سورة الشورى
Ash-Shura
Consultation
meccan . 53 Ayahs
بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَـٰنِ ٱلرَّحِيمِ
42:1
حمٓ
Translation: ฮามีม(1)
Comment: (1)โปรดดูคำอธิบายในเชิงอรรถในหนังสือของเรา ซูเราะฮ์นี้เป็นซูเราะฮ์ที่สามในเจ็ดซูเราะฮ์ที่เริ่มด้วยอักษร ฮามีม และเรียกว่า ฮามีมทั้งเจ็ด หรือตระกูล ฮามีม
42:2
عٓسٓقٓ
Translation: อัยน์ ซีน ก๊อฟ
42:3
كَذَٰلِكَ يُوحِىٓ إِلَيْكَ وَإِلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبْلِكَ ٱللَّهُ ٱلْعَزِيزُ ٱلْحَكِيمُ
Translation: เช่นนั้นแหละ ได้มีวะฮีย์มายังเจ้าและมายังบรรดา(ร่อซูล)ก่อนหน้าเจ้า อัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ(2)
Comment: (2)เช่นเดียวกับที่พระเจ้าของเจ้าได้วะฮีย์แก่เจ้าซึ่งอัลกุรอ่านนี้ พระองค์ได้วะฮีย์แก่บรรดาร่อซูลก่อนเจ้า ซึ่งคัมภีร์ต่างๆ อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอำนาจในอาณาจักรของพระองค์ ผู้ทรงปรีชาญาณในการสร้างของพระองค์
42:4
لَهُۥ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۖ وَهُوَ ٱلْعَلِىُّ ٱلْعَظِيمُ
Translation: สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้สูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่(3)
Comment: (3)สิ่งที่อยู่ในจักรวาลทั้งมวลเป็นสิทธิของพระองค์ในทางอำนาจ การสร้างและการเป็นทาส พระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่งเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
42:5
تَكَادُ ٱلسَّمَـٰوَٰتُ يَتَفَطَّرْنَ مِن فَوْقِهِنَّ ۚ وَٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ وَيَسْتَغْفِرُونَ لِمَن فِى ٱلْأَرْضِ ۗ أَلَآ إِنَّ ٱللَّهَ هُوَ ٱلْغَفُورُ ٱلرَّحِيمُ
Translation: ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังทลายลงมาจากเบื้องบนพวกมัน ขณะที่มลาอิกะฮ์ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา และขออภัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกนี้ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้น พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ(4)
Comment: (4)คือชั้นฟ้าแทบจะพังทลายลงมาเพราะความยิ่งใหญ่และเกียรติศักดิ์ของพระองค์ และจากความน่าเกลียดในคำกล่าวของพวกมุชริกีนที่ตั้งให้อัลลอฮ์มีพระบุตร ในขณะที่บรรดามลาอิกะฮ์ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีต่ออัลลอฮ์และให้ความบริสุทธิ์แด่พระองค์ในสิ่งที่ไม่คู่ควรเหมาะสมต่อพระองค์ กับได้ขออภัยโทษให้แก่บรรดามุอ์มินที่อยู่ในโลกนี้
42:6
وَٱلَّذِينَ ٱتَّخَذُوا۟ مِن دُونِهِۦٓ أَوْلِيَآءَ ٱللَّهُ حَفِيظٌ عَلَيْهِمْ وَمَآ أَنتَ عَلَيْهِم بِوَكِيلٍۢ
Translation: และบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์นั้น อัลลอฮ์ทรงเฝ้าดูพวกเขาและเจ้ามิใช่ผู้ดูแลคุ้มครองพวกเขา(5)
Comment: (5)บรรดาผู้ที่ยึดถือเอาพระเจ้าอื่นใดเพื่อเคารพบูชานอกจากอัลลอฮ์นั้น พระองค์ทรงเฝ้าดูสภาพการณ์และการงานของพวกเขาและพระองค์เป็นผู้สอบสวนการกระทำของพวกเขา และเจ้ามิได้เป็นผู้ดูแลสอดส่องการงานของพวกเขาแต่เจ้ามีหน้าที่เป็นผู้เผยแผ่ตามที่ได้รับมอบหมายมา
42:7
وَكَذَٰلِكَ أَوْحَيْنَآ إِلَيْكَ قُرْءَانًا عَرَبِيًّۭا لِّتُنذِرَ أُمَّ ٱلْقُرَىٰ وَمَنْ حَوْلَهَا وَتُنذِرَ يَوْمَ ٱلْجَمْعِ لَا رَيْبَ فِيهِ ۚ فَرِيقٌۭ فِى ٱلْجَنَّةِ وَفَرِيقٌۭ فِى ٱلسَّعِيرِ
Translation: และเช่นนั้นแหละ เราได้วะฮีย์อัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนอุมมุลกุรอ (ชาวมักกะฮ์) และผู้ที่อยู่รอบเมืองนั้น และเตือนถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในวันนั้น พวกหนึ่งจะอยู่ในสวรรค์ และอีกพวกหนึ่งจะอยู่ในไฟที่ลุกช่วงโชติ(6)
Comment: (6)ดังเช่นที่เราได้วะฮีย์แก่บรรดาร่อซูลก่อนเจ้ามาแล้ว เราก็ได้วะฮีย์แก่เจ้าคือ อัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับปราศจากการสงสัยแคลงใจใด ๆ ทั้งสิ้นและเป็นคัมภีร์ปาฏิหาริย์ เพื่อใช้เป็นการตักเตือนชาวอุมมุลกุรอคือ ชาวมักกะฮ์ และชาวเมืองอื่น ๆ ที่อยู่รอบเมืองมักกะฮ์ และเพื่อเตือนมหาชนให้ตระหนักถึงวันกิยามะฮ์ เพราะในวันนั้นอัลลอฮ์จะทรงรวมมนุษย์ทั้งหมดอยู่ ณ ทุ่งมะฮ์ชัร โดยปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น และในวันนั้นบรรดาผู้ศรัทธาผู้ยำเกรงจะอยู่ในสวนสวรรค์ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะอยู่ในนรกญะฮันนัม
42:8
وَلَوْ شَآءَ ٱللَّهُ لَجَعَلَهُمْ أُمَّةًۭ وَٰحِدَةًۭ وَلَـٰكِن يُدْخِلُ مَن يَشَآءُ فِى رَحْمَتِهِۦ ۚ وَٱلظَّـٰلِمُونَ مَا لَهُم مِّن وَلِىٍّۢ وَلَا نَصِيرٍ
Translation: และหากว่าอัลลอฮ์ทรงประสงค์ แน่นอน จะทรงทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวกัน แต่พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์ ส่วนบรรดาผู้อธรรมพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ(7)
Comment: (7)หากเป็นความประสงค์ของอัลลอฮ์ ตะอาลา พระองค์จะให้พวกเขาอยู่ในศาสนาอิสลาม ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะอยู่ในสวนสวรรค์แต่พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าอยู่ในศาสนาอิสลาม แล้วก็จะให้เขาเข้าสู่สวนสวรรค์ ส่วนพวกมุชริกีนนั้นจะไม่มีผู้คุ้มครองคอยให้ความช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้ ดังนั้นพวกเขาจะเข้าอยู่ในนรก
42:9
أَمِ ٱتَّخَذُوا۟ مِن دُونِهِۦٓ أَوْلِيَآءَ ۖ فَٱللَّهُ هُوَ ٱلْوَلِىُّ وَهُوَ يُحْىِ ٱلْمَوْتَىٰ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ قَدِيرٌۭ
Translation: หรือว่าพวกเขาได้ยึดถือเอาคนอื่นจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครอง แต่อัลลอฮ์คือผู้คุ้มครอง และพระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง(8)
Comment: (8)แต่พวกมุชริกีนได้ยึดถือเอาพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์เป็นผู้คุ้มครอง และขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเหล่านั้น อัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้นเป็นผู้คุ้มครองอย่างแท้จริง และเป็นผู้ช่วยเหลือบรรดามุอ์มินผู้ศรัทธา เป็นผู้ทรงอานุภาพสามารถให้ชีวิตแก่คนตายให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
42:10
وَمَا ٱخْتَلَفْتُمْ فِيهِ مِن شَىْءٍۢ فَحُكْمُهُۥٓ إِلَى ٱللَّهِ ۚ ذَٰلِكُمُ ٱللَّهُ رَبِّى عَلَيْهِ تَوَكَّلْتُ وَإِلَيْهِ أُنِيبُ
Translation: และอันใดที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องนั้นๆ ดังนั้น การชี้ขาดตัดสินย่อมกลับไปหาอัลลอฮ์นั่นคืออัลลอฮ์พระผู้อภิบาลของฉัน แด่พระองค์เท่านั้นฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นฉันจะกลับไปหา(9)
Comment: (9)และสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องของศาสนาและเรื่องของโลกดุนยากับพวกกุฟฟารหรือบรรดามุอ์มินด้วยกันพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด ผู้ที่มีคุณลักษณะเช่นนั้นคือพระเจ้าของฉัน ฉันขอมอบการงานทั้งหลายแด่พระองค์เท่านั้น และฉันจะต้องกลับไปหาพระองค์
42:11
فَاطِرُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۚ جَعَلَ لَكُم مِّنْ أَنفُسِكُمْ أَزْوَٰجًۭا وَمِنَ ٱلْأَنْعَـٰمِ أَزْوَٰجًۭا ۖ يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ ۚ لَيْسَ كَمِثْلِهِۦ شَىْءٌۭ ۖ وَهُوَ ٱلسَّمِيعُ ٱلْبَصِيرُ
Translation: พระองค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น(10)
Comment: (10)คือพระองค์เป็นผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินโดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนเลย และทรงทำให้พวกเจ้ามีคู่ครองคือเพศชายและเพศหญิง และปศุสัตว์ก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงให้พวกเจ้ามีจำนวนมากมาย เพราะการสืบพันธุ์ หากพระองค์มิได้ทรงสร้างเพศชายและเพศหญิงแล้ว ก็จะไม่มีการแพร่พันธุ์และการเพิ่มจำนวนพลเมือง ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนอัลลอฮ์ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้น สิ่งที่ถูกสร้างก็จะไม่เสมอเหมือนพระองค์ในทุกรูปแบบ พระองค์ทรงได้ยินทุกคำพูดของปวงบ่าว ทรงรอบรู้การงานและสภาพการณ์ของพวกเขา
42:12
لَهُۥ مَقَالِيدُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۖ يَبْسُطُ ٱلرِّزْقَ لِمَن يَشَآءُ وَيَقْدِرُ ۚ إِنَّهُۥ بِكُلِّ شَىْءٍ عَلِيمٌۭ
Translation: กุญแจ(การควบคุมกิจการ) แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มพูนปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้คับแคบ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งอย่าง
42:13
۞ شَرَعَ لَكُم مِّنَ ٱلدِّينِ مَا وَصَّىٰ بِهِۦ نُوحًۭا وَٱلَّذِىٓ أَوْحَيْنَآ إِلَيْكَ وَمَا وَصَّيْنَا بِهِۦٓ إِبْرَٰهِيمَ وَمُوسَىٰ وَعِيسَىٰٓ ۖ أَنْ أَقِيمُوا۟ ٱلدِّينَ وَلَا تَتَفَرَّقُوا۟ فِيهِ ۚ كَبُرَ عَلَى ٱلْمُشْرِكِينَ مَا تَدْعُوهُمْ إِلَيْهِ ۚ ٱللَّهُ يَجْتَبِىٓ إِلَيْهِ مَن يَشَآءُ وَيَهْدِىٓ إِلَيْهِ مَن يُنِيبُ
Translation: พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูห์ และที่เราได้วะฮีย์แก่เจ้าก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮิม และมูซา และอีซาว่า พวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้คงมั่น และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตั้งภาคีที่เจ้าเรียกร้อง เชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนานั้น อัลลอฮ์ทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชี้แนะทางสู่พระองค์ผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์(11)
Comment: (11)คืออัลลอฮ์ทรงกำหนดบัญญัติศาสนาที่สะดวกง่ายดายแก่พวกเจ้า เสมือนกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่บรรดาร่อซูลและบรรดานบีที่มีชื่อเสียง เช่น นูห์ และมุฮัมมัด และอัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาแก่อิบราฮีม มูซา และอีซา บัญญัติศาสนาและฮุกุ่มต่าง ๆ จนกระทั่งพระองค์ทรงให้บัญญัติศาสนาต่าง ๆ เหล่านั้นสิ้ดสุดลงด้วยบัญญัติศาสนาของร่อซูล และนบีที่ดีที่สุด คือของนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พระองค์ทรงบัญชาแก่บรรดานบีที่มีความหนักแน่น และมั่นคงว่า พวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้มั่นคง ซึ่งพระองค์ทรงกำหนดไว้แก่พวกเจ้า อย่าทำลายและอย่าแตกแยกกันในเรื่องของศาสนา แต่มันเป็นเรื่องใหญ่และเป็นการลำบากแก่พวกมุชริกีน พวกกุฟฟารมักกะฮ์ที่จะยึดถือปฏิบัติเพราะเป็นการเรียกร้องไปสู่การเตาฮีด และพระองค์ทรงคัดเลือกผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์คือ ผู้ที่มีศรัทธาและมีความจงรักภักดีต่อพระองค์
42:14
وَمَا تَفَرَّقُوٓا۟ إِلَّا مِنۢ بَعْدِ مَا جَآءَهُمُ ٱلْعِلْمُ بَغْيًۢا بَيْنَهُمْ ۚ وَلَوْلَا كَلِمَةٌۭ سَبَقَتْ مِن رَّبِّكَ إِلَىٰٓ أَجَلٍۢ مُّسَمًّۭى لَّقُضِىَ بَيْنَهُمْ ۚ وَإِنَّ ٱلَّذِينَ أُورِثُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ مِنۢ بَعْدِهِمْ لَفِى شَكٍّۢ مِّنْهُ مُرِيبٍۢ
Translation: และพวกเขามิได้แตกแยกกันเว้นแต่หลังจากได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้ว ทั้งนี้เพราะความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง และหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจนถึงวาระที่กำหนดไว้แล้ว แน่นอน ก็จะในระหว่างพวกเขาถูกตัดสิน และแท้จริง บรรดาผู้ได้รับมรดก คัมภีร์นี้หลังจากพวกเขานั้น อยู่ในการสงสัยวุ่นวายเกี่ยวกับคัมภีร์นั้น(12)
Comment: (12)คือพวกยะฮูด นะศอรอ และอาหรับมิได้แตกแยกกัน เว้นแต่หลังจากได้มีหลักฐานและข้อพิสูจน์จากท่านนบีมายังพวกเขาแล้ว และหากอัลลอฮ์มิได้ทรงกำหนดผ่อนผันการลงโทษแก่พวกเขาไปจนกระทั่งวันกิยามะฮ์แล้ว พระองค์ก็จะทรงรีบเร่งการลงโทษพวกเขาในโลกดุนยานี้ พวกอะฮ์ลุลกิตาบที่เหลืออยู่ จนกระทั่งในสมัยของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮ์อะลัยฮิวะซัลลัม ก็ยังคงมีความสงสัยในคัมภีร์อัตเตารอฮ์ และอัลอินญีล เพราะพวกเขาได้เลียนแบบบรรพบุรุษของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน
42:15
فَلِذَٰلِكَ فَٱدْعُ ۖ وَٱسْتَقِمْ كَمَآ أُمِرْتَ ۖ وَلَا تَتَّبِعْ أَهْوَآءَهُمْ ۖ وَقُلْ ءَامَنتُ بِمَآ أَنزَلَ ٱللَّهُ مِن كِتَـٰبٍۢ ۖ وَأُمِرْتُ لِأَعْدِلَ بَيْنَكُمُ ۖ ٱللَّهُ رَبُّنَا وَرَبُّكُمْ ۖ لَنَآ أَعْمَـٰلُنَا وَلَكُمْ أَعْمَـٰلُكُمْ ۖ لَا حُجَّةَ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمُ ۖ ٱللَّهُ يَجْمَعُ بَيْنَنَا ۖ وَإِلَيْهِ ٱلْمَصِيرُ
Translation: ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมา และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม อัลลอฮ์คือ พระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน (การตอบแทน) การงานของฉันก็จะได้แก่ฉันและ (การตอบแทน) การงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ไม่มีการโต้แย้งใด ๆ ระหว่างพวกเรากับพวกท่าน อัลลอฮ์จะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด และยังพระองค์คือการกลับไป(13)
Comment: (13)อันเนื่องมาจากการแตกแยกระหว่างพวกอะฮ์ลุลกิตาบ เราจึงใช้ให้เจ้า (มุฮัมมัด) เรียกร้องมหาชนไปสู่ศาสนาอันเที่ยงธรรม ซึ่งเราได้เคยบัญชาแก่บรรดาร่อซูลก่อนเจ้า และเจ้าอย่าได้เชื่อฟังปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกมุชริกีนที่เชิญชวนเจ้าให้ละทิ้งการเรียกร้องไปสู่การเตาฮีด และจงกล่าวแก่พวกเขาว่า ฉันมีความเชื่อมั่นต่อคัมภีร์ทุกฉบับที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมาและพระเจ้าของฉันทรงบัญชาให้ฉันตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างพวกท่านด้วยความยุติธรรม อัลลอฮ์คือพระผู้ทรงบังเกิดพวกเราทั้งหมด เป็นผู้คอยควบคุมดูแลกิจการของพวกเรา ดังนั้นจำเป็นที่เราจะต้องเคารพอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เท่านั้น การตอบแทนการงานของเราก็จะได้แก่เรา และของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่านทั้งดีและชั่ว เราจะไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากความดีของพวกท่านและจะไม่ได้รับโทษจากความชั่วของพวกท่าน ไม่มีการโต้เถียงอันใดระหว่างเรากับท่านอีกแล้ว เพราะสัจธรรมได้ประจักษ์ขึ้นแล้ว
42:16
وَٱلَّذِينَ يُحَآجُّونَ فِى ٱللَّهِ مِنۢ بَعْدِ مَا ٱسْتُجِيبَ لَهُۥ حُجَّتُهُمْ دَاحِضَةٌ عِندَ رَبِّهِمْ وَعَلَيْهِمْ غَضَبٌۭ وَلَهُمْ عَذَابٌۭ شَدِيدٌ
Translation: ส่วนบรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับ(ศาสนาของ) อัลลอฮ์หลังจาก(ศาสนานั้น) ได้เป็นที่ยอมรับแล้ว การโต้แย้งของพวกเขาปราศจากเหตุผลในทัศนะของพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะได้รับความกริ้วโกรธ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส(14)
Comment: (14)คือโต้แย้งเพื่อให้มนุษย์หันห่างจากการศรัทธา หลังจากมนุษย์ได้ตอบรับและเข้าอยู่ในศาสนาของอัลลอฮ์แล้ว การโต้แย้งของพวกเขาไม่มีเหตุผล
42:17
ٱللَّهُ ٱلَّذِىٓ أَنزَلَ ٱلْكِتَـٰبَ بِٱلْحَقِّ وَٱلْمِيزَانَ ۗ وَمَا يُدْرِيكَ لَعَلَّ ٱلسَّاعَةَ قَرِيبٌۭ
Translation: อัลลอฮ์คือผู้ประทานคัมภีร์นี้ (อัลกุรอาน) ลงมาด้วยความจริงและทรงประทานความสมดุล และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ บางทียามอวสานนี้อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง(15)
Comment: (15)คือคัมภีร์อัลกุรอานนี้ และคัมภีร์อื่น ๆ ของพระองค์เพียบพร้อมด้วยความจริงและความเที่ยงธรรม และทรงประทานตราชู คือความสมดุล และความยุติธรรม คือยามอวสานนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้น จำเป็นแก่ผู้มีสติปัญญาจะต้องระมัดระวังและเตรียมตัวไว้
42:18
يَسْتَعْجِلُ بِهَا ٱلَّذِينَ لَا يُؤْمِنُونَ بِهَا ۖ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ مُشْفِقُونَ مِنْهَا وَيَعْلَمُونَ أَنَّهَا ٱلْحَقُّ ۗ أَلَآ إِنَّ ٱلَّذِينَ يُمَارُونَ فِى ٱلسَّاعَةِ لَفِى ضَلَـٰلٍۭ بَعِيدٍ
Translation: บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในเรื่องนี้เร่งเร้าจะให้เกิดขึ้น ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาก็มีความหวั่นกลัวในเรื่องยามอวสาน และพวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง พึงรู้เถิดว่าแท้จริงบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องยามอวสานนั้นอยู่ในการหลงผิดอันไกลลิบอย่างแน่นอน(16)
Comment: (16)คือพวกมุชริกีนที่ไม่ศรัทธาต่อวันกิยามัฮ์จะเร่งเร้าโดยกล่าวในเชิงเย้ยหยันว่า เมื่อใดจะเกิดขึ้น ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาต่อวันกิยามะฮ์มีความหวั่นกลัวว่า เมื่อใดจะเกิดขึ้น และพวกเขาตระหนักดีว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นบรรดาผู้ที่โต้ถียงในเรื่องนี้ย่อมอยู่ในการหลงทางห่างไกลจากความจริง
42:19
ٱللَّهُ لَطِيفٌۢ بِعِبَادِهِۦ يَرْزُقُ مَن يَشَآءُ ۖ وَهُوَ ٱلْقَوِىُّ ٱلْعَزِيزُ
Translation: อัลลอฮ์ทรงเอ็นดูต่อปวงบ่าวของพระองค์ ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ(17)
Comment: (17)อัลลอฮ์ทรงเอ็นดูต่อปวงบ่าวของพระองค์ทั้งคนดีและคนชั่ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทรยศต่อพระองค์ พระองค์ก็ยังคงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาและไม่ลงโทษพวกเขา ทรงให้ปัจจัยยังชีพกว้างขวางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
42:20
مَن كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ ٱلْـَٔاخِرَةِ نَزِدْ لَهُۥ فِى حَرْثِهِۦ ۖ وَمَن كَانَ يُرِيدُ حَرْثَ ٱلدُّنْيَا نُؤْتِهِۦ مِنْهَا وَمَا لَهُۥ فِى ٱلْـَٔاخِرَةِ مِن نَّصِيبٍ
Translation: ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของปรโลก เราจะเพิ่มผลตอบแทนของเขาแก่เขา และผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกดุนยา เราจะให้แก่เขาบางส่วนในสิ่งนั้น และสำหรับเขาจะไม่ได้ส่วนใดอีกในปรโลก(18)
Comment: (18)คือต้องการผลตอบแทนของโลกอาคิเราะฮ์ด้วยการกระทำของเขา เราจะเพิ่มผลตอบแทนที่ดีแก่เขาสิบเท่าหรือมากกว่านั้น และผู้ใดต้องการผลตอบแทนความสุขสำราญในโลกดุนยาด้วยการกระทำของเขา เราจะให้บางส่วนเท่านั้น ส่วนในโลกอาคิเราะฮ์เขาจะไม่ได้ส่วนแห่งการตอบแทนแต่อย่างใด
42:21
أَمْ لَهُمْ شُرَكَـٰٓؤُا۟ شَرَعُوا۟ لَهُم مِّنَ ٱلدِّينِ مَا لَمْ يَأْذَنۢ بِهِ ٱللَّهُ ۚ وَلَوْلَا كَلِمَةُ ٱلْفَصْلِ لَقُضِىَ بَيْنَهُمْ ۗ وَإِنَّ ٱلظَّـٰلِمِينَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌۭ
Translation: หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮ์มิได้ทรงอนุมัติและหากมิใช่ลิขิตแห่งการตัดสิน (ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว) ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดาผู้อธรรมสำหรับพวกเขาได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด(19)
Comment: (19)เป็นคำถามเพื่อยืนยันและปราม คือ หรือว่าพวกกุฟฟารเหล่านั้นมีภาคีที่เป็นชัยฏอนหรือพระเจ้าเป็นเจว็ด ได้บัญญัติให้แก่พวกเขาให้มีการตั้งภาคีและการทรยศ ซึ่งอัลลอฮ์มิได้ทรงอนุมัติให้แก่พวกเขา หากว่าอัลลอฮ์มิได้ทรงลิขิตไว้แต่ก่อนแล้วว่าการตอบแทนและการลงโทษจงมีขึ้นในวันกิยามะฮ์ พระองค์ก็จะทรงตัดสินระหว่างพวกกุฟฟารกับบรรดามุอ์มิน ด้วยการเร่งให้มีการลงโทษแก่ผู้อธรรม และตอบแทนความดีแก่ผู้ศรัทธา
42:22
تَرَى ٱلظَّـٰلِمِينَ مُشْفِقِينَ مِمَّا كَسَبُوا۟ وَهُوَ وَاقِعٌۢ بِهِمْ ۗ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ فِى رَوْضَاتِ ٱلْجَنَّاتِ ۖ لَهُم مَّا يَشَآءُونَ عِندَ رَبِّهِمْ ۚ ذَٰلِكَ هُوَ ٱلْفَضْلُ ٱلْكَبِيرُ
Translation: เจ้าจะเห็นบรรดาผู้อธรรมเป็นผู้หวั่นกลัว เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้และมันจะต้องเกิดขึ้นแก่พวกเขา(20) ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง ๆ จะอยู่ในอุทยานแห่งสวนสวรรค์ สำหรับพวกเขาจะได้สิ่งที่พวกเขาปรารถนา ณ ที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่(21)
Comment: (20)คือในวันกิยามะฮ์ เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในสภาพเช่นนั้น
Comment: (21)ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาที่เป็นคนดีจะได้อยู่ในสวนสวรรค์อย่างมีความสุขที่สุด พวกเขาปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ตามความปรารถนา ดังนั้นข้อแตกต่างระหว่างบุคคล 2 จำพวกจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์ ตะอาลา จึงกล่าวว่า นั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นความโปรดปรานเฉพาะบรรดาผู้ศรัทธา
42:23
ذَٰلِكَ ٱلَّذِى يُبَشِّرُ ٱللَّهُ عِبَادَهُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ ۗ قُل لَّآ أَسْـَٔلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا ٱلْمَوَدَّةَ فِى ٱلْقُرْبَىٰ ۗ وَمَن يَقْتَرِفْ حَسَنَةًۭ نَّزِدْ لَهُۥ فِيهَا حُسْنًا ۚ إِنَّ ٱللَّهَ غَفُورٌۭ شَكُورٌ
Translation: นั่นคือ (ความโปรดปราน) อัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง ๆ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติ และผู้ใดกระทำความดี เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงชื่นชม (เพราะการภักดีของพวกเขา)(22)
Comment: (22)ดังกล่าวนั้น อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ และปฏิบัติความดี ซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์และผ่านทางร่อซูลของพระองค์ เพื่อให้พวกเขาดีใจ และเพิ่มความคิดถึงที่จะพบกับพระองค์ มุฮัมมัดจงกล่าวแก่พวกมุชริกีนเถิดว่า ฉันมิได้ขอค่าจ้างหรือทรัพย์สินแต่อย่างใดในการเผยแผ่สาส์นนี้ เว้นแต่เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิแห่งการเป็นเครือญาติ และพวกท่านอย่าได้ทำร้ายฉันจนกว่าฉันจะได้ทำหน้าที่ของฉันอย่างเรียบร้อย
42:24
أَمْ يَقُولُونَ ٱفْتَرَىٰ عَلَى ٱللَّهِ كَذِبًۭا ۖ فَإِن يَشَإِ ٱللَّهُ يَخْتِمْ عَلَىٰ قَلْبِكَ ۗ وَيَمْحُ ٱللَّهُ ٱلْبَـٰطِلَ وَيُحِقُّ ٱلْحَقَّ بِكَلِمَـٰتِهِۦٓ ۚ إِنَّهُۥ عَلِيمٌۢ بِذَاتِ ٱلصُّدُورِ
Translation: หรือพวกเขากล่าวว่า เขา(มุฮัมมัด) ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ดังนั้นหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงผนึกหัวใจเจ้าก็ได้ และอัลลอฮ์ทรงขจัดความเท็จให้หมดไป และทรงยืนยันความจริงด้วยคำกล่าวของพระองค์ (อัลกุรอาน) แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก(23)
Comment: (23)หรือพวกกุฟฟารกุเรช กล่าวว่า มุฮัมมัดอุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ โดยกล่าวอ้างว่าอัลกุรอานเป็นดำรัสของอัลลอฮ์ และเป็นวะฮีย์ของพระองค์ หากมุฮัมมัดได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์จริง พระองค์จะทรงผนึกบนหัวใจของเขาโดยให้ลืมอัลกุรอานที่อยู่ในทรวงอกของเขา และทรงให้ความเท็จสูญหาย และทรงให้ความจริงยืนหยัด และชัดแจ้งด้วยพระดำรัสของพระองค์คืออัลกุรอาน
42:25
وَهُوَ ٱلَّذِى يَقْبَلُ ٱلتَّوْبَةَ عَنْ عِبَادِهِۦ وَيَعْفُوا۟ عَنِ ٱلسَّيِّـَٔاتِ وَيَعْلَمُ مَا تَفْعَلُونَ
Translation: และพระองค์คือผู้ทรงรับการขออภัยโทษจากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงอภัยจากความผิดทั้งหลายและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ(24)
Comment: (24)นี่คือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์ คือ ทรงรับการกลับเนื้อกลับตัวของบ่าวของพระองค์ ถ้าหากเขายอมสารภาพด้วยความจริงใจและจะไม่กลับไปประพฤติผิดอีก
42:26
وَيَسْتَجِيبُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ وَيَزِيدُهُم مِّن فَضْلِهِۦ ۚ وَٱلْكَـٰفِرُونَ لَهُمْ عَذَابٌۭ شَدِيدٌۭ
Translation: และพระองค์ทรงตอบรับ(การวิงวอน) ของบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขากระทำความดีทั้งหลาย และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนจากความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส(25)
Comment: (25)อัลลอฮ์ทรงตอบรับการวิงวอนของบรรดามุอ์มินที่ปฏิบัติความดี และพระองค์จะทรงเพิ่มความดีให้แก่พวกเขาอีก นอกเหนือไปจากที่พวกเขาวิงวอน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดในนรกญะฮันนัม
42:27
۞ وَلَوْ بَسَطَ ٱللَّهُ ٱلرِّزْقَ لِعِبَادِهِۦ لَبَغَوْا۟ فِى ٱلْأَرْضِ وَلَـٰكِن يُنَزِّلُ بِقَدَرٍۢ مَّا يَشَآءُ ۚ إِنَّهُۥ بِعِبَادِهِۦ خَبِيرٌۢ بَصِيرٌۭ
Translation: และหากอัลลอฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างกว้างขวางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ แน่นอนพวกเขาก็จะก่อความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ทรงประทานให้ตามปริมาณที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักรู้ ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์(26)
Comment: (26)อิบนฺกะซีรกล่าวว่า หากพระองค์ทรงประทานริซกีให้แก่พวกเขาเกินกว่าความต้องการแล้ว ก็จะทำให้พวกเขาแสดงความเกรี้ยวกราดและอวดดีอวดเด่นซึ่งกันและกัน แต่อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงประทานริซกีให้แก่ปวงบ่าวให้เป็นไปตามฮิกมะฮ์และผลประโยชน์โดยทั่วไป
42:28
وَهُوَ ٱلَّذِى يُنَزِّلُ ٱلْغَيْثَ مِنۢ بَعْدِ مَا قَنَطُوا۟ وَيَنشُرُ رَحْمَتَهُۥ ۚ وَهُوَ ٱلْوَلِىُّ ٱلْحَمِيدُ
Translation: และพระองค์คือผู้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาหลังจากที่พวกเขาหมดหวังกันแล้ว และพระองค์ทรงแผ่กระจายพระเมตตาของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครอง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ(27)
Comment: (27)พระองค์ทรงประทานน้ำฝนลงมาให้แก่พวกเขาหลังจากความแห้งแล้ง และพวกเขาพากันหมดหวังแล้ว และทรงประทานความจำเริญ และความดีต่าง ๆ แก่ปวงบ่าว
42:29
وَمِنْ ءَايَـٰتِهِۦ خَلْقُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ وَمَا بَثَّ فِيهِمَا مِن دَآبَّةٍۢ ۚ وَهُوَ عَلَىٰ جَمْعِهِمْ إِذَا يَشَآءُ قَدِيرٌۭ
Translation: และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่พระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองนั้นแก่สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายและพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงประสงค์(28)
Comment: (28)คือส่วนหนึ่งจากหลักฐานที่แสดงถึงเดชานุภาพของพระองค์ และความประหลาดแห่งปรัชญาของพระองค์ที่บ่งชี้ถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์ คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในรูปแบบอันสวยงามเช่นนี้ และทรงให้สิ่งที่ถูกบังเกิดมาทั้งหลาย เช่น มลาอิกะฮ์ มนุษย์ ญิน และสัตว์นานชนิดแพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง และพระองค์ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมสิ่งที่ถูกสร้างมาเหล่านี้ให้ไปชุมนุมกันเพื่อการชำระสอบสวนและการตอบแทนตามเวลาที่พระองค์ทรงประสงค์
42:30
وَمَآ أَصَـٰبَكُم مِّن مُّصِيبَةٍۢ فَبِمَا كَسَبَتْ أَيْدِيكُمْ وَيَعْفُوا۟ عَن كَثِيرٍۢ
Translation: และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว(29)
Comment: (29)โอ้มนุษย์เอ๋ย เคราะห์กรรมที่ประสบแก่พวกเจ้าทั้งชีวิต และทรัพย์สินก็ดี ก็เนื่องมากจากการฝ่าฝืนข้อบัญญัติที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ และพระองค์ทรงอภัยความผิดอย่างมากมายให้แก่พวกเจ้า โดยที่พระองค์ไม่ทรงลงโทษ มิฉะนั้นแล้วพวกเจ้าก็จะประสบความหายนะอยู่ร่ำไป
42:31
وَمَآ أَنتُم بِمُعْجِزِينَ فِى ٱلْأَرْضِ ۖ وَمَا لَكُم مِّن دُونِ ٱللَّهِ مِن وَلِىٍّۢ وَلَا نَصِيرٍۢ
Translation: และพวกเจ้าไม่สามารถจะหนีรอดไปได้ในแผ่นดินนี้ และอื่นจากอัลลอฮ์สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ(30)
Comment: (30)โอ้พวกมุชริกีนเอ๋ย พวกเจ้าจะไม่รอดพ้นไปจากการลงโทษของอัลลอฮ์ไปได้หรอก และพวกเจ้าก็ไม่สามารถที่จะหนีไปจากกฎสภาวะของพระองค์ และจะมีใครที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของพวกเจ้า และช่วยเหลือพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์ไปได้
42:32
وَمِنْ ءَايَـٰتِهِ ٱلْجَوَارِ فِى ٱلْبَحْرِ كَٱلْأَعْلَـٰمِ
Translation: และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือมีนาวาทั้งหลายเดินราบเรียบอยู่ในท้องทะเลเยี่ยงภูเขา
42:33
إِن يَشَأْ يُسْكِنِ ٱلرِّيحَ فَيَظْلَلْنَ رَوَاكِدَ عَلَىٰ ظَهْرِهِۦٓ ۚ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَـَٔايَـٰتٍۢ لِّكُلِّ صَبَّارٍۢ شَكُورٍ
Translation: ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงให้ลมหยุดนิ่งแล้วมัน (นาวานั้น) ก็จะหยุดลอยนิ่งอยู่ในท้องทะเลนั้น แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทน ผู้ขอบคุณทุกคน(31)
Comment: (31)ส่วนหนึ่งจากหลักฐานที่แสดงถึงเดชานุภาพและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ คือ ให้นาวาน้อยใหญ่เดินอยู่ในท้องทะเลเยี่ยงภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแผ่นดิน ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ก็จะให้ลมหยุดนิ่งแล้วนาวาเหล่านั้นก็จะหยุดนิ่งอยู่ในท้องทะเลนั้น ไม่สามารถจะเดินทางต่อไปได้ ในการกระทำของพระองค์เช่นนี้ย่อมเป็นบทเรียนแก่มุอ์มินทุกคนที่มีความอดทนต่อความทุกข์ยาก และมุอ์มินทุกคนที่มีความอดทนต่อความทุกข์ยาก และมุอ์มินทุกคนผู้ขอบคุณต่อพระองค์ในยามที่มีความสุข
42:34
أَوْ يُوبِقْهُنَّ بِمَا كَسَبُوا۟ وَيَعْفُ عَن كَثِيرٍۢ
Translation: หรือพระองค์จะทรงทำให้มัน (นาวานั้น) อับปางลงก็ได้ เนื่องด้วย (ความชั่ว) ที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้ และพระองค์ทรงอภัย(ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว(32)
Comment: (32)หรือหากพระองค์ทรงประสงค์ก็จะทำให้เกิดลมพายุ แล้วจะทำให้นาวาเหล่านั้นอับปางลงอันเนื่องมาจากการกระทำความชั่วของพวกเขา แต่พระองค์ทรงอภัยในความผิดให้แก่พวกเขามากต่อมากแล้ว
42:35
وَيَعْلَمَ ٱلَّذِينَ يُجَـٰدِلُونَ فِىٓ ءَايَـٰتِنَا مَا لَهُم مِّن مَّحِيصٍۢ
Translation: และเพื่อให้บรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเราจะได้รู้ว่า สำหรับพวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้(33)
Comment: (33)เพื่อให้พวกกุฟฟารที่ชอบโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮ์ ด้วยความเท็จได้รู้ว่า ไม่มีทางหนีและทางรอดสำหรับพวกเขาจากการลงโทษของอัลลอฮ์
42:36
فَمَآ أُوتِيتُم مِّن شَىْءٍۢ فَمَتَـٰعُ ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا ۖ وَمَا عِندَ ٱللَّهِ خَيْرٌۭ وَأَبْقَىٰ لِلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَلَىٰ رَبِّهِمْ يَتَوَكَّلُونَ
Translation: และสิ่งใดที่พวกเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงการสนุกสนานเพลิดเพลินแห่งชีวิตของโลกนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮ์นั้น ดีกว่าและจีรังกว่า สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและพวกเขามอบหมายไว้วางใจแด่พระผู้อภิบาลของพวกเขา
42:37
وَٱلَّذِينَ يَجْتَنِبُونَ كَبَـٰٓئِرَ ٱلْإِثْمِ وَٱلْفَوَٰحِشَ وَإِذَا مَا غَضِبُوا۟ هُمْ يَغْفِرُونَ
Translation: และบรรดาผู้ที่หลีกเลี่ยงการทำบาปใหญ่และการทำลามก และเมื่อพวกเขาโกรธพวกเขาก็อภัยให้(34)
Comment: (34)โอ้มนุษย์เอ๋ย สิ่งที่พวกเจ้าได้รับเช่นความสุขสำราญในโลกดุนยา และความกว้างในริซกีนั้น มันเป็นความสุขสำราญที่สูญสลาย ที่พวกเจ้าจะได้รับเป็นการชั่วคราว ขณะที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น ส่วนสิ่งที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮ์นั้น ยั่งยืนดียิ่งกว่าเพราะความสุขในโลกอาคิเราะฮ์นั้นยั่งยืนตลอดไปสำหรับผู้ที่ความเชื่อมั่นต่ออัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ มีความอดทนต่อการผินหลังให้ความสุขของโลกดุนยาตลอดจนยึดมั่นต่ออัลลอฮ์องค์เดียวในทุกกิจการ และบรรดามุอ์มินที่หลีกเลี่ยงการทำบาปใหญ่เช่นการทำชิริก การฆ่า การอกตัญญูต่อบิดามารดาและการทำซินา และเมื่อพวกเขาโกรธต่อผู้ที่ทำร้ายเขา พวกเขาก็อภัยให้
42:38
وَٱلَّذِينَ ٱسْتَجَابُوا۟ لِرَبِّهِمْ وَأَقَامُوا۟ ٱلصَّلَوٰةَ وَأَمْرُهُمْ شُورَىٰ بَيْنَهُمْ وَمِمَّا رَزَقْنَـٰهُمْ يُنفِقُونَ
Translation: และบรรดาผู้ตอบรับต่อพระเจ้าของพวกเขาและดำรงละหมาด และกิจการของพวกเขามีการปรึกษาหารือระหว่างพวกเขาและเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เครื่องปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา(35)
Comment: (35)อัลบัยฏอวีย์กล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาเพราะชาวอันศอร เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การศรัทธา พวกเขาก็ตอบรับปฏิบัติและหมาดครบถ้วนตามเงื่อนไขและรักษาเวลา ปรึกษาหารือกันในเรื่องของดุนยาและศาสนา และบริจาคในสิ่งที่อัลลอฮ์ประทานมาให้แก่พวกเขาไปในทางของอัลลอฮ์
42:39
وَٱلَّذِينَ إِذَآ أَصَابَهُمُ ٱلْبَغْىُ هُمْ يَنتَصِرُونَ
Translation: และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความยุติธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน(36)
Comment: (36)คือแก้แค้นแก่ผู้ที่ทำร้ายพวกเขาและไม่ยอมจำนนต่อการข่มเหงของผู้ทำร้าย
42:40
وَجَزَٰٓؤُا۟ سَيِّئَةٍۢ سَيِّئَةٌۭ مِّثْلُهَا ۖ فَمَنْ عَفَا وَأَصْلَحَ فَأَجْرُهُۥ عَلَى ٱللَّهِ ۚ إِنَّهُۥ لَا يُحِبُّ ٱلظَّـٰلِمِينَ
Translation: และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วเยี่ยงมัน แต่ผู้ใดอภัย และไกล่เกลี่ยคืนดีกันรางวัลตอบแทนของเขาอยู่ที่อัลลอฮ์แท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้อธรรม(37)
Comment: (37)คือการตอบแทนการทำร้ายด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ถูกข่มเหงอย่างเท่าเทียมและไม่เกินเลย แต่ถ้าผู้ใดอภัยให้แก่ผู้ข่มเหงและไกล่เกลี่ยคืนดีกัน อัลลอฮ์ก็จะตอบแทนความดีให้แก่เขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเกลียดผู้ที่เริ่มด้วยการอธรรม และเป็นผู้ทำร้ายเพื่อแก้แค้น
42:41
وَلَمَنِ ٱنتَصَرَ بَعْدَ ظُلْمِهِۦ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ مَا عَلَيْهِم مِّن سَبِيلٍ
Translation: แต่ถ้าผู้ใดแก้แค้นตอบแทนหลังจากได้รับความอธรรม ชนเหล่านั้นจะไม่มีทางตำหนิแก่พวกเขา(38)
Comment: (38)แต่ถ้าผู้ใดช่วยเหลือผู้ที่ถูกข่มเหงโดยปราศจากการทำร้าย ก็จะไม่เกิดโทษแก่พวกเขา และจะไม่ถูกตำหนิ เพราะพวกเขากระทำในสิ่งที่ได้รับอนุมัติให้กระทำ
42:42
إِنَّمَا ٱلسَّبِيلُ عَلَى ٱلَّذِينَ يَظْلِمُونَ ٱلنَّاسَ وَيَبْغُونَ فِى ٱلْأَرْضِ بِغَيْرِ ٱلْحَقِّ ۚ أُو۟لَـٰٓئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌۭ
Translation: ส่วนที่จะเกิดโทษนั้นได้แก่บรรดาผู้ที่อธรรมต่อมนุษย์ และก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดินโดยปราศจากความเป็นธรรม ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด(39)
Comment: (39)แต่ทว่าการลงโทษ และการเอาผิดจะได้แก่บรรดาผู้ทำร้ายมนุษย์ด้วยความอธรรม และก่อความเสียหายในแผ่นดินด้วยการทำร้ายเพื่อนมนุษย์ในทางชีวิตและทรัพย์สิน
42:43
وَلَمَن صَبَرَ وَغَفَرَ إِنَّ ذَٰلِكَ لَمِنْ عَزْمِ ٱلْأُمُورِ
Translation: และแน่นอนผู้ที่อดทนและให้อภัย แท้จริงนั่นคือ ส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง(40)
Comment: (40)และสำหรับผู้ที่อดทนต่อการทำร้าย และให้อภัยเพื่อพระพักตร์ของอัลลอฮ์ เพราะการอดทนและการให้อภัยนั้น เป็นกิจการที่น่าสรรเสริญ ซึ่งอัลลอฮ์ทรงใช้ให้กระทำ
42:44
وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَمَا لَهُۥ مِن وَلِىٍّۢ مِّنۢ بَعْدِهِۦ ۗ وَتَرَى ٱلظَّـٰلِمِينَ لَمَّا رَأَوُا۟ ٱلْعَذَابَ يَقُولُونَ هَلْ إِلَىٰ مَرَدٍّۢ مِّن سَبِيلٍۢ
Translation: และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองภายหลังจากพระองค์และเจ้าจะเห็นบรรดาผู้อธรรมเมื่อพวกเขามองเห็นการลงโทษ พวกเขาจะกล่าวว่า มีทางบ้างไหมที่จะกลับไป (ยังโลกดุนยา)(41)
Comment: (41)และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทางก็จะไม่มีผู้ช่วยเหลือหรือผู้ชี้แนะไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง และเจ้าจะเห็นพวกปฏิเสธศรัทธา ขณะที่พวกเขามองเห็นการลงโทษในนรกญะฮันนัม พวกเขาจะขอร้องให้นำกลับไปยังโลกดุนยาเพื่อกระทำความดีด้วยการจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา
42:45
وَتَرَىٰهُمْ يُعْرَضُونَ عَلَيْهَا خَـٰشِعِينَ مِنَ ٱلذُّلِّ يَنظُرُونَ مِن طَرْفٍ خَفِىٍّۢ ۗ وَقَالَ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ إِنَّ ٱلْخَـٰسِرِينَ ٱلَّذِينَ خَسِرُوٓا۟ أَنفُسَهُمْ وَأَهْلِيهِمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۗ أَلَآ إِنَّ ٱلظَّـٰلِمِينَ فِى عَذَابٍۢ مُّقِيمٍۢ
Translation: และเจ้าจะเห็นพวกเขาถูกนำมาข้างหน้าไฟนรก พวกเขาจะก้มตัวลงอย่างน่าสังเวชมองดูอย่างหลบสายตา และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกที่ขาดทุนคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาให้เสียหายยับเยินในวันกิยามะฮ์ พึงทราบเถิด แท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นอยู่ในการลงโทษอันถาวร(42)
Comment: (42)เจ้าจะเห็นพวกมุชริกีนเหล่านั้นเมื่อถูกนำมาข้างหน้าไฟนรก พวกเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าหวาดกลัวน่าสังเวช พวกเขาจะมองดูอย่างหลบสายตาคือ ไม่กล้ามองอย่างเต็มตา ขณะนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า บรรดาผู้ที่ขาดทุนอย่างแท้จริงคือผู้ที่ทำตัวของเขาเอง และครอบครัวของเขาให้เสียหายยับเยินในวันกิยามะฮ์ด้วยการเข้าไปอยู่ในนรกญะฮันนัมตลอดไป
42:46
وَمَا كَانَ لَهُم مِّنْ أَوْلِيَآءَ يَنصُرُونَهُم مِّن دُونِ ٱللَّهِ ۗ وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَمَا لَهُۥ مِن سَبِيلٍ
Translation: และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขานอกจากอัลลอฮ์และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง เขาผู้นั้นก็จะไม่มีทาง (ไปสู่การฮิดายะฮ์ได้)(43)
Comment: (43)คือจะไม่มีผู้ใดให้ความคุ้มครอง หรือช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้ตามที่พวกเขาได้ตั้งความหวังเอาไว้ในโลกดุนยา
42:47
ٱسْتَجِيبُوا۟ لِرَبِّكُم مِّن قَبْلِ أَن يَأْتِىَ يَوْمٌۭ لَّا مَرَدَّ لَهُۥ مِنَ ٱللَّهِ ۚ مَا لَكُم مِّن مَّلْجَإٍۢ يَوْمَئِذٍۢ وَمَا لَكُم مِّن نَّكِيرٍۢ
Translation: จงตอบรับการเรียกร้องของพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปจากอัลลอฮ์ได้ และในวันนั้นสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีที่พักพิง และพวกเจ้าก็จะไม่มีทางปฏิเสธด้วย(44)
Comment: (44)โอ้มนุษย์เอ๋ย จงตอบรับสิ่งที่พระเจ้าของพวกเจ้าเรียกร้องไปสู่การศรัทธา และการจงรักภักดีเถิด ก่อนที่วันอันน่าสะพรึงกลัวจะมาถึง ซึ่งจะไม่มีผู้ใดสามารถจะหลบหลีกไปได้ และพวกเจ้าก็จะไม่มีทางหนีเพื่อไปหาที่พึ่ง ณ ที่แห่งใดได้
42:48
فَإِنْ أَعْرَضُوا۟ فَمَآ أَرْسَلْنَـٰكَ عَلَيْهِمْ حَفِيظًا ۖ إِنْ عَلَيْكَ إِلَّا ٱلْبَلَـٰغُ ۗ وَإِنَّآ إِذَآ أَذَقْنَا ٱلْإِنسَـٰنَ مِنَّا رَحْمَةًۭ فَرِحَ بِهَا ۖ وَإِن تُصِبْهُمْ سَيِّئَةٌۢ بِمَا قَدَّمَتْ أَيْدِيهِمْ فَإِنَّ ٱلْإِنسَـٰنَ كَفُورٌۭ
Translation: แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ (ไม่ยอมรับการเรียกร้อง) ดังนั้นเรามิได้ส่งเจ้ามายังพวกเขาเพื่อเป็นผู้คุ้มกันรักษา หน้าที่ของเจ้ามิใช่อื่นใดนอกจากการเผยแผ่เท่านั้น และแท้จริง ถ้าเราจะให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเรา เขาก็จะยินดีปรีดาต่อความเมตตานั้น และหากเคราะห์กรรมประสบแก่พวกเขา เนื่องจากน้ำมือของพวกเขาได้ประกอบเอาไว้ ดังนั้นแน่นอนมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ(45)
Comment: (45)คือถ้าหากพวกมุชริกีนผินหลังให้กับการศรัทธาและไม่ยอมรับการฮิดายะฮ์แล้ว ดังนั้นเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่อทำหน้าที่ควบคุมการกระทำของพวกเขา แต่หน้าที่อันแท้จริงของเจ้าคือเผยแผ่สาส์นของพระเจ้าของเจ้า แท้จริง เมื่อเราให้เกียรติแก่มนุษย์โดยให้ความโปรดปราน เช่น การมีสุขภาพดี มีฐานะร่ำรวย มีความปลอดภัย พวกเขาก็จะมีความสุขใจ และหยิ่งยโส และเมื่อเคราะห์กรรมประสบแก่พวกเขา อันเนื่องมาจากการทำบาปของพวกเขา พวกเขาก็จะเนรคุณและดื้อรั้น
42:49
لِّلَّهِ مُلْكُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۚ يَخْلُقُ مَا يَشَآءُ ۚ يَهَبُ لِمَن يَشَآءُ إِنَـٰثًۭا وَيَهَبُ لِمَن يَشَآءُ ٱلذُّكُورَ
Translation: อำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานลูกหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานลูกชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์(46)
Comment: (46)ความหมายของอายะฮ์ก็คือ มนุษย์นั้นอย่าได้เข้าใจผิดในสิ่งที่เขากำลังครอบครองอยู่ เช่น ทรัพย์สิน และชื่อเสียง พึงรู้เถิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์แต่องค์เดียว การควบคุมดูแลกิจการต่าง ๆ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เท่านั้น ทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงประทานบุตรหญิงหรือบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
42:50
أَوْ يُزَوِّجُهُمْ ذُكْرَانًۭا وَإِنَـٰثًۭا ۖ وَيَجْعَلُ مَن يَشَآءُ عَقِيمًا ۚ إِنَّهُۥ عَلِيمٌۭ قَدِيرٌۭ
Translation: หรือพระองค์ทรงประทานรวมให้แก่พวกเขาทั้งหลายลูกชายและลูกหญิง และพระองค์ทำให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอนุภาพ(47)
Comment: (47)และพระองค์ทรงประทานทั้งบุตรชายและบุตรหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน และทรงทำให้สามีบางคนเป็นหมันและภริยาบางคนเป็นหมันตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงรอบรู้และทรงอานุภาพ ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์และฮิกมะฮ์
42:51
۞ وَمَا كَانَ لِبَشَرٍ أَن يُكَلِّمَهُ ٱللَّهُ إِلَّا وَحْيًا أَوْ مِن وَرَآئِ حِجَابٍ أَوْ يُرْسِلَ رَسُولًۭا فَيُوحِىَ بِإِذْنِهِۦ مَا يَشَآءُ ۚ إِنَّهُۥ عَلِىٌّ حَكِيمٌۭ
Translation: และไม่เป็นการบังควรแก่มนุษย์คนใดที่จะให้อัลลอฮ์ตรัสแก่เขาเว้นแต่โดยทางวะฮีย์ หรือโดยทางเบื้องหลังม่าน หรือโดยที่พระองค์จะส่งทูตมา แล้วเขา (มะลัก) ก็จะนำวะฮีย์มาตามที่พระองค์ทรงประสงค์โดยบัญชาของพระองค์ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงปรีชาญาณ(48)
Comment: (48)ในอายะฮ์นี้ อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงชี้แจงว่าพระองค์ตรัสแก่บ่าวของพระองค์ 3 วิธีด้วยกันคือ 1.การวะฮีย์โดยทางดลใจหรือทางฝัน วิธีการนี้สำหรับบรรดานบีและบรรดาวะลีย์ 2.ให้ได้ยินคำตรัสเบื้องหลังม่าน วิธีการนี้ สำหรับนบีมูซาและนบีมุฮัมมัดโดยพระองค์ทรงตรัสกับท่านในคืนอัลอิสรออ์ 3.การวะฮีย์โดยผ่านทางมะลัก วิธีนี้สำหรับบรรดานบี
42:52
وَكَذَٰلِكَ أَوْحَيْنَآ إِلَيْكَ رُوحًۭا مِّنْ أَمْرِنَا ۚ مَا كُنتَ تَدْرِى مَا ٱلْكِتَـٰبُ وَلَا ٱلْإِيمَـٰنُ وَلَـٰكِن جَعَلْنَـٰهُ نُورًۭا نَّهْدِى بِهِۦ مَن نَّشَآءُ مِنْ عِبَادِنَا ۚ وَإِنَّكَ لَتَهْدِىٓ إِلَىٰ صِرَٰطٍۢ مُّسْتَقِيمٍۢ
Translation: และเช่นนั้นแหละเราได้วะฮีย์อัลกุรอาน แก่เจ้าตามบัญชาของเรา เจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือคัมภีร์ และอะไรคือการศรัทธาแต่ว่าเราได้ทำให้อัลกุรอานเป็นแสงสว่างเพื่อชี้แนะทางแก่ผู้ที่เราประสงค์จากปวงบ่าวของเรา และแท้จริงเจ้านั้น จะได้รับการชี้แนะสู่ทางอันเที่ยงธรรมอย่างแน่นอน(49)
Comment: (49)ดังที่เราได้เคยวะฮีย์ให้แก่บรรดานบีก่อนเจ้า เช่นเดียวกันเราได้วะฮีย์อัลกุรอานแก่เจ้า ซึ่งครอบคลุมทั้งข้อใช้ ข้อห้าม สัญญาดีและสัญญาร้าย และเจ้าไม่เคยรู้มาก่อนการวะฮีย์เลยว่า อัลกุรอานคืออะไร? และไม่เคยรู้มาก่อนถึงบทบัญญัติแห่งการอีมาน ทั้งคำพูดและการปฏิบัติ แต่เราได้ทำให้อัลกุรอานนี้เป็นแสงสว่างเป็นดวงประทีปเพื่อที่จะชี้แนะทางแก่ปวงบ่าวของเราที่มีความยำเกรง และเจ้าจะได้รับการชี้แนะไปสู่ศาสนาอิสลาม
42:53
صِرَٰطِ ٱللَّهِ ٱلَّذِى لَهُۥ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۗ أَلَآ إِلَى ٱللَّهِ تَصِيرُ ٱلْأُمُورُ
Translation: ทางของอัลลอฮ์ซึ่งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ พึงทราบเถิดกิจการทั้งหลายย่อมไปสู่อัลลอฮ์(50)
Comment: (50)คือศาสนาของอัลลอฮ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่เที่ยงตรงไม่คดเคี้ยว ทุกๆ สิ่งที่อยู่ในจักรวาลนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทั้งการสร้างการเป็นกรรมสิทธิ์และการครอบครอง ทางกลับของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปสู่พระองค์ ทรงชี้ขาดกิจการของปวงบ่าวด้วยการตัดสินที่ยุติธรรม