ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: บรรดาผู้ที่นั่งอยู่จากหมู่มุอ์มินที่มิใช่ผู้มีความเดือดร้อน(252) และบรรดาผู้ต่อสู้และเสียสละในทางของอัลลอฮ์ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขาและชีวิตของพวกเขา หาได้เท่าเทียมกันไม่ อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ที่ต่อสู้และเสียสละด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขา เหนือกว่าบรรดาผู้ที่นั่งอยู่(253) ขั้นหนึ่ง และทั้งหมดนั้นอัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาไว้ให้ซึ่งสิ่งที่ดีเยี่ยม(254) แต่อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ที่ต่อสู้และเสียสละเหนือกว่าบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ด้วยรางวัลอันใหญ่หลวง

Comment: (252)ผู้ที่ไม่ยอมออกไปช่วยสู้รบกับศัตรูทั้ง ๆ ที่มิได้เจ็บป่วยและมีอุปสรรคใด ๆ

Comment: (253)หมายถึงผู้ที่เจ็บป่วยหรือมีอุปสรรค ซึ่งไม่สามารถออกไปสู้รบได้ทั้ง ๆ ที่มีความปรารถนา

Comment: (254)หมายถึงว่าผู้ที่ออกไปสู้รบและผู้ที่มิได้ออก เนื่องจากมีอุปสรรคและมีจิตใจปรารถนานั้น อัลลอฮ์ทรงสัญญาไว้ว่าจะทรงตอบแทนสวรรค์ให้ทั้งหมด คำว่า “สิ่งที่ดีเยี่ยม” หมายถึงสวรรค์

4:96

دَرَجَـٰتٍۢ مِّنْهُ وَمَغْفِرَةًۭ وَرَحْمَةًۭ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ غَفُورًۭا رَّحِيمًا

Translation: (คือพวกเขาจะได้รับ)หลายขั้น(255) จากพระองค์ และ(จะได้รับ)การอภัยโทษ และการเอ็นดูเมตตาด้วย และปรากฏว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ

Comment: (255)ผู้ที่ออกไปสู้รบนั้นจะได้รับเกียรติและตำแหน่งหลายขั้นจากอัลลอฮ์ ซึ่งเหนือกว่าผู้ที่มิได้ออกไปเพราะมีอุปสรรคและมีจิตใจปรารถนาขั้นหนึ่ง

4:97

إِنَّ ٱلَّذِينَ تَوَفَّىٰهُمُ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ ظَالِمِىٓ أَنفُسِهِمْ قَالُوا۟ فِيمَ كُنتُمْ ۖ قَالُوا۟ كُنَّا مُسْتَضْعَفِينَ فِى ٱلْأَرْضِ ۚ قَالُوٓا۟ أَلَمْ تَكُنْ أَرْضُ ٱللَّهِ وَٰسِعَةًۭ فَتُهَاجِرُوا۟ فِيهَا ۚ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ مَأْوَىٰهُمْ جَهَنَّمُ ۖ وَسَآءَتْ مَصِيرًا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่มลาอิกะฮ์ได้เอาชีวิตของพวกเขาไป โดยที่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง(256) มลาอิกะฮ์ได้กล่าวว่า พวกเจ้าอยู่ในสิ่งใด(257) พวกเขากล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอ(258) ในแผ่นดิน(259) มลาอิกะฮ์กล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮ์มิได้กว้างขวางดอกหรือที่พวกเจ้าจะอพยพไปอยู่ในส่วนนั้น(260) ชนเหล่านี้แหละที่อยู่ของพวกเขาคือนรกญะฮันนัม และเป็นที่กลับไปอันชั่วร้าย

Comment: (256)เนื่องจากไม่ยอมอพยพไปมะดีนะฮ์ทั้ง ๆ ที่สามารถจะอพยพไปได้ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติศาสนาได้ เพราะกลัวพวกมุชริกทำร้าย

Comment: (257)คือพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ให้อพยพไปมะดีนะฮ์ก็ไม่ไป และสิ่งที่ศาสนาใช้ก็ทำไม่ได้

Comment: (258)ถูกนับอยู่ในจำพวกที่อ่อนแอและอยู่ในข่ายผู้ที่ได้รับอภัย

Comment: (259)หมายถึงในมักกะฮ์

Comment: (260)มลาอิกะฮ์รู้ดีว่าพวกเขามิใช่เป็นผู้ที่อ่อนแอ จึงได้กล่าวในเชิงปฏิเสธคำอ้างของพวกเขาว่า แผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นมิได้กว้างขวางดอกหรือที่พวกเจ้าจะอพยพไปให้พ้นจากการข่มเหงของพวกมุชริก เพื่อปฏิบัติตามบัญญัติศาสนา หากพวกเจ้ามีศรัทธาอย่างแท้จริง

4:98

إِلَّا ٱلْمُسْتَضْعَفِينَ مِنَ ٱلرِّجَالِ وَٱلنِّسَآءِ وَٱلْوِلْدَٰنِ لَا يَسْتَطِيعُونَ حِيلَةًۭ وَلَا يَهْتَدُونَ سَبِيلًۭا

Translation: นอกจากบรรดาผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นชายและหญิง และเด็ก ก็ตามที่ไม่สามารถมีอุบายใดๆ ได้(261) และทั้งไม่ได้รับการแนะนำทางหนึ่งทางใดด้วย(262)

Comment: (261)ไม่สามารถจะมีอุบายหรือแผนการใด ๆ ที่จะหลบหนีจากมุชริก อพยพไปมะดีนะฮ์ได้

Comment: (262)ถ้าจะหลบหนีออกจากมักกะฮ์ได้ ก็ไม่มีใครจะนำทางไปมะดีนะฮ์อีก เพราะการเดินทางไปมะดีนะฮ์นั้นถ้าไม่รู้ทางก็เหมือนไปตายนั่นเอง

4:99

فَأُو۟لَـٰٓئِكَ عَسَى ٱللَّهُ أَن يَعْفُوَ عَنْهُمْ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَفُوًّا غَفُورًۭا

Translation: ชนเหล่านี้แหละ อัลลอฮ์อาจจะทรงยกโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงยกโทษเสมอ

4:100

۞ وَمَن يُهَاجِرْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ يَجِدْ فِى ٱلْأَرْضِ مُرَٰغَمًۭا كَثِيرًۭا وَسَعَةًۭ ۚ وَمَن يَخْرُجْ مِنۢ بَيْتِهِۦ مُهَاجِرًا إِلَى ٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ ثُمَّ يُدْرِكْهُ ٱلْمَوْتُ فَقَدْ وَقَعَ أَجْرُهُۥ عَلَى ٱللَّهِ ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮ์เขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปอันมากมาย และความมั่งคั่งด้วย(263) และผู้ที่ออกจากบ้านของเขาไป ในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮ์และรอ่ซูลของพระองค์(264) แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮ์(265) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (263)ผู้ที่อพยพไปในทางของอัลลอฮ์อย่าได้กลัวว่าจะไม่มีที่พักอาศัย ตรงกันข้ามจะพบที่พักพิงอันมากมาย และยิ่งกว่านั้นเขาจะได้พบกับความมั่งคั่งอีก

Comment: (264)ผู้ที่อพยพ เพื่อปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงใช้ และที่ร่อซูลของพระองค์แนะนำ

Comment: (265)แม้ว่าเขายังมิได้ถึงเป้าหมายในการอพยพไปก็ตาม เขาก็จะได้รับรางวัลในการอพยพนั้น

4:101

وَإِذَا ضَرَبْتُمْ فِى ٱلْأَرْضِ فَلَيْسَ عَلَيْكُمْ جُنَاحٌ أَن تَقْصُرُوا۟ مِنَ ٱلصَّلَوٰةِ إِنْ خِفْتُمْ أَن يَفْتِنَكُمُ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓا۟ ۚ إِنَّ ٱلْكَـٰفِرِينَ كَانُوا۟ لَكُمْ عَدُوًّۭا مُّبِينًۭا

Translation: และเมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในผืนแผ่นดินก็ไม่มีบาปใดๆ แก่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะลดลงจากการละหมาด(266) หากพวกเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะข่มเหงรังแกพวกเจ้า แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นศัตรูอันชัดเจนแก่พวกเจ้า

Comment: (266)ลดจำนวนร็อกอัตของการละหมาดที่มีสี่ร็อกอัตให้เหลือเพียงสองร็อกอัต (ละหมาดกอสร์)

4:102

وَإِذَا كُنتَ فِيهِمْ فَأَقَمْتَ لَهُمُ ٱلصَّلَوٰةَ فَلْتَقُمْ طَآئِفَةٌۭ مِّنْهُم مَّعَكَ وَلْيَأْخُذُوٓا۟ أَسْلِحَتَهُمْ فَإِذَا سَجَدُوا۟ فَلْيَكُونُوا۟ مِن وَرَآئِكُمْ وَلْتَأْتِ طَآئِفَةٌ أُخْرَىٰ لَمْ يُصَلُّوا۟ فَلْيُصَلُّوا۟ مَعَكَ وَلْيَأْخُذُوا۟ حِذْرَهُمْ وَأَسْلِحَتَهُمْ ۗ وَدَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ لَوْ تَغْفُلُونَ عَنْ أَسْلِحَتِكُمْ وَأَمْتِعَتِكُمْ فَيَمِيلُونَ عَلَيْكُم مَّيْلَةًۭ وَٰحِدَةًۭ ۚ وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ إِن كَانَ بِكُمْ أَذًۭى مِّن مَّطَرٍ أَوْ كُنتُم مَّرْضَىٰٓ أَن تَضَعُوٓا۟ أَسْلِحَتَكُمْ ۖ وَخُذُوا۟ حِذْرَكُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ أَعَدَّ لِلْكَـٰفِرِينَ عَذَابًۭا مُّهِينًۭا

Translation: และเมื่อเจ้า(267) อยู่ในหมู่พวกเขาแล้วเจ้าได้ให้มีการปฏิบัติละหมาดขึ้นแก่พวกเขา ดังนั้น กลุ่มหนึ่งจากพวกเจาก็จงยืนละหมาดร่วมกับเจ้า และก็จงเอาอาวุธของพวกเขาถือไว้ด้วย ครั้นเมื่อพวกเขาสุญูดแล้ว(268) พวกเขาก็จงอยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า(269) และอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมิได้ละหมาดก็จงมา และจงละหมาดร่วมกับเจ้า และจงยึดถือไว้ซึ่งการระมัดระวัง(270) ของพวกเขา และอาวุธของพวกเขา บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา หากว่าพวกเจ้าละเลยอาวุธของพวกเจ้า และสัมภาระของพวกเจ้าแล้ว พวกเขาก็จะจู่โจมพวกเจ้าอย่างรวดเร็ว และไม่มีบาปใดๆ แก่พวกเจ้า หากว่าที่พวกเจ้ามีความเดือดร้อน เนื่องจากฝนตกหรือพวกเจ้าป่วย ในการที่พวกเจ้าจะวางอาวุธ(271) ของพวกเจ้า และพวกเจ้าจงยึดถือไว้ ซึ่งการระมัดระวังของพวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

Comment: (267)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

Comment: (268)เมื่อกลุ่มหนึ่งละหมาดตามท่านนบีได้ร็อกอัตหนึ่งแล้ว

Comment: (269)ให้ถอยไปอยู่เบื้องหลังเพื่อระมัดระวังมิให้ฝ่ายศัตรูถือโอกาสโอบเข้าด้านหลังเพื่อโจมตีขณะทำการละหมาด

Comment: (270)ให้กลุ่มที่สองซึ่งกำลังทำการละหมาดร่วมกับท่านนบีอยู่นั้นได้ยึดถือไว้ซึ่งการระมัดระวัง เพราะในขณะนี้ฝ่ายศัตรูอาจจะรู้แล้วว่าฝ่ายมุสลิมกำลังละหมาด พวกเขาอาจจะถือโอกาสนี้โจมตีก็ได้ ส่วนที่มิได้ให้กลุ่มแรกระมัดระวังขณะที่ทำการละหมาดนั้น ก็เพราะว่าในขณะที่ฝ่ายมุสลิมเข้าแถวเพื่อทำการละหมาดนั้น ฝ่ายศัตรูย่อมเข้าใจว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อทำการรบ

Comment: (271)ไม่ถืออาวุธขณะทำการละหมาด

4:103

فَإِذَا قَضَيْتُمُ ٱلصَّلَوٰةَ فَٱذْكُرُوا۟ ٱللَّهَ قِيَـٰمًۭا وَقُعُودًۭا وَعَلَىٰ جُنُوبِكُمْ ۚ فَإِذَا ٱطْمَأْنَنتُمْ فَأَقِيمُوا۟ ٱلصَّلَوٰةَ ۚ إِنَّ ٱلصَّلَوٰةَ كَانَتْ عَلَى ٱلْمُؤْمِنِينَ كِتَـٰبًۭا مَّوْقُوتًۭا

Translation: ครั้นเมื่อพวกเจ้าเสร็จจากการละหมาดแล้ว(272) ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ทั้งในสภาพยืนและนั่งและในสภาพนอนเอกเขนกของพวกเจ้า ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้ว ก็จงดำรงการละหมาด(273) แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลา(274) ไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลายแล้ว

Comment: (272)คือละหมาดสองร็อกอัต ในขณะที่ทำการสู้รบกับฝ่ายศัตรู ละหมาดดังกล่าวนี้เรียกว่า “ซ่อลาตุลเคาฟ์”

Comment: (273)ทำละหมาดให้ครบถ้วนสมบูรณ์เช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติตามปกติ

Comment: (274)ถูกกำหนดไว้ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 5 เวลาดังที่ทราบกันแล้วกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา และทำการรุกรานฝ่ายมุสลิม

4:104

وَلَا تَهِنُوا۟ فِى ٱبْتِغَآءِ ٱلْقَوْمِ ۖ إِن تَكُونُوا۟ تَأْلَمُونَ فَإِنَّهُمْ يَأْلَمُونَ كَمَا تَأْلَمُونَ ۖ وَتَرْجُونَ مِنَ ٱللَّهِ مَا لَا يَرْجُونَ ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًا

Translation: และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ในการแสวงหากลุ่มชนพวกนั้น(275) หากพวกเจ้าเจ็บ พวกเขาก็เจ็บเช่นเดียวกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าหวังจากอัลลอฮ์สิ่งที่พวกเขาไม่หวัง(276) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (275)กลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา และทำการรุกรานฝ่ายมุสลิม

Comment: (276)คือ หวังจะได้รับสวนสวรรค์จากอัลลอฮ์เป็นการตอบแทนในการสู้รบของพวกเจ้าซึ่งพวกเขาหาได้หวังสิ่งใดจากอัลลอฮ์ไม่เพราะพวกเขามิได้ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด และมิได้หวังการตอบแทนใด ๆ จากอัลลอฮ์ ดังนั้นการสู้รบของพวกเจ้าควรมีกำลังใจเหนือกว่า และมีความกล้าหาญยิ่งกว่าเพราะถ้าได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายศัตรูนอกจากจะได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็จะได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์เชลยอีกด้วยแต่ถ้าพวกเจ้าเสียชีวิตในการสู้รบ ก็เท่ากับพวกเจ้าได้การรับรองในการเป็นชาวสวรรค์ของพวกเจ้า

4:105

إِنَّآ أَنزَلْنَآ إِلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ بِٱلْحَقِّ لِتَحْكُمَ بَيْنَ ٱلنَّاسِ بِمَآ أَرَىٰكَ ٱللَّهُ ۚ وَلَا تَكُن لِّلْخَآئِنِينَ خَصِيمًۭا

Translation: แท้จริง เราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าเป็นความจริง เพื่อเจ้าจะได้ตัดสินระหว่างผู้คน ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้เจ้ารู้เห็น และเจ้าจงอย่าเป็นผู้เถียงแก้ให้แก่ผู้บิดพริ้วทั้งหลาย(277)

Comment: (277)อย่าได้เถียงแก้ต่างให้แก่พวกของเจ้าที่เป็นผู้บิดพลิ้ว กล่าวคือสาเหตุแห่งการลงมาอายะฮ์นี้ เนื่องจากมุสลิมชาวอันซอร์ คนหนึ่ง ชื่อฏัวะมะฮ์ บิน อุบัยริกได้ขโมยเสื้อเกราะของชาวยิวคนหนึ่งซึ่งฝากไว้ที่บ้านของตน เมื่อยิวผู้นั้นสงสัยเขา เขาจึงเอาเสื้อเกราะนั้นโยนเข้าไปในบ้านเพื่อนบ้านของเขา ชื่ออะบูมุไลก์ เป็นชาวอันซอร์ ครั้นเมื่อได้ทำการค้นบ้านกัน ก็พบว่าเสื้อเกราะอยู่ในบ้านอะบูมุไลก์ แล้วฎัวะมะฮ์ จึงกล่าวหาว่าอะบูมุไลก์เป็นขโมย แล้วเรื่องก็ไปถึงท่านนบี โดยมีชาวอันซอร์กลุ่มหนึ่งไปเป็นพยานให้แก่ฎัวะมะฮ์ ในการนี้ทำให้ท่านนบีเกือบคล้อยตามไปแล้วว่า ฏัวะมะฮ์ เป็นผู้บริสุทธิ์แต่แล้วอายะฮ์นี้ก็ถูกประทานลงมา ท่านนบีจึงได้รู้ว่าขโมยตัวจริงนั้นคือ ฏัวะมะฮ์

4:106

وَٱسْتَغْفِرِ ٱللَّهَ ۖ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และเจ้า(278) จงขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (278)ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

4:107

وَلَا تُجَـٰدِلْ عَنِ ٱلَّذِينَ يَخْتَانُونَ أَنفُسَهُمْ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يُحِبُّ مَن كَانَ خَوَّانًا أَثِيمًۭا

Translation: และเจ้าจงอย่าโต้เถียงแทนบรรดาผู้ที่บิดพริ้วต่อตัวของพวกเขาเอง(279) เลย แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงชอบผู้ที่เคยบิดพริ้วที่เคยทำบาป

Comment: (279)หมายถึง ฏัวะมะฮ์ และพวกของเขา

4:108

يَسْتَخْفُونَ مِنَ ٱلنَّاسِ وَلَا يَسْتَخْفُونَ مِنَ ٱللَّهِ وَهُوَ مَعَهُمْ إِذْ يُبَيِّتُونَ مَا لَا يَرْضَىٰ مِنَ ٱلْقَوْلِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ بِمَا يَعْمَلُونَ مُحِيطًا

Translation: พวกเขาจะปกปิดให้พ้นจากมนุษย์ได้แต่พวกเขาจะปกปิดให้พ้นจากอัลลอฮ์ไม่ได้ โดยที่พระองค์ร่วมอยู่ด้วย(280) กับพวกเขาขณะที่พวกเขาวางแผนกันเวลากลางคืน ซึ่งคำพูดที่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย(281) และอัลลอฮ์นั้นทรงล้อม(282) ไว้เสมอซึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำกัน

Comment: (280)พระองค์ทรงรู้ทรงเห็นในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน กล่าวคือด้วยความรู้และการเห็นของอัลลอฮ์ในทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีขอบเขตนั้นทำให้พระองค์ทรงรู้และเห็นการกระทำของพวกเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนประหนึ่งว่าพระองค์ทรงร่วมอยู่ด้วยกับพวกเขา หาใช่ทรงอยู่ร่วมด้วย จริง ๆ ไม่

Comment: (281)คำพูดเท็จที่กล่าวหาว่าอะบูมุไลก์เป็นผู้ขโมยเสื้อเกราะทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และคำพูดที่กล่าวแก้ตัวว่าฏัวธมะฮ์เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นตัวขโมย อันเป็นคำพูดเท็จที่อัลลอฮ์ไม่ทรงพอพระทัย

Comment: (282)หมายถึงทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเมื่อตกอยู่ในวงล้อมแล้วก็ย่อมไม่สามารถจะเล็ดลอดหนีพ้นไปได้ นั่นก็คือมันจะต้องประจักษ์แก่ผู้ล้อมทุกประการ

4:109

هَـٰٓأَنتُمْ هَـٰٓؤُلَآءِ جَـٰدَلْتُمْ عَنْهُمْ فِى ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا فَمَن يُجَـٰدِلُ ٱللَّهَ عَنْهُمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ أَم مَّن يَكُونُ عَلَيْهِمْ وَكِيلًۭا

Translation: พึงรู้เถิดว่า พวกเจ้านี้แหละ(283) ได้เถียงแทนพวกเขา(284) ในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ แล้วใครเล่าที่จะเถียงกับอัลลอฮ์แทนพวกเขาในวันกิยามะฮ์ หรือว่าใครเล่าจะเป็นผู้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษาพวกเขา(285)

Comment: (283)พวกของฏัวะมะฮ์ที่พากันไปเป็นพยานเท็จให้แก่ฏัวะมะฮ์

Comment: (284)ฏัวะมะฮ์ และญาติของเขา

Comment: (285)คือทำหน้าที่แก้ตัวแทนเขา แน่นอนย่อมไม่มีใครทำ เพราะรู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ก็เท่ากับนำตัวของเขาสู่การลงโทษของ อัลลอฮ์นั่นเอง

4:110

وَمَن يَعْمَلْ سُوٓءًا أَوْ يَظْلِمْ نَفْسَهُۥ ثُمَّ يَسْتَغْفِرِ ٱللَّهَ يَجِدِ ٱللَّهَ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และผู้ใดที่กระทำความชั่วหรืออธรรมแก่ตัวเอง แล้วเขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์เขาก็จะพบว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ เป็นผู้ทรงเมตตา

4:111

وَمَن يَكْسِبْ إِثْمًۭا فَإِنَّمَا يَكْسِبُهُۥ عَلَىٰ نَفْسِهِۦ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: ผู้ใดที่แสวงหาบาปกรรมไว้ แท้จริงแล้ว เขาแสวงหามันไว้ให้เป็นภัยแก่ตัวของเขาเองเท่านั้น และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ทรงปรีชาญาณ

4:112

وَمَن يَكْسِبْ خَطِيٓـَٔةً أَوْ إِثْمًۭا ثُمَّ يَرْمِ بِهِۦ بَرِيٓـًۭٔا فَقَدِ ٱحْتَمَلَ بُهْتَـٰنًۭا وَإِثْمًۭا مُّبِينًۭا

Translation: และผู้ใดที่แสวงหาความผิดหรือบาปกรรมไว้ แล้วก็โยนบาปกรรมนั้นให้แก่ผู้บริสุทธิ์ แน่นอนเขาได้แบกความเท็จและบาปกรรมอันชัดเจนไว้(286)

Comment: (286)กล่าวคือคำกล่าวเท็จของเขาที่ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ก็ดีและทำบาปของเขาก็ดีนั้นจะติดตัวเขาไปประหนึ่งวัตถุที่เขาแบกมันไว้บนบ่าของเขากระนั้น

4:113

وَلَوْلَا فَضْلُ ٱللَّهِ عَلَيْكَ وَرَحْمَتُهُۥ لَهَمَّت طَّآئِفَةٌۭ مِّنْهُمْ أَن يُضِلُّوكَ وَمَا يُضِلُّونَ إِلَّآ أَنفُسَهُمْ ۖ وَمَا يَضُرُّونَكَ مِن شَىْءٍۢ ۚ وَأَنزَلَ ٱللَّهُ عَلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْحِكْمَةَ وَعَلَّمَكَ مَا لَمْ تَكُن تَعْلَمُ ۚ وَكَانَ فَضْلُ ٱللَّهِ عَلَيْكَ عَظِيمًۭا

Translation: และหากไม่มีความกรุณาของอัลลอฮ์และความเมตตาของพระองค์แก่เจ้า(287) แล้ว แน่นอนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาก็มุ่งแล้วที่จะให้เจ้าหลงผิดไป(288) แต่พวกเขาจะไม่ทำให้ใครหลงผิดไปได้ นอกจากตัวของพวกเขาเองเท่านั้น และพวกเขาก็จะไม่ทำอันตรายแก่เจ้าได้แต่อย่างใด(289) และอัลลอฮ์ได้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า และความเข้าใจในบทบัญญัติแห่งคัมภีร์นั้นด้วย และได้ทรงสอนเจ้าในสิ่งที่เจ้าไม่เคยรู้มาก่อน และความกรุณาของอัลลอฮ์ที่มีแก่เจ้านั้นใหญ่หลวงนัก

Comment: (287)ท่านนบี มุฮัมมัด

Comment: (288)พวกของฏัวะมะฮ์ มุ่งที่จะให้ท่านนบีเข้าใจผิดไปว่าฏัวะมะฮ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วตัดสินลงโทษคนอื่นผู้บริสุทธิ์ที่พวกเขากล่าวหาทั้ง ๆที่ผู้ที่ขโมยนั้นคือฏัวะมะฮ์ ในการนั้นถ้าท่านนบีได้กระทำไป แน่นอนท่านนบีก็ตกอยู่ในความหลงผิดและเป็นจุดดำที่ยากแก่การจะลบเลือนได้ แต่แล้วอัลลอฮ์ ทรงช่วยท่านนบีไว้ได้ทัน โดยแจ้งให้ท่านนบีทราบความจริง

Comment: (289)เพราะอัลลอฮ์ได้ทรงรับรองไว้ว่าจะคุ้มครองท่าน

4:114

۞ لَّا خَيْرَ فِى كَثِيرٍۢ مِّن نَّجْوَىٰهُمْ إِلَّا مَنْ أَمَرَ بِصَدَقَةٍ أَوْ مَعْرُوفٍ أَوْ إِصْلَـٰحٍۭ بَيْنَ ٱلنَّاسِ ۚ وَمَن يَفْعَلْ ذَٰلِكَ ٱبْتِغَآءَ مَرْضَاتِ ٱللَّهِ فَسَوْفَ نُؤْتِيهِ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: ไม่มีความดีใดๆ ในการพูดซุบซิบอันมากมายของพวกเขา(290) นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทานหรือให้ทำสิ่งที่ดีงาม หรือให้ประนีประนอมระหว่างผู้คนเท่านั้น และผู้ใดกระทำดังกล่าวเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์แล้ว เราจะให้แก่เขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง

Comment: (290)พวกของฏัวะมะฮ์หรือใครก็ตาม

4:115

وَمَن يُشَاقِقِ ٱلرَّسُولَ مِنۢ بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُ ٱلْهُدَىٰ وَيَتَّبِعْ غَيْرَ سَبِيلِ ٱلْمُؤْمِنِينَ نُوَلِّهِۦ مَا تَوَلَّىٰ وَنُصْلِهِۦ جَهَنَّمَ ۖ وَسَآءَتْ مَصِيرًا

Translation: และผู้ใดที่ฝ่าฝืนร่อซูล หลังจากที่คำแนะนำอันถูกต้องได้ประจักษ์แก่เขาแล้ว และเขายังปฏิบัติตามที่มิใช่ทางของบรรดาผู้ศรัทธา(291) เราก็จะให้เขา หันไปตามที่เขาได้หันเหไป และเราจะให้เขาเข้านรกญะฮันนัม และมันเป็นกลับอันชั่วร้าย

Comment: (291)ทางของผู้ศรัทธานั้น ก็คือทางของอัลลอฮ์นั่นเอง

4:116

إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِۦ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَآءُ ۚ وَمَن يُشْرِكْ بِٱللَّهِ فَقَدْ ضَلَّ ضَلَـٰلًۢا بَعِيدًا

Translation: แท้จริง อัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้เป็นภาคีกับพระองค์(292) แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น(293) สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮ์แล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปไกลลิบ

Comment: (292)ไม่อภัยโทษแก่ผู้ที่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ แม้ว่าเขาจะขอภัยโทษต่อพระองค์ก็ตาม

Comment: (293)คือความผิดอื่นจากการให้มีภาคีขึ้นแก่พระองค์ ทั้งนี้เมื่อเขาสำนึกผิดและขออภัยโทษจากพระองค์

4:117

إِن يَدْعُونَ مِن دُونِهِۦٓ إِلَّآ إِنَـٰثًۭا وَإِن يَدْعُونَ إِلَّا شَيْطَـٰنًۭا مَّرِيدًۭا

Translation: พวกเขาจะไม่วิงวอนขออื่นจากพระองค์นอกจากเจว็ดหญิง(294) และพวกเขาจะไม่วิงวอนนอกจากชัยฏอนที่ดื้อรั้นเท่านั้น(295)

Comment: (294)ที่พวกเขาวิงวอนขอนั้นคือ เจว็ดหญิงอันได้แก่ อัลลาต อัลอุซซา และมะนาด ชัยฏอนนั้นคือญินที่เป็นพวกพ้องอิบลีสนั่นเอง ซึ่งมันเป็นศัตรูต่อลูกหลานของอาดัม ด้วยเหตุนี้มันจึงหลอกให้มนุษย์หลงเข้าใจผิดว่ามันมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยจำแลงรูปร่าง ต่าง ๆ ให้มนุษย์เห็นในยามค่ำคืน บางครั้งก็ในเวลากลางวันเพื่อให้มนุษย์กลัวและวิงวอนขอความคุ้มครองต่อมัน แต่ความจริงแล้วมันไม่สามารถจะให้ความคุ้มครองอะไรได้

Comment: (295)ชัยฏอนนั้นคือญินที่เป็นพวกพ้องอิบลีสนั่นเอง ซึ่งมันเป็นศัตรูต่อลูกหลานของอาดัม ด้วยเหตุนี้มันจึงหลอกให้มนุษย์หลงเข้าใจผิดว่ามันมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยจำแลงรูปร่าง ต่าง ๆ ให้มนุษย์เห็นในยามค่ำคืน บางครั้งก็ในเวลากลางวันเพื่อให้มนุษย์กลัวและวิงวอนขอความคุ้มครองต่อมัน แต่ความจริงแล้วมันไม่สามารถจะให้ความคุ้มครองอะไรได้

4:118

لَّعَنَهُ ٱللَّهُ ۘ وَقَالَ لَأَتَّخِذَنَّ مِنْ عِبَادِكَ نَصِيبًۭا مَّفْرُوضًۭا

Translation: อัลลอฮ์ได้ทรงละอ์นัตมันแล้ว และมันได้กล่าวว่า แน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะเอาจากปวงบ่าวขององค์ให้ได้มาซึ่งส่วนที่ถูกกำหนดไว้(296)

Comment: (296)หมายถึงส่วนที่เป็นความใคร่ใฝ่ต่ำของจิตใจ กล่าวคือมนุษย์แต่ละคนนั้นย่อมมีความใคร่ใฝ่ต่ำประจำอยู่ทุกคน ถ้าคนใดได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และใช้สติปัญญาพิจารณาว่าอะไรถูกอะไรผิด เขาก็สามารถที่ยับยั้งไม่ปฏิบัติตามการเรียกร้องของความใคร่ใฝ่ต่ำได้ แม้ว่าชัยฏอนมันจะชี้นำและยั่วยวนอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับคนที่ไม่ใช้ปัญญา เมื่อได้รับการชี้นำของชัยฏอนก็จะเห็นดีเห็นชอบและจะปฏิบัติทันที และบุคลประเภทนี้แหละที่เป็นเหยื่อของชัยฏอน

4:119

وَلَأُضِلَّنَّهُمْ وَلَأُمَنِّيَنَّهُمْ وَلَـَٔامُرَنَّهُمْ فَلَيُبَتِّكُنَّ ءَاذَانَ ٱلْأَنْعَـٰمِ وَلَـَٔامُرَنَّهُمْ فَلَيُغَيِّرُنَّ خَلْقَ ٱللَّهِ ۚ وَمَن يَتَّخِذِ ٱلشَّيْطَـٰنَ وَلِيًّۭا مِّن دُونِ ٱللَّهِ فَقَدْ خَسِرَ خُسْرَانًۭا مُّبِينًۭا

Translation: และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาหลงผิด และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาเพ้อฝัน(297) และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา(298) แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะผ่าหูปศุสัตว์(299) และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงสร้าง(300) และผู้ใดที่ยึดเอาชัยฏอนเป็นผู้ช่วยเหลือแล้ว แน่นอนเขาก็ขาดทุนอย่างชัดเจน

Comment: (297)มีความปรารถนาในสิ่งต่าง ๆ อย่างลม ๆ แล้ง

Comment: (298)ด้วยการชี้นำ เสี้ยมสอน และยุยง

Comment: (299)เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าได้อุทิศมันให้แก่เจว็ดที่พวกเขาเคารพสักการะแล้ว ในการนี้เขาจะปล่อยมันให้มีชีวิตอยู่โดยไม่ใช้งานมันจนกระทั่งเชือดถวายให้แก่เจว็ด

Comment: (300)คือเปลี่ยนลักษณะของเพศชายให้เป็นเพศหญิง หรือในทางตรงกันข้าม หรือปลอมแปลงหน้าตา ตลอดจนเปลี่ยนแปลงลักษณะของผู้อื่นเพื่อให้ผู้คนเข้าใจผิด เช่น ที่พวกยิวได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของท่านนบี เป็นต้น

4:120

يَعِدُهُمْ وَيُمَنِّيهِمْ ۖ وَمَا يَعِدُهُمُ ٱلشَّيْطَـٰنُ إِلَّا غُرُورًا

Translation: มันจะสัญญาแก่พวกเขา และจะทำให้พวกเขาเพ้อฝัน และชัยฏอนมันจะไม่สัญญานอกจากการหลอกลวงเท่านั้น

4:121

أُو۟لَـٰٓئِكَ مَأْوَىٰهُمْ جَهَنَّمُ وَلَا يَجِدُونَ عَنْهَا مَحِيصًۭا

Translation: ชนเหล่านี้แหละที่อยู่ของพวกเขาก็คือนรกญะฮันนัม และพวกเขาจะไม่พบทางหนีใดๆ ให้พ้นจากมันไปได้

4:122

وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ سَنُدْخِلُهُمْ جَنَّـٰتٍۢ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ خَـٰلِدِينَ فِيهَآ أَبَدًۭا ۖ وَعْدَ ٱللَّهِ حَقًّۭا ۚ وَمَنْ أَصْدَقُ مِنَ ٱللَّهِ قِيلًۭا

Translation: และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลาย เราจะให้พวกเขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล เป็นสัญญาอันแท้จริงของอัลลอฮ์และใครเล่าที่มีคำพูดจริงยิ่งไปกว่าอัลลอฮ์

4:123

لَّيْسَ بِأَمَانِيِّكُمْ وَلَآ أَمَانِىِّ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ ۗ مَن يَعْمَلْ سُوٓءًۭا يُجْزَ بِهِۦ وَلَا يَجِدْ لَهُۥ مِن دُونِ ٱللَّهِ وَلِيًّۭا وَلَا نَصِيرًۭا

Translation: มิใช่ความเพ้อฝันของพวกเจ้า และมิใช่ความเพ้อฝันของผู้ที่ได้รับคัมภีร์(301) ผู้ใดที่กระทำชั่ว เขาก็ถูกตอบแทนด้วยความชั่วนั้นและเขาจะไม่พบผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือใดๆ สำหรับเขาอื่นนอกจากอัลลอฮ์

Comment: (301)ศาสนาของใครจะดีนั้นมิใช่อยู่ในการโอ้อวด และในความเพ้อฝัน หากแต่อยู่ในการปฏิบัติตาม สำหรับผู้ที่ได้รับคัมภีร์อันหมายถึงพวกยิวและคริสต์นั้น ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามคัมภีร์ของพวกเขาแล้ว แน่นอนเขาจะต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด

4:124

وَمَن يَعْمَلْ مِنَ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ مِن ذَكَرٍ أَوْ أُنثَىٰ وَهُوَ مُؤْمِنٌۭ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ يَدْخُلُونَ ٱلْجَنَّةَ وَلَا يُظْلَمُونَ نَقِيرًۭا

Translation: และผู้ใดกระทำในส่วนที่เป็นสิ่งดีงามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม ในฐานะที่เขาเป็นผู้ศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้จะได้เข้าสวรรค์ และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่ารูเล็กๆ ที่อยู่บนหลังเมล็ดอินทผลัม

4:125

وَمَنْ أَحْسَنُ دِينًۭا مِّمَّنْ أَسْلَمَ وَجْهَهُۥ لِلَّهِ وَهُوَ مُحْسِنٌۭ وَٱتَّبَعَ مِلَّةَ إِبْرَٰهِيمَ حَنِيفًۭا ۗ وَٱتَّخَذَ ٱللَّهُ إِبْرَٰهِيمَ خَلِيلًۭا

Translation: และผู้ใดเล่าจะมีศาสนา(302) ดียิ่งไปกว่าผู้ที่มอบใบหน้าของเขาให้แก่อัลลอฮ์(303) และขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้กระทำดี และปฏิบัติตามแนวทางของอิบรอฮีม(304) ผู้ใฝ่หาความจริง และอัลลอฮ์ได้ถือเอาอิบรอฮีมเป็นสหาย(305)

Comment: (302)ปฏิบัติศาสนา

Comment: (303)หมายถึงมอบชีวิตร่างกายให้อยู่ในบัญญัติศาสนาของอัลลอฮ์

Comment: (304)แนวทางอิบรอฮีมนั้นคือแนวทางเดียวกับที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่นบีมุฮัมมัด

Comment: (305)ในฐานะที่ท่านนบีอิบรอฮีมได้เสียสละทุกอย่างในทางแห่งพระองค์ พระองค์จึงได้ถือประหนึ่งว่าท่านเป็นสหายของพระองค์กระนั้น

4:126

وَلِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ بِكُلِّ شَىْءٍۢ مُّحِيطًۭا

Translation: และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นทรงล้อมทุกสิ่งทุกอย่างไว้(306)

Comment: (306)หมายถึงทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

4:127

وَيَسْتَفْتُونَكَ فِى ٱلنِّسَآءِ ۖ قُلِ ٱللَّهُ يُفْتِيكُمْ فِيهِنَّ وَمَا يُتْلَىٰ عَلَيْكُمْ فِى ٱلْكِتَـٰبِ فِى يَتَـٰمَى ٱلنِّسَآءِ ٱلَّـٰتِى لَا تُؤْتُونَهُنَّ مَا كُتِبَ لَهُنَّ وَتَرْغَبُونَ أَن تَنكِحُوهُنَّ وَٱلْمُسْتَضْعَفِينَ مِنَ ٱلْوِلْدَٰنِ وَأَن تَقُومُوا۟ لِلْيَتَـٰمَىٰ بِٱلْقِسْطِ ۚ وَمَا تَفْعَلُوا۟ مِنْ خَيْرٍۢ فَإِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِهِۦ عَلِيمًۭا

Translation: และพวกเขาจะขอให้เจ้าชี้ขาดในเรื่องของบรรดาหญิง(307) จงกล่าวเถิดว่าอัลลอฮ์จะทรงชี้ขาดให้แก่พวกท่านในเรื่องของนางเหล่านั้น และสิ่งที่ถูกอ่านให้พวกท่านฟังซึ่งอยู่ในคัมภีร์นั้น(308) (และ) ในเรื่องของหญิงกำพร้าที่พวกท่านไม่ได้ให้แก่พวกนางซึ่งสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกนาง(309) และพวกท่านปรารถนาจะแต่งงานกับพวกนาง(310) และในเรื่องของบรรดาผู้อ่อนแอในหมู่เด็กๆ(311) และในการที่พวกท่านจะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมแก่บรรดาเด็กกำพร้า และความดีใดๆ ที่พวกเจ้ากระทำไปนั้น แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้ในความดีนั้น

Comment: (307)ในเรื่องมรดกของพวกนางว่านางจะมีส่วนได้รับประการใด

Comment: (308)คืออายะฮ์เกี่ยวกับมรดกที่ถูกอ่านให้พวกท่านฟังมาแล้ว ซึ่งอยู่ในอัลกุรอานนั้นก็จะชี้ขาดเรื่องมรดกให้แก่นางด้วย

Comment: (309)หมายถึงมรดกของพวกนาง กล่าวคือ ผู้ที่มีสิทธิอุปการะเด็กกำพร้า ตั้งแต่สมัยญาฮิลีญะฮ์มาพวกเขาจะเอาทรัพย์มรดกของเด็กกำพร้าไว้โดยไม่ยอมจ่ายให้แก่พวกเขา จึงได้มีการถามกันขึ้น แล้วพระองค์ก็แจ้งให้ท่านนบีทราบว่า พระองค์จะทรงชี้ขาดในเรื่องนี้เอง

Comment: (310)ถ้าเห็นว่าเด็กหญิงหน้าตาดีก็ปรารถนาจะแต่งงานกับนางเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งสองทางคือได้รับความสุขจากนางและได้เงินมรดกของนางด้วย แต่ถ้านางรูปร่างขี้เหร่ก็จะกักนางไว้ไม่ยอมให้แต่งงานกับชายใด เพื่อให้ทรัพย์ของนางคงอยู่ในมือของตน หรือถ้าเสียชีวิตไป ทรัพย์สมบัติของนางก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา

Comment: (311)คือในเรื่องมรดกของเด็ก ๆ ที่ยังอ่อนแออยู่ ซึ่งพวกเขามีสิทธิจะได้รับ ในสมัยญาฮิลีญะฮ์นั้น เด็ก ๆ และผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดก เพราะถือเป็นผู้อ่อนแอ ไม่สามารถจะสู้รบเพื่อป้องกันเผ่าหรือตระกูลของพวกเขาได้

4:128

وَإِنِ ٱمْرَأَةٌ خَافَتْ مِنۢ بَعْلِهَا نُشُوزًا أَوْ إِعْرَاضًۭا فَلَا جُنَاحَ عَلَيْهِمَآ أَن يُصْلِحَا بَيْنَهُمَا صُلْحًۭا ۚ وَٱلصُّلْحُ خَيْرٌۭ ۗ وَأُحْضِرَتِ ٱلْأَنفُسُ ٱلشُّحَّ ۚ وَإِن تُحْسِنُوا۟ وَتَتَّقُوا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرًۭا

Translation: และหากหญิงใด เกรงว่าจะมีการปึ่งชา หรือมีการผินหลังให้(312) จากสามีของนางแล้วก็ไม่มีบาปใดๆ แก่ทั้งสองที่จะตกลงประนีประนอมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง(313) และการประนีประนอมนั้นเป็นสิ่งดีกว่า และจิตใจคนนั้นถูกให้มีความตระหนี่มาด้วย(314) และหากพวกเจ้ากระทำดี และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริง อัลลอฮ์นั้นทรงรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

Comment: (312)ไม่ยอมเลี้ยงดู หรือจ่ายค่ายังชีพให้

Comment: (313)เช่น ลดค่าใช้จ่ายที่เคยให้แก่นางลงบ้าง หรือลดเวลาการอยู่ร่วมกันกับนาง หรืออย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามที่สามารถประนีประนอมกันได้ แล้วสามีก็จะต้องเลิกปึ่งชากับนางและเลิกผินหลังให้นาง

Comment: (314)มนุษย์นั้นถูกบังเกิดมาในสภาพที่มีความตระหนี่ เป็นคุณสมบัติติดตัวมาด้วย

4:129

وَلَن تَسْتَطِيعُوٓا۟ أَن تَعْدِلُوا۟ بَيْنَ ٱلنِّسَآءِ وَلَوْ حَرَصْتُمْ ۖ فَلَا تَمِيلُوا۟ كُلَّ ٱلْمَيْلِ فَتَذَرُوهَا كَٱلْمُعَلَّقَةِ ۚ وَإِن تُصْلِحُوا۟ وَتَتَّقُوا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ كَانَ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และพวกเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิง(315) ได้เลย และแม้ว่าพวกเจ้าจะมีความปรารถนาอันแรงกล้าก็ตาม ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าเอียงไปหมด(316) แล้วพวกเจ้าก็จะปล่อยให้บรรดานาง (ที่ถูกทอดทิ้ง) นั้นประหนึ่งผู้ที่ถูกแขวนไว้(317) และหากพวกเจ้าประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (315)บรรดาภรรยา

Comment: (316)อย่าได้ทุ่มเทความรักให้แก่คนใดคนหนึ่งจนหมดหัวใจ หรือหลงจนขาดสติ แล้วทอดทิ้งอีกคนหนึ่งไว้โดยไม่เอาใจใส่ดูแล

Comment: (317)จะอยู่ในฐานะภรรยาก็ไม่เชิง จะเป็นผู้ถูกหย่าก็ไม่ใช่

4:130

وَإِن يَتَفَرَّقَا يُغْنِ ٱللَّهُ كُلًّۭا مِّن سَعَتِهِۦ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ وَٰسِعًا حَكِيمًۭا

Translation: และหากทั้งสองจะแยกกัน อัลลอฮ์ก็จะทรงให้ความพอเพียงแก่เขาทั้งหมด จากความมั่งมีของพระองค์ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงปรีชาญาณ

4:131

وَلِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۗ وَلَقَدْ وَصَّيْنَا ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ مِن قَبْلِكُمْ وَإِيَّاكُمْ أَنِ ٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ ۚ وَإِن تَكْفُرُوا۟ فَإِنَّ لِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ غَنِيًّا حَمِيدًۭا

Translation: และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์และเราได้สั่งเสียไว้แก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนจากพวกเจ้าและพวกเจ้าด้วย(318) ว่าจงยำเกรง อัลลอฮ์เถิด และหากว่าพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา แท้จริงสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนเป็นสิทธิของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ

Comment: (318)หมายถึงบรรดามุสลิม

4:132

وَلِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ وَكِيلًا

Translation: และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์ได้รับมอบหมายได้คุ้มครองรักษา(319)

Comment: (319)ผู้ใดมอบหมายให้อัลลอฮ์ดูแลทรัพย์สินของเขา หลังจากที่เขาได้ป้องกันจนหมดความสามารถของเขาแล้ว ก็เป็นการพอเพียงแล้วที่ให้พระองค์ดูแลแทนเขา

4:133

إِن يَشَأْ يُذْهِبْكُمْ أَيُّهَا ٱلنَّاسُ وَيَأْتِ بِـَٔاخَرِينَ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلَىٰ ذَٰلِكَ قَدِيرًۭا

Translation: หากพระองค์ทรงประสงค์ก็จะทรงให้พวกเจ้าหมด(สาบสูญ)ไป(320) มนุษย์เอ๋ย! และจงทรงนำพวกอื่นมา(321) และอัลลอฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือสิ่งนั้น(322)

Comment: (320)คือให้สาบสูญไปหมด

Comment: (321)จะทรงบังเกิดขึ้นมาใหม่

Comment: (322)มีความสามารถที่จะกระทำเช่นนั้นได้

4:134

مَّن كَانَ يُرِيدُ ثَوَابَ ٱلدُّنْيَا فَعِندَ ٱللَّهِ ثَوَابُ ٱلدُّنْيَا وَٱلْـَٔاخِرَةِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ سَمِيعًۢا بَصِيرًۭا

Translation: ผู้ใดที่ต้องการสิ่งตอบแทนในโลกนี็ ที่อัลลอฮ์นั้นมีทั้งสิ่งตอบแทนในโลกนี้และในอาคิเราะฮ์(ปรโลก)(323) และอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น

Comment: (323)กล่าวคือ ก็เมื่ออัลลอฮ์มีสิ่งตอบแทนทั้งในโลกนี้และปรโลกแล้ว ก็เหตุไฉนเล่าจึงปรารถนาแต่เพียงในโลกนี้เท่านั้น

4:135

۞ يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ كُونُوا۟ قَوَّٰمِينَ بِٱلْقِسْطِ شُهَدَآءَ لِلَّهِ وَلَوْ عَلَىٰٓ أَنفُسِكُمْ أَوِ ٱلْوَٰلِدَيْنِ وَٱلْأَقْرَبِينَ ۚ إِن يَكُنْ غَنِيًّا أَوْ فَقِيرًۭا فَٱللَّهُ أَوْلَىٰ بِهِمَا ۖ فَلَا تَتَّبِعُوا۟ ٱلْهَوَىٰٓ أَن تَعْدِلُوا۟ ۚ وَإِن تَلْوُۥٓا۟ أَوْ تُعْرِضُوا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرًۭا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม จงเป็นพยานเพื่ออัลลอฮ์ (324)และแม้ว่าจะเป็นอันตรายแก่ตัวของพวกเจ้าเอง หรือผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและญาติที่ใกล้ชิดก็ตาม หากเขาจะเป็นคนมั่งมีหรือคนยากจน อัลลอฮ์ก็สมควรยิ่งกว่าเขาทั้งสอง(325) ดังนั้น จงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำในการที่พวกเจ้าจะมีความยุติธรรม และหากพวกเจ้าบิดเบือนหรือผินหลังให้ แท้จริง อัลลอฮ์ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

Comment: (324)เพื่อความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ทั้งนี้โดยไม่เข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

Comment: (325)ควรที่จะเคารพ เชื่อฟังและยำเกรง

4:136

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ ءَامِنُوا۟ بِٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ وَٱلْكِتَـٰبِ ٱلَّذِى نَزَّلَ عَلَىٰ رَسُولِهِۦ وَٱلْكِتَـٰبِ ٱلَّذِىٓ أَنزَلَ مِن قَبْلُ ۚ وَمَن يَكْفُرْ بِٱللَّهِ وَمَلَـٰٓئِكَتِهِۦ وَكُتُبِهِۦ وَرُسُلِهِۦ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ فَقَدْ ضَلَّ ضَلَـٰلًۢا بَعِيدًا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์เถิด และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่ร่อซูลของพระองค์ และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาก่อนนั้น(326) และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์ของพระองค์และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และวันปรโลกแล้วไซร้ แท้จริงเขาได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล

Comment: (326)หมายถึงคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาก่อนอัล-กุรอาน อันได้แก่คัมภีร์เตารอตและอินญีล เป็นต้น

4:137

إِنَّ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ثُمَّ كَفَرُوا۟ ثُمَّ ءَامَنُوا۟ ثُمَّ كَفَرُوا۟ ثُمَّ ٱزْدَادُوا۟ كُفْرًۭا لَّمْ يَكُنِ ٱللَّهُ لِيَغْفِرَ لَهُمْ وَلَا لِيَهْدِيَهُمْ سَبِيلًۢا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วปฏิเสธศรัทธาแล้วศรัทธา แล้วปฏิเสธศรัทธาแล้วเพิ่มการปฏิเสธศรัทธายิ่งขั้นนั้น อัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา และพระองค์จะไม่ทรงแนะนำทางใดให้แก่พวกเขา

4:138

بَشِّرِ ٱلْمُنَـٰفِقِينَ بِأَنَّ لَهُمْ عَذَابًا أَلِيمًا

Translation: จงแจ้งข่าวดีแก่พวกมุนาฟิก(327) เถิดว่า แท้จริงพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ

Comment: (327)หมายถึงพวกที่ศรัทธาแต่ปาก แต่หัวใจมิได้ศรัทธา และยังทำตนเป็นศัตรูด้วย และการที่ใช้คำว่า “แจ้งข่าวดี” นั้นเป็นถ้อยคำที่แฝงไว้ซึ่งความเย้ยพวกมัน ในฐานะที่พวกมันไม่มีความจริงใจ

4:139

ٱلَّذِينَ يَتَّخِذُونَ ٱلْكَـٰفِرِينَ أَوْلِيَآءَ مِن دُونِ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۚ أَيَبْتَغُونَ عِندَهُمُ ٱلْعِزَّةَ فَإِنَّ ٱلْعِزَّةَ لِلَّهِ جَمِيعًۭا

Translation: บรรดาผู้ที่ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้น พวกเขาจะแสวงหากำลังอำนาจ ณ ที่พวกเขากระนั้นหรือ แท้จริงกำลังอำนาจนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ทั้งหมด

4:140

وَقَدْ نَزَّلَ عَلَيْكُمْ فِى ٱلْكِتَـٰبِ أَنْ إِذَا سَمِعْتُمْ ءَايَـٰتِ ٱللَّهِ يُكْفَرُ بِهَا وَيُسْتَهْزَأُ بِهَا فَلَا تَقْعُدُوا۟ مَعَهُمْ حَتَّىٰ يَخُوضُوا۟ فِى حَدِيثٍ غَيْرِهِۦٓ ۚ إِنَّكُمْ إِذًۭا مِّثْلُهُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ جَامِعُ ٱلْمُنَـٰفِقِينَ وَٱلْكَـٰفِرِينَ فِى جَهَنَّمَ جَمِيعًا

Translation: และแน่นอน อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเจ้าแล้วในคัมภีร์(328) นั้นว่า เมื่อพวกเจ้าได้ยินบรรดาโองการของอัลลอฮ์โองการเหล่านั้นก็ถูกปฏิเสธศรัทธา และถูกเย้ยหยัน(329) ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่านั่งร่วมกับพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องอื่นจากนั้น แท้จริง พวกเจ้านั้น ถ้าเช่นนั้นแล้ว(330) ก็เหมือนพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงรวบรวมบรรดามุนาฟิก และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไว้ในนรกญะฮันนัมทั้งหมด

Comment: (328)คืออายะฮ์ที่ว่า 6:68 และเมื่อเจ้าเห็นบรรดาผู้ที่พูดคุย (วิจารณ์) ในบรรดาโองการของเรา ก็จงผินหลังให้แก่พวกเขาเสีย จนกว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องอื่นจากนั้น และบางทีชัยฏอนอาจทำให้เจ้าลืมไปก็ได้ ดังนั้นเจ้าจงอย่านั่งร่วมกับบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้นหลังจากที่มีการรำลึกขึ้นได้

Comment: (329)โดยพวกมุชริกีนมักกะฮ์ และเมื่อท่านนบีได้อพยพไปมะดีนะฮ์พวกยิวก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกมุชริก ขณะเดียวกันพวกมุนาฟิกก็ร่วมวงกับพวกเขาด้วยความปิติยินดี

Comment: (330)ถ้าพวกเจ้าร่วมวงอยู่ด้วยในขณะที่พวกเขาพูดถากถางโองการของข้า พวกเจ้าก็ตกอยู่ในฐานะเดียวกับพวกเขา

4:141

ٱلَّذِينَ يَتَرَبَّصُونَ بِكُمْ فَإِن كَانَ لَكُمْ فَتْحٌۭ مِّنَ ٱللَّهِ قَالُوٓا۟ أَلَمْ نَكُن مَّعَكُمْ وَإِن كَانَ لِلْكَـٰفِرِينَ نَصِيبٌۭ قَالُوٓا۟ أَلَمْ نَسْتَحْوِذْ عَلَيْكُمْ وَنَمْنَعْكُم مِّنَ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۚ فَٱللَّهُ يَحْكُمُ بَيْنَكُمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۗ وَلَن يَجْعَلَ ٱللَّهُ لِلْكَـٰفِرِينَ عَلَى ٱلْمُؤْمِنِينَ سَبِيلًا

Translation: บรรดาผู้ที่คอยดู(331) พวกเจ้าอยู่นั้น ถ้าหากพวกเจ้าได้รับชัยชนะจากอัลลอฮ์(332) พวกเขาก็กล่าวว่าเรามิได้ร่วมกับพวกท่านดอกหรือ?(333) และหากว่ามีส่วนได้ใดๆ(334) แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่าเรามิได้มีอำนาจเหนือพวกท่านดอกหรือ? และเรามิได้ป้องกันพวกท่านให้พ้นจากบรรดาผู้ศรัทธากระนั้นหรือ? อัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าในวันกิยามะฮ์และอัลลอฮ์จะไม่ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธามีทางใดเหนือบรรดาผู้ศรัทธาเป็นอันขาด

Comment: (331)พวกมุนาฟิก

Comment: (332)ได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์จนได้รับชัยชนะ

Comment: (333)เพื่อต้องการได้รันเกียรติ และความดีความชอบ ตลอดจนส่วนแบ่งจากทรัพย์เชลย

Comment: (334)หมายถึงฝ่ายผู้ปฏิเสธศรัทธาได้เปรียบหรือได้รับชนะใด ๆ ในการต่อสู้กับบรรดาผู้ศรัทธา

4:142

إِنَّ ٱلْمُنَـٰفِقِينَ يُخَـٰدِعُونَ ٱللَّهَ وَهُوَ خَـٰدِعُهُمْ وَإِذَا قَامُوٓا۟ إِلَى ٱلصَّلَوٰةِ قَامُوا۟ كُسَالَىٰ يُرَآءُونَ ٱلنَّاسَ وَلَا يَذْكُرُونَ ٱللَّهَ إِلَّا قَلِيلًۭا

Translation: แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นกำลังหลอกลวงอัลลอฮ์(335) อยู่ ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงหลอกลวงพวกเขา(336) และเมื่อพวกเขาลุกขึ้นไปละหมาด พวกเขาก็ลุกขึ้นในสภาพเกียจคร้านโดยให้ผู้คนเห็นเท่านั้น และพวกเขาจะไม่กล่าวรำลึกพึงอัลลอฮ์นอกจากเล็กน้อย

Comment: (335)หลอกลวงอัลลอฮ์ว่าพวกเขาศรัทธา ทั้ง ๆ ที่พวกเขามิได้ศรัทธา

Comment: (336)หลอกลวงพวกเขาว่าพระองค์ไม่ทรงรู้ในจิตใจของพวกเขา ด้วยการปล่อยให้พวกเขาระเริงอยู่ ทั้ง ๆที่พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในการกระทำของพวกเขา แน่นอนการลงโทษพวกเขานั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ทรงเห็นสมควร

4:143

مُّذَبْذَبِينَ بَيْنَ ذَٰلِكَ لَآ إِلَىٰ هَـٰٓؤُلَآءِ وَلَآ إِلَىٰ هَـٰٓؤُلَآءِ ۚ وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَلَن تَجِدَ لَهُۥ سَبِيلًۭا

Translation: โดยที่พวกเขาลังเลใจในระหว่างนั้น(337) จะไปในทางพวกนี้ก็ไม่ไป จะไปทางพวกนี้ก็ไม่ไป(338) และผู้ใดที่อัลลอฮ์ให้หลงทางไปแล้ว เจ้าก็จะไม่พบทางใดๆ สำหรับเขาเป็นอันขาด

Comment: (337)ระหว่างการอีมานกับการกุฟุร

Comment: (338)คือจะไปทางฝ่ายผู้ศรัทธาก็ไม่ไปและจะไปทางฝ่ายผู้ปฏิเสธศรัทธาก็ไม่ไป กลายเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์เท่านั้นฝ่ายไหนชนะ ก็ประกาศตนเป็นฝ่ายนั้น

4:144

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَتَّخِذُوا۟ ٱلْكَـٰفِرِينَ أَوْلِيَآءَ مِن دُونِ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۚ أَتُرِيدُونَ أَن تَجْعَلُوا۟ لِلَّهِ عَلَيْكُمْ سُلْطَـٰنًۭا مُّبِينًا

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าได้ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าต้องการที่จะให้อัลลอฮ์มีหลักฐานอันชัดเจนจัดการแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ?(339)

Comment: (339)ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนโดยเอาผู้ปฏิเสธศรัทธามาเป็นมิตรแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาด้วยความจริงใจก็หาไม่ นั่นก็คือการสร้างหลักฐานอันชัดเจนให้อัลลอฮ์ทรงจัดการแก่พวกเขาในฐานะที่พวกเขาเป็นพวกมุนาฟิก

4:145

إِنَّ ٱلْمُنَـٰفِقِينَ فِى ٱلدَّرْكِ ٱلْأَسْفَلِ مِنَ ٱلنَّارِ وَلَن تَجِدَ لَهُمْ نَصِيرًا

Translation: แท้จริง บรรดามุนาฟิกนั้นอยู่ในชั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆ สำหรับพวกเขาเป็นอันขาด

4:146

إِلَّا ٱلَّذِينَ تَابُوا۟ وَأَصْلَحُوا۟ وَٱعْتَصَمُوا۟ بِٱللَّهِ وَأَخْلَصُوا۟ دِينَهُمْ لِلَّهِ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ مَعَ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۖ وَسَوْفَ يُؤْتِ ٱللَّهُ ٱلْمُؤْمِنِينَ أَجْرًا عَظِيمًۭا

Translation: นอกจากบรรดาผู้ที่สำนึกผิดกลับตัว(340) และปรับปรุงแก้ไข และยึดมั่นต่ออัลลอฮ์และได้มอบการอิบาดะฮ์ของพวกเขาให้แก่อัลลอฮ์โดยสิ้นเชิง ชนพวกนี้แหละจะร่วมอยู่กับบรรดาผู้ศรัทธาและอัลลอฮ์จะทรงประทานแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลายซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่

Comment: (340)หมายถึงพวกมุนาฟิกที่สำนึกผิดกลับตัว

4:147

مَّا يَفْعَلُ ٱللَّهُ بِعَذَابِكُمْ إِن شَكَرْتُمْ وَءَامَنتُمْ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ شَاكِرًا عَلِيمًۭا

Translation: อัลลอฮ์ทำการลงโทษพวกเจ้าทำไมหากพวกเจ้ากตัญญูและศรัทธา และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงขอบใจ(341) ทรงรอบรู้

Comment: (341)ในการทำดีของมนุษย์และการกลับเนื้อกลับตัวของพวกเขาเมื่อเขารู้ว่าได้กระทำผิดไปแล้ว

4:148

۞ لَّا يُحِبُّ ٱللَّهُ ٱلْجَهْرَ بِٱلسُّوٓءِ مِنَ ٱلْقَوْلِ إِلَّا مَن ظُلِمَ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ سَمِيعًا عَلِيمًا

Translation: อัลลอฮ์ไม่ทรงชอบการใช้เสียงดังในถ้อยคำที่เลวร้าย(342) นอกจากผู้ที่ถูกข่มเหง(343) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้

Comment: (342)คือถ้อยคำที่ยังความเสื่อมเสียแก่ผู้อื่น เช่น ระบุความประพฤติอันชั่วช้าของเขา เป็นต้น

Comment: (343)คืออนุญาตให้โพนทนาด้วยความเลวร้าย (ถ้อยคำอันเลวร้าย) ได้ เฉพาะผู้ที่ถูกข่มเหงเท่านั้น โดยแจ้งความให้เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายหรือให้การตามความเป็นจริงในความประพฤติชั่วช้าของผู้ข่มเหงต่อหน้าที่ผู้พิพากษา ทั้งนี้เพื่อตัดสินลงโทษ

4:149

إِن تُبْدُوا۟ خَيْرًا أَوْ تُخْفُوهُ أَوْ تَعْفُوا۟ عَن سُوٓءٍۢ فَإِنَّ ٱللَّهَ كَانَ عَفُوًّۭا قَدِيرًا

Translation: หากพวกเจ้าเปิดเผยความดี หรือปกปิดมันไว้ หรือให้อภัยในความเลวร้ายใดๆ แล้ว(344) แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงอานุภาพเสมอ

Comment: (344)คือการกระทำความดีให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนอื่นก็ดี หรือกระทำความดีเงียบ ๆ มิให้ใครรู้เห็นก็ดี ตลอดจนการให้อภัยแก่ผู้ที่ยังความเสื่อมเสียแก่ตนนั้นอัลลอฮ์จะทรงตอบแทนรางวัลแก่เขาอย่างสมบูรณ์ ตามที่เขาได้ประกอบไว้

4:150

إِنَّ ٱلَّذِينَ يَكْفُرُونَ بِٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦ وَيُرِيدُونَ أَن يُفَرِّقُوا۟ بَيْنَ ٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦ وَيَقُولُونَ نُؤْمِنُ بِبَعْضٍۢ وَنَكْفُرُ بِبَعْضٍۢ وَيُرِيدُونَ أَن يَتَّخِذُوا۟ بَيْنَ ذَٰلِكَ سَبِيلًا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซูลของพระองค์และต้องการที่จะแยกระหว่างอัลลอฮ์และบรรดาร่อซูลของพระองค์(345) และกล่าวว่า เราศรัทธาในบางคนและปฏิเสธศรัทธาในบางคน(346) และพวกเขาต้องการที่จะยึดเอาในระหว่างนั้น(347) ซึ่งทางใดทางหนึ่งนั้น

Comment: (345)ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ศรัทธาต่อร่อซูลของพระองค์บางท่าน ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวนี้ถือเป็นการปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ด้วย

Comment: (346)เป็นการอธิบายให้ทราบถึงการแบ่งแยกระหว่างอัลลอฮ์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ออกจากกัน กล่าวคือ พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์โดยตลอด แต่สำหรับบรรดาร่อซูลของพระองค์นั้น พวกเขาศรัทธาเพียงบางท่าน และปฏิเสธศรัทธาบางท่าน กล่าวคือ พวกเขาศรัทธาต่อท่านนบีมูซา และปฏิเสธท่านนบีอีซา และท่านนบีมุฮัมมัด โดยถือว่าทั้งสองนั้นมิใช่เป็นนบี ในทำนองเดียวกัน ชาวคริสต์ศรัทธาต่อท่านนบีอีซา และปฏิเสธท่านนบีมูซา และท่านนบีมุฮัมมัด อย่างไรก็ดี อัลลอฮ์ทรงถือว่าทั้งสองพวกนี้อยู่ในฐานะผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ด้วย

Comment: (347)คือในระหว่างการศรัทธากับการปฏิเสธศรัทธา

4:151

أُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْكَـٰفِرُونَ حَقًّۭا ۚ وَأَعْتَدْنَا لِلْكَـٰفِرِينَ عَذَابًۭا مُّهِينًۭا

Translation: ชนเหล่านี้แหละคือ ผู้ปฏิเสธศรัทธาโดยแท้จริง และเราได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

4:152

وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ بِٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦ وَلَمْ يُفَرِّقُوا۟ بَيْنَ أَحَدٍۢ مِّنْهُمْ أُو۟لَـٰٓئِكَ سَوْفَ يُؤْتِيهِمْ أُجُورَهُمْ ۗ وَكَانَ ٱللَّهُ غَفُورًۭا رَّحِيمًۭا

Translation: และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และมิได้แยกระหว่างคนหนึ่งคนใดในพวกเขา(348) ชนเหล่านี้แหละพระองค์จะทรงประทานแก่พวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขา และอัลลอฮ์ป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (348)คือในบรรดาผู้ที่ร่อซูล กล่าวคือบรรดาผู้ที่ศรัทธาในลักษณะดังกล่าวนี้ก็คือผู้ที่จะต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด หรือผู้เป็นมุสลิมนั่นเอง

4:153

يَسْـَٔلُكَ أَهْلُ ٱلْكِتَـٰبِ أَن تُنَزِّلَ عَلَيْهِمْ كِتَـٰبًۭا مِّنَ ٱلسَّمَآءِ ۚ فَقَدْ سَأَلُوا۟ مُوسَىٰٓ أَكْبَرَ مِن ذَٰلِكَ فَقَالُوٓا۟ أَرِنَا ٱللَّهَ جَهْرَةًۭ فَأَخَذَتْهُمُ ٱلصَّـٰعِقَةُ بِظُلْمِهِمْ ۚ ثُمَّ ٱتَّخَذُوا۟ ٱلْعِجْلَ مِنۢ بَعْدِ مَا جَآءَتْهُمُ ٱلْبَيِّنَـٰتُ فَعَفَوْنَا عَن ذَٰلِكَ ۚ وَءَاتَيْنَا مُوسَىٰ سُلْطَـٰنًۭا مُّبِينًۭا

Translation: บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์(349) จะขอร้องเจ้าให้เจ้านำคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากฟากฟ้าลงมาแก่พวกเขา(350) แท้จริงนั้นพวกเขาได้ขอร้องมูซาซึ่งสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาแล้ว โดยที่พวกเขากล่าวว่า จงให้พวกเราเห็นอัลลอฮ์โดยชัดแจ้งเถิด(351) แล้วฟ้าฝ่าก็ได้คร่าพวกเขา(352) เนื่องด้วยความอธรรมของพวกเขา(353) ภายหลังพวกเขาก็ได้ยึดถือลูกวัวหลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดเจนได้มายังพวกเขา(354) แล้วเราก็อภัยให้ในเรื่องนั้นและเราได้ให้แก่มูซาซึ่งอำนาจอันชัดเจน(355)

Comment: (349)หมายถึงชาวยิว

Comment: (350)โดยที่พวกเขาได้กล่าวแก่ท่านนบีมูอัมมัดว่า พวกเราจะไม่ทำสัตยาบันแก่ท่าน เพื่อยอมรับในสิ่งที่ท่านเชิญชวนจนกว่าท่านจะนำคัมภีร์จากอัลลอฮ์มาให้แก่เรา ซึ่งในคัมภีร์นั้นจะต้องระบุว่า มาจากอัลลอฮ์ ถึงคนนั้นคนนี้ ที่เป็นนักปราชญ์ของพวกเขาว่า มุฮัมมัดนั้นเป็นร่อซูลของพระองค์ โดยที่พวกเขาได้ระบุชื่อนักปราชญ์ของพวกเขาให้ท่านนบีทราบด้วย

Comment: (351)คือเห็นด้วยตาของพวกเขา

Comment: (352)คือทำให้พวกเขาตาย แล้วพระองค์ก็ทรงให้พวกเขาฟื้นคืนชีพอีก

Comment: (353)กล่าวคือการที่พวกเขาต้องการเห็นอัลลอฮ์โดยเปิดเผยนั้น เท่ากับพวกเขาได้เปรียบเทียบพระผู้ทรงบังเกิดกับสิ่งที่ถูกบังเกิด และยกตัวของพวกเขาขึ้นสูงกว่าขอบเขตที่พวกเขาพึงมี ซึ่งถือเป็นการอธรรม

Comment: (354)คือหลังจากที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้นบีมูซา แสดงมัวะญิซาตแก่พวกเขา อันได้แก่การให้ไม้เท้ากลายเป็นงู ให้มือเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ให้น้ำในทะเลแดงแยกออกเป็นทางเดิน เพื่อให้พวกเขาหนีการติดตามของฟิรเอาน์

Comment: (355)กล่าวคือให้ท่านนบีมูซาสามารถปกครองพวกเขาได้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นพวกที่ดื้อรั้น จนกระทั่งใช้ให้พวกเขาฆ่าฟันกันเองเพื่อลงโทษพวกเขาที่ทำการเคารพสักการะลูกวัว พวกเขาก็ปฏิบัติตาม

4:154

وَرَفَعْنَا فَوْقَهُمُ ٱلطُّورَ بِمِيثَـٰقِهِمْ وَقُلْنَا لَهُمُ ٱدْخُلُوا۟ ٱلْبَابَ سُجَّدًۭا وَقُلْنَا لَهُمْ لَا تَعْدُوا۟ فِى ٱلسَّبْتِ وَأَخَذْنَا مِنْهُم مِّيثَـٰقًا غَلِيظًۭا

Translation: และเราได้ยกภูเขาอัฏฏูร์ขึ้นเหนือพวกเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาของพวกเขา(356) และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า จงเข้าประตูนั้นไป(357) โดยโน้มศีรษะลง(358) และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า จงอย่าได้ละเมิดในวันสับบาโต(359) และเราได้เอาจากพวกเขาซึ่งสัญญาอันหนักแน่น

Comment: (356)คือเนื่องจากพวกเขาดื้อดึงไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติในคัมภีร์ของพวกเขา อัลลอฮ์จึงได้ทรงยกภูเขาอัฏฏูร์ขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา เพื่อให้ได้มาซึ่งคำมั่นสัญญาจากพวกเขาว่าจะเคารพและปฏิบัติตามบัญญัติของอัลลอฮ์โดยเข้มแข็งแล้วพวกเขาก็ให้คำมั่นสัญญาแก่พระองค์

Comment: (357)คือประตูเมืองไบตุลมักดิส

Comment: (358)คือโน้มศีรษะลงเพื่อเป็นการแสดงคารวะและถ่อมตน

Comment: (359)คือวันเสาร์อันเป็นวันปฏิบัติศาสนกิจของพวกเขา และห้ามพวกเขาทำการจับปลาด้วย

4:155

فَبِمَا نَقْضِهِم مِّيثَـٰقَهُمْ وَكُفْرِهِم بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ وَقَتْلِهِمُ ٱلْأَنۢبِيَآءَ بِغَيْرِ حَقٍّۢ وَقَوْلِهِمْ قُلُوبُنَا غُلْفٌۢ ۚ بَلْ طَبَعَ ٱللَّهُ عَلَيْهَا بِكُفْرِهِمْ فَلَا يُؤْمِنُونَ إِلَّا قَلِيلًۭا

Translation: (แล้วเราจึงได้กริ้วพวกเขา และละอ์นัตพวกเขา(360) เนื่องด้วยการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา(361) และปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์และฆ่าบรรดานบี(362) โดยปราศจากความเป็นธรรมและการที่พวกเขากล่าวว่า หัวใจของเรามีเปลือกหุ้มอยู่(363) หามิได้ อัลลอฮ์ได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขาต่างหาก(364) เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา(365) ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากัน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

Comment: (360)เป็นข้อความที่ถูกละไว้ ทั้งนี้เพราะเป็นที่ทราบกันดีในสำนวนของประโยค

Comment: (361)คือสัญญาว่าจะยึดมั่นในบัญญัติศาสนาตามที่ได้ให้ไว้แก่อัลลอฮ์

Comment: (362)เช่น นบีซะกะรียา และนบียะฮ์ยา เป็นต้น เกี่ยวกับเรื่องนี้พวกก็อดยานีปฏิเสธว่ามิได้ฆ่า ดังนั้นจึงได้บิดเบือนคำว่า “ฆ่า” ให้เฉเป็น “พยายามฆ่า” กุรอาน มะญีด หน้า 225

Comment: (363)เป็นสำนวนเปรียบเทียบอันเป็นการแจ้งให้ท่านนบีทราบว่า อย่าพยายามเชิญชวนพวกเราเลย ไม่มีทางที่จะสำเร็จได้ เพราะเราได้ปักใจแล้วว่าเราจะไม่ศรัทธาต่อท่าน หัวใจของเรานั้นประหนึ่งมีเปลือกหุ้มอยู่ ดังนั้นคำเชิญชวนของท่านจึงไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้

Comment: (364)เป็นคำพูดประชดเพื่อให้สาสมกับคำของพวกเขาที่ว่า “หัวใจของเรามีเปลือกหุ้ม” พระองค์จึงได้กล่าวได้ว่า หามิได้ที่คำเชิญชวนของมูฮัมมัดไม่เข้าไปในหัวใจของพวกเขานั้น มิใช่เพราะมีเหลือกหุ้มดอก หากแต่เพราะพระองค์ทรงประทับตรามันต่างหาก

Comment: (365)คือปฏิเสธศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด

4:156

وَبِكُفْرِهِمْ وَقَوْلِهِمْ عَلَىٰ مَرْيَمَ بُهْتَـٰنًا عَظِيمًۭا

Translation: และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธา(366) และกล่าวให้ร้ายแก่มัรยัม(367) ซึ่งความเท็จอันใหญ่หลวง

Comment: (366)คือปฏิเสธศรัทธาต่อท่านนบีอีซา

Comment: (367)เช่นกล่าวหาว่า นางมัรยัมกระทำซินาอันเป็นการกล่าวหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่หญิงผู้บริสุทธิ์ เช่น นางมัรยัม

4:157

وَقَوْلِهِمْ إِنَّا قَتَلْنَا ٱلْمَسِيحَ عِيسَى ٱبْنَ مَرْيَمَ رَسُولَ ٱللَّهِ وَمَا قَتَلُوهُ وَمَا صَلَبُوهُ وَلَـٰكِن شُبِّهَ لَهُمْ ۚ وَإِنَّ ٱلَّذِينَ ٱخْتَلَفُوا۟ فِيهِ لَفِى شَكٍّۢ مِّنْهُ ۚ مَا لَهُم بِهِۦ مِنْ عِلْمٍ إِلَّا ٱتِّبَاعَ ٱلظَّنِّ ۚ وَمَا قَتَلُوهُ يَقِينًۢا

Translation: และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัลมะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัมร่อซูลของอัลลอฮ์และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่(368) แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก่พวกเขา(369) และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขา(370) แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัย(371) เกี่ยวกับเขาพวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น(372) และพวกเขามิได้ฆ่า(อีซา)อย่างแน่นอน(373)

Comment: (368)คือพวกเขามิได้ฆ่าท่านนบีอีซาแต่อย่างใด และไม่ได้ตรึงท่านบนไม้กางเขนอย่างที่พวกเขาอ้างกันด้วย ในเรื่องนี้พวกก็อดยานีเถียงว่า นบีอีซาถูกตรึงบนไม้กางเขนจริงแต่ไม่ตาย (กุรอาน มะญีด หน้า 226) ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮ์แจ้งให้ทราบว่านบีอีซามิได้ถูกตรึงบนไม้กางเขน

Comment: (369)คือ ยูดาย ซึ่งเป็นสาวกที่ทรยศต่อท่านต่างหากที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ทั้งนี้เนื่องจากอัลลอฮ์ทรงให้เขามีลักษณะเหมือนกับท่านนบีอีซา เพื่อลงโทษเขาในฐานะที่เขาทรยศต่อนบีอีซา เขาจึงถูกจับไปตรึงบนไม้กางเขนแทนท่านนบีอีซาด้วยความเข้าใจผิด และเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ในหมู่พวกเขา

Comment: (370)คือพวกยิวต่างมีความคิดเห็นต่างกันในตัวของท่านนบีอีซาว่าเป็นผุ้ที่ถูกตรึงจริงหรือไม่

Comment: (371)คือไม่สามารถจะขจัดความสงสัยเกี่ยวกับท่านนบีอีซาได้ว่า ใครคือผู้ที่ถูกจับไปตรึงกันแน่ ถ้าท่านนบีอีซาถูกตรึงแล้ว ยะฮูซาหายไปไหน?

Comment: (372)คือไม่มีใครรู้จักเกี่ยวกับตัวท่านได้ นอกจากใครคิดอย่างไรก็เชื่อถืออย่างนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีความคิดขัดแย้งกัน

Comment: (373)คือพวกยิวมิได้ฆ่าท่านนบีอีซาด้วยความแน่ใจว่า เป็นท่านจริง เพราะขณะที่จะทำการตรึงยะฮูซาบนไม้กางเขนนั้นก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าใช่ท่านนบีอีซาหรือไม่ และยะฮูซาก็ปฏิเสธว่าเขามิใช่ท่านนบีอีซา แต่ในที่สุดพวกเขาก็ฆ่ายะฮูซาและตรึงเขาบนไม้กางเขนโดยเข้าใจผิดว่าเป็นนบีอีซา ในคัมภีร์อินญีลเบอร์นาบา ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ทหารได้จับตัว “ยูดาย อัสคอริโอฏ” ไปโดยเข้าใจว่าเป็นท่านนบีอีซา

4:158

بَل رَّفَعَهُ ٱللَّهُ إِلَيْهِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَزِيزًا حَكِيمًۭا

Translation: หามิได้(374) อัลลอฮ์ได้ทรงยกเขา(อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก(375) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ

Comment: (374)คือมิใช่อย่างกับที่พวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาฆ่าท่านนบีอีซาดอก

Comment: (375)คือยกท่านนบีอีซาขึ้นไปยังพระองค์ โดยให้ท่านอยู่ในที่ที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสม ทั้งนี้ด้วยเดชานุภาพของพระองค์ ถ้าจะมีคนถามว่า แล้วจะไปกินที่ไหน ถ่ายที่ไหน และอะไรอื่น ๆ อีกตามที่มนุษย์เขาทำกันแล้วก็ให้คิดเสียว่า บุคคลดังกล่าวนั้นจัดเข้าอยู่ในประเภทปัญญาอ่อน หรือไม่ก็เป็นผู้ที่ไม่รู้จักอัลลอฮ์เลย ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าพระองค์นั้นเมื่อประสงค์สิ่งใดแล้ว ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามความพระประสงค์ของพระองค์ทุกประการ ไม่มีสิ่งใดยากสำหรับพระองค์

4:159

وَإِن مِّنْ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ إِلَّا لَيُؤْمِنَنَّ بِهِۦ قَبْلَ مَوْتِهِۦ ۖ وَيَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ يَكُونُ عَلَيْهِمْ شَهِيدًۭا

Translation: และไม่มีอะฮ์ลิลกิตาบคนใด นอกจากแน่นอนเขาจะต้องศรัทธา ต่อท่านนบีอีซาอย่างแน่นอน ก่อนที่เขาจะตาย(376) และวันกิยามะฮ์ เขา(อีซา) จะเป็นพยานยืนยันพวกเขาเหล่านั้น(377)

Comment: (376)คือเมื่อใกล้วันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะทรงให้ท่านนบีอีซากลับมายังโลกอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกยิวทุกคนก็จะศรัทธาต่อท่านก่อนที่ท่านจะตาย

Comment: (377)คือยืนยันว่าท่านมิได้ชวนเชิญให้พวกเขายึดถือท่านและมารดาของท่านเป็นพระเจ้า ดังที่พวกเขายึดถือกันอยู่

4:160

فَبِظُلْمٍۢ مِّنَ ٱلَّذِينَ هَادُوا۟ حَرَّمْنَا عَلَيْهِمْ طَيِّبَـٰتٍ أُحِلَّتْ لَهُمْ وَبِصَدِّهِمْ عَن سَبِيلِ ٱللَّهِ كَثِيرًۭا

Translation: แล้วก็เนื่องด้วยความอธรรมจากบรรดาผู้ที่เป็นยิว เราจึงได้ให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขาซึ่งบรรดาสิ่งดีๆ(378) ที่ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเขามาแล้ว และเนื่องด้วยการที่พวกเขาขัดขวางทางของอัลลอฮ์อย่างมากมาย(379)

Comment: (378)อันได้แก่สัตว์ที่มีเล็บทุกชนิด

Comment: (379)หมายถึงไม่ยอมปฏิบัติตามบัญญัติของอัลลอฮ์

4:161

وَأَخْذِهِمُ ٱلرِّبَوٰا۟ وَقَدْ نُهُوا۟ عَنْهُ وَأَكْلِهِمْ أَمْوَٰلَ ٱلنَّاسِ بِٱلْبَـٰطِلِ ۚ وَأَعْتَدْنَا لِلْكَـٰفِرِينَ مِنْهُمْ عَذَابًا أَلِيمًۭا

Translation: และเนื่องด้วยการที่พวกเขาเอาดอกเบี้ยทั้งๆ ที่พวกเขาถูกห้ามในเรื่องนั้น และเนื่องด้วยการที่พวกเขากินทรัพย์ของผู้คนโดยไม่ชอบ และเราได้เตรียมไว้แล้ว สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ

4:162

لَّـٰكِنِ ٱلرَّٰسِخُونَ فِى ٱلْعِلْمِ مِنْهُمْ وَٱلْمُؤْمِنُونَ يُؤْمِنُونَ بِمَآ أُنزِلَ إِلَيْكَ وَمَآ أُنزِلَ مِن قَبْلِكَ ۚ وَٱلْمُقِيمِينَ ٱلصَّلَوٰةَ ۚ وَٱلْمُؤْتُونَ ٱلزَّكَوٰةَ وَٱلْمُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ أُو۟لَـٰٓئِكَ سَنُؤْتِيهِمْ أَجْرًا عَظِيمًا

Translation: แต่ทว่าบรรดาผู้มั่นในความรู้ในหมู่พวกเขา(380) และบรรดาผู้ที่ศรัทธา(381) พวกเขาย่อมศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า และบรรดาผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และบรรดาผู้ชำระซะกาต และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลกชนเหล่านี้แหละเราจะให้แก่พวกเขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง

Comment: (380)คือหมู่ชาวยิวอันได้แก่ อับดุลลอฮ์ บินสะลาม และอุไซด์ บินสะอ์ยะฮ์ เป็นต้น

Comment: (381)คือประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

4:163

۞ إِنَّآ أَوْحَيْنَآ إِلَيْكَ كَمَآ أَوْحَيْنَآ إِلَىٰ نُوحٍۢ وَٱلنَّبِيِّـۧنَ مِنۢ بَعْدِهِۦ ۚ وَأَوْحَيْنَآ إِلَىٰٓ إِبْرَٰهِيمَ وَإِسْمَـٰعِيلَ وَإِسْحَـٰقَ وَيَعْقُوبَ وَٱلْأَسْبَاطِ وَعِيسَىٰ وَأَيُّوبَ وَيُونُسَ وَهَـٰرُونَ وَسُلَيْمَـٰنَ ۚ وَءَاتَيْنَا دَاوُۥدَ زَبُورًۭا

Translation: แท้จริง เราได้มีโองการแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการแก่นูห์ และบรรดานบีหลังจากเขา และเราได้มีโองการแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอ์กูบ และอัลอัสบาฏ(382) และอีซา และอัยยูบ และยูนุส และฮารูน และสุลัยมาน และเราได้ให้ซะบูร์(383) แก่ดาวูด

Comment: (382)คือเผ่าพันธุ์ของท่านนบียะอ์กูบ รวม 12 เผ่าด้วยกัน

Comment: (383)ชื่อคัมภีร์

4:164

وَرُسُلًۭا قَدْ قَصَصْنَـٰهُمْ عَلَيْكَ مِن قَبْلُ وَرُسُلًۭا لَّمْ نَقْصُصْهُمْ عَلَيْكَ ۚ وَكَلَّمَ ٱللَّهُ مُوسَىٰ تَكْلِيمًۭا

Translation: และมีบรรดาร่อซูล ซึ่งเราได้เล่าถึงพวกเขาแก่เจ้ามาก่อนแล้ว(384) และมีบรรดาร่อซูลซึ่งเรามิได้เล่าแก่เจ้าเกี่ยวกับพวกเขา และอัลลอฮ์ได้ตรัสแก่มูซาจริงๆ(385)

Comment: (384)เช่นที่ระบุอยู่ในซูเราะฮ์อัล-อันอาม

Comment: (385)คือได้ตรัสแก่นบีมูซา โดยตรง ไม่มีสื่อกลางใด

4:165

رُّسُلًۭا مُّبَشِّرِينَ وَمُنذِرِينَ لِئَلَّا يَكُونَ لِلنَّاسِ عَلَى ٱللَّهِ حُجَّةٌۢ بَعْدَ ٱلرُّسُلِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَزِيزًا حَكِيمًۭا

Translation: คือบรรดาร่อซูลในฐานะผู้แจ้งข่าวดี และในฐานะผู้ตักเตือน เพื่อว่ามนุษย์จะได้ไม่มีหลักฐานใดๆ อ้างแก้ตัวแก่อัลลอฮ์ได้ หลังจากบรรดาร่อซูลเหล่านั้น และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

4:166

لَّـٰكِنِ ٱللَّهُ يَشْهَدُ بِمَآ أَنزَلَ إِلَيْكَ ۖ أَنزَلَهُۥ بِعِلْمِهِۦ ۖ وَٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ يَشْهَدُونَ ۚ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ شَهِيدًا

Translation: แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นทรงยืนยันในสิ่ง(386) ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้า(387) ว่า พระองค์ได้ทรงประทานสิ่งนั้นมาด้วยความรู้ของพระองค์ และมลาอิกะฮ์ก็ยืนยันด้วย และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงยืนยัน

Comment: (386)คือคัมภีร์อัลกุรอาน

Comment: (387)คือท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

4:167

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَصَدُّوا۟ عَن سَبِيلِ ٱللَّهِ قَدْ ضَلُّوا۟ ضَلَـٰلًۢا بَعِيدًا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และขัดขวางทางของอัลลอฮ์นั้น แน่นอนพวกเขาได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล

4:168

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَظَلَمُوا۟ لَمْ يَكُنِ ٱللَّهُ لِيَغْفِرَ لَهُمْ وَلَا لِيَهْدِيَهُمْ طَرِيقًا

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และอธรรมแก่ตัวเองนั้น ใช่ว่าอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาก็หาไม่ และก็ใช่ว่าพระองค์จะทรงแนะนำแก่พวกเขา ซึ่งทางหนึ่งทางใดก็หาไม่

4:169

إِلَّا طَرِيقَ جَهَنَّمَ خَـٰلِدِينَ فِيهَآ أَبَدًۭا ۚ وَكَانَ ذَٰلِكَ عَلَى ٱللَّهِ يَسِيرًۭا

Translation: นอกจากทางแห่งนรกญะฮันนัม โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นเป็นสิ่งง่ายดายแก่อัลลอฮ์

4:170

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلنَّاسُ قَدْ جَآءَكُمُ ٱلرَّسُولُ بِٱلْحَقِّ مِن رَّبِّكُمْ فَـَٔامِنُوا۟ خَيْرًۭا لَّكُمْ ۚ وَإِن تَكْفُرُوا۟ فَإِنَّ لِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۚ وَكَانَ ٱللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًۭا

Translation: มนุษย์ชาติทั้งหลาย! แท้จริงร่อซูลผู้นั้น(388) ได้นำความจริงจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว จงศรัทธากันเถิด มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา(389) แล้ว แท้จริงสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ทั้งสิ้น และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (388)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด

Comment: (389)(ก็ไม่เป็นความเดือดร้อนแก่อัลลอฮ์แต่อย่างใด) ดังกล่าวนี้เป็นข้อความที่ถูกละไว้

4:171

يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لَا تَغْلُوا۟ فِى دِينِكُمْ وَلَا تَقُولُوا۟ عَلَى ٱللَّهِ إِلَّا ٱلْحَقَّ ۚ إِنَّمَا ٱلْمَسِيحُ عِيسَى ٱبْنُ مَرْيَمَ رَسُولُ ٱللَّهِ وَكَلِمَتُهُۥٓ أَلْقَىٰهَآ إِلَىٰ مَرْيَمَ وَرُوحٌۭ مِّنْهُ ۖ فَـَٔامِنُوا۟ بِٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦ ۖ وَلَا تَقُولُوا۟ ثَلَـٰثَةٌ ۚ ٱنتَهُوا۟ خَيْرًۭا لَّكُمْ ۚ إِنَّمَا ٱللَّهُ إِلَـٰهٌۭ وَٰحِدٌۭ ۖ سُبْحَـٰنَهُۥٓ أَن يَكُونَ لَهُۥ وَلَدٌۭ ۘ لَّهُۥ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۗ وَكَفَىٰ بِٱللَّهِ وَكِيلًۭا

Translation: อะฮ์ลุลกิตาบทั้งหลาย(390) จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขต(391) ในศาสนาของพวกเจ้า และจงอย่ากล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮ์นอกจากสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น(392) แท้จริง อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม เป็นเพียงร่อซูลของอัลลอฮ์และเป็นเพียงดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงกล่าวมันแก่มัรยัม(393) และเป็นเพียงวิญญาณหนึ่งจากพระองค์(394) เท่านั้น ดังนั้นจงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซูลของพระองค์เถิด(395) และจงอย่ากล่าวว่าสามองค์เลย(396) จงหยุดยั้งเสียเถิด มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮ์คือ ผู้ควรได้รับการเคารพภักดีแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการที่จะทรงมีพระบุตร(397) สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้น และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา(398)

Comment: (390)หมายถึงทั้งพวกยิวและคริสต์

Comment: (391)คือขอบเขตที่ศาสนาได้กำหนดไว้ เช่น ทำการอิบาดะฮ์จนไม่มีเวลาประกอบอาชีพ เป็นต้น

Comment: (392)เช่นพูดว่าพระองค์องค์เดียวเท่านั้นที่ควรได้รับการเคารพภักดี ไม่มีภาคีใด ๆ แก่พระองค์ และพระองค์ไม่ทรงมีพระบุตร

Comment: (393)คือทรงกล่าวแก่นางว่า “จงมีบุตรชายคนหนึ่ง” แล้วนางก็ตั้งครรภ์และคลอดมาเป็นชายได้ชื่อว่า อีซา ด้วยเหตุนี้ท่านนบีอีซาจึงถือว่าเป็นดำรัสของพระองค์

Comment: (394)คือท่านนบีอีซาเกิดขึ้นจากวิญญาณหนึ่งที่มาจากพระองค์โดยตรง มิใช่ผ่านชายใด ด้วยเหตุนี้ท่านนบีอีซาจึงเกิดขึ้นโดยไม่มีบิดา

Comment: (395)รวมถึงศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ด้วย

Comment: (396)คืออย่ากล่าวว่า อัลลอฮ์ แบ่งภาคออกเป็นสามองค์ คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต โดยที่แต่ละองค์เป็นพระเจ้าโดยสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็เป็นพระเจ้าองค์เดียว ดังกล่าวนี้เป็นความเข้าใจผิดของคริสต์ชน

Comment: (397)คือทรงบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะถือเอานบีอีซา เป็นพระบุตรของพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใครซึ่งแตกต่างกับมนุษย์ที่จำต้องมีบุตรที่จะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ยามชรา

Comment: (398)คือทำหน้าที่คุ้มครองรักษากิจการงานต่าง ๆ ของพวกเขา

4:172

لَّن يَسْتَنكِفَ ٱلْمَسِيحُ أَن يَكُونَ عَبْدًۭا لِّلَّهِ وَلَا ٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ ٱلْمُقَرَّبُونَ ۚ وَمَن يَسْتَنكِفْ عَنْ عِبَادَتِهِۦ وَيَسْتَكْبِرْ فَسَيَحْشُرُهُمْ إِلَيْهِ جَمِيعًۭا

Translation: อัลมะซีห์จะไม่หยิ่งเป็นอันขาดที่จะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์(399) และมลาอิกะฮ์ผู้ใกล้ชิด (พระองค์) ก็ไม่หยิ่งด้วย และผู้ใดหยิ่งต่อการที่อิบาดะฮ์(400) ต่อพระองค์ และยโสแล้ว พระองค์ก็จะทรงชุมนุมพวกเขาไว้ยังพระองค์ทั้งหมด(401)

Comment: (399)เพราะอัลมะซีห์ อีซา รู้ดีว่าตนเป็นบ่าวของพระองค์ มิใช่เป็นพระเจ้าหรือพระบุตร ดังที่พวกคริสต์เข้าใจ ดังกล่าวนี้เป็นการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่านบีอีซานั้น เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่เป็นร่อซูล ของอัลลอฮ์เท่านั้น

Comment: (400)คือหยิ่งต่อการที่จะปฏิบัติในสิ่งที่แสดงถึงการเป็นบ่าวของพระองค์

Comment: (401)คือไม่มีใครที่สามารถหลบหลีกไปได้ ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะได้ทำการลงโทษพวกเขาให้สามสมกับความยโสของพวกเขา

4:173

فَأَمَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ فَيُوَفِّيهِمْ أُجُورَهُمْ وَيَزِيدُهُم مِّن فَضْلِهِۦ ۖ وَأَمَّا ٱلَّذِينَ ٱسْتَنكَفُوا۟ وَٱسْتَكْبَرُوا۟ فَيُعَذِّبُهُمْ عَذَابًا أَلِيمًۭا وَلَا يَجِدُونَ لَهُم مِّن دُونِ ٱللَّهِ وَلِيًّۭا وَلَا نَصِيرًۭا

Translation: ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายนั้น พระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาโดยครบถ้วน ซึ่งรางวัลของพวกเขา และจะทรงเพิ่มให้แก่พวกเขาด้วย(402) จากความกรุณาของพระองค์ และส่วนบรรดาผู้ที่หยิ่งยโสนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขา ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ และพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือใด สำหรับพวกเขาอื่นจากอัลลอฮ์

Comment: (402)คือนอกเหนือจากรางวัลที่พวกเขาพึงได้รับตามผลงานของเขา ทั้งนี้เป็นความกรุณาจากพระองค์

4:174

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلنَّاسُ قَدْ جَآءَكُم بُرْهَـٰنٌۭ مِّن رَّبِّكُمْ وَأَنزَلْنَآ إِلَيْكُمْ نُورًۭا مُّبِينًۭا

Translation: มนุษยชาติทั้งหลาย! แน่นอนได้มีหลักฐาน(403) จากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว และเราได้ให้แสงสว่าง(404) อันแจ่มแจ้งลงมาแก่พวกเจ้าด้วย

Comment: (403)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

Comment: (404)หมายถึง อัลกุรอาน

4:175

فَأَمَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ بِٱللَّهِ وَٱعْتَصَمُوا۟ بِهِۦ فَسَيُدْخِلُهُمْ فِى رَحْمَةٍۢ مِّنْهُ وَفَضْلٍۢ وَيَهْدِيهِمْ إِلَيْهِ صِرَٰطًۭا مُّسْتَقِيمًۭا

Translation: ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และยึดมั่นในพระองค์นั้น พระองค์จะทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเอ็นดูเมตตา และความโปรดปรานจากพระองค์ และจะทรงแนะนำพวกเขาซึ่งทางอันเที่ยงตรงไปสู่พระองค์

4:176

يَسْتَفْتُونَكَ قُلِ ٱللَّهُ يُفْتِيكُمْ فِى ٱلْكَلَـٰلَةِ ۚ إِنِ ٱمْرُؤٌا۟ هَلَكَ لَيْسَ لَهُۥ وَلَدٌۭ وَلَهُۥٓ أُخْتٌۭ فَلَهَا نِصْفُ مَا تَرَكَ ۚ وَهُوَ يَرِثُهَآ إِن لَّمْ يَكُن لَّهَا وَلَدٌۭ ۚ فَإِن كَانَتَا ٱثْنَتَيْنِ فَلَهُمَا ٱلثُّلُثَانِ مِمَّا تَرَكَ ۚ وَإِن كَانُوٓا۟ إِخْوَةًۭ رِّجَالًۭا وَنِسَآءًۭ فَلِلذَّكَرِ مِثْلُ حَظِّ ٱلْأُنثَيَيْنِ ۗ يُبَيِّنُ ٱللَّهُ لَكُمْ أَن تَضِلُّوا۟ ۗ وَٱللَّهُ بِكُلِّ شَىْءٍ عَلِيمٌۢ

Translation: เขาเหล่านั้นจะขอให้เจ้าชี้ขาดปัญหา(405) จงกล่าวเถิดว่า อัลลอฮ์จะทรงชี้ขาดให้แก่พวกเจ้าในเรื่องของผู้เสียชีวิตที่ไม่มีบิดาและบุตร คือถ้าชายคนหนึ่งตาย โดยที่เขาไม่มีบุตรแต่มีพี่สาวหรือน้องสาวคนหนึ่งแล้ว นางจะได้รับครึ่งหนึ่งของมรดกที่เขาได้ทิ้งไว้ และขณะเดียวกันเขาก็จะได้รับมรดกของนาง(406) หากนางไม่มีบุตร แต่ถ้าปรากฏว่าพี่สาวหรือน้องสาวของเขามีด้วยกันสองคน ทั้งสองนั้นจะได้รับสองในสามจากมรดกที่เขาได้ทิ้งไว้ แต่ถ้าพวกเขาเป็นพี่น้องหลายคนทั้งชายและหญิง สำหรับชายจะได้รับเท่ากับส่วนได้ของหญิงสองคน(407) ที่อัลลอฮ์ทรงแจกแจงแก่พวกเจ้านั้น เนื่องจากการที่พวกเจ้าหลงผิด(408) และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง

Comment: (405)คือปัญหามรดกของผู้ที่เสียชีวิตโดยไม่มีบิดาและบุตร

Comment: (406)คือรับมรดกของนางทั้งหมด ถ้าหากนางตายโดยไม่มีทั้งบิดาและบุตร

Comment: (407)คือได้รับสองเท่าของหญิง หรือชายได้รับสองส่วน หญิงได้รับหนึ่งส่วน

Comment: (408)กล่าวคือ เมื่ออัลลอฮ์ทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบแล้ว แน่นอนพวกเจ้าก็ย่อมไม่หลงผิด อนึ่งคำว่า “อันตะฎิลลู” นั้นตกในตำแหน่ง “มัฟอูลิอัจญลิฮ์”