سورة الزمر

Az-Zumar

The Groups


meccan   .   75 Ayahs

بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَـٰنِ ٱلرَّحِيمِ


39:1

تَنزِيلُ ٱلْكِتَـٰبِ مِنَ ٱللَّهِ ٱلْعَزِيزِ ٱلْحَكِيمِ

Translation: คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ(1)

Comment: (1)อัลกุรอานที่ถูกประทานมาจากอัลลอฮ์ พระผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความปรีชาญาณ

39:2

إِنَّآ أَنزَلْنَآ إِلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ بِٱلْحَقِّ فَٱعْبُدِ ٱللَّهَ مُخْلِصًۭا لَّهُ ٱلدِّينَ

Translation: แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์(2)

Comment: (2)เราได้ประทานอัลกุรอานนี้แก่เจ้า ซึ่งประมวลไว้ด้วยสัจธรรมปราศจากการสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น และข้อเท็จจริงที่ไม่มีความเท็จหรือสิ่งไร้สาระเจือปนอยู่เลย ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีอัลลอฮ์ต่อพระองค์เดียวในการอิบาดะฮ์ของเจ้าและอย่าให้การกระทำของเจ้าและเจตนารมณ์ของเจ้ามุ่งไปสู่ผู้อื่นนอกจากพระผู้อภิบาลของเจ้า

39:3

أَلَا لِلَّهِ ٱلدِّينُ ٱلْخَالِصُ ۚ وَٱلَّذِينَ ٱتَّخَذُوا۟ مِن دُونِهِۦٓ أَوْلِيَآءَ مَا نَعْبُدُهُمْ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَآ إِلَى ٱللَّهِ زُلْفَىٰٓ إِنَّ ٱللَّهَ يَحْكُمُ بَيْنَهُمْ فِى مَا هُمْ فِيهِ يَخْتَلِفُونَ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَهْدِى مَنْ هُوَ كَـٰذِبٌۭ كَفَّارٌۭ

Translation: พึงทราบเถิด การอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียว(3) ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์(4) แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ(5)

Comment: (3)โอ้มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย! แท้จริงอัลลอฮ์ ตะอาลา จะไม่ทรงรับการงานใด ๆ เว้นแต่สิ่งนั้นจะกระทำไปโดยบริสุทธิ์ใจ หวังในพระพักตร์ของพระองค์เท่านั้น

Comment: (4)อัศศอวีย์กล่าวว่า เมื่อมีการกล่าวแก่พวกมุชริกีนว่า ใครเป็นผู้สร้างพวกท่าน? ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และใครคือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของปู่ย่าตายายของพวกท่าน? พวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮ์” แล้วพวกเขาจะถูกถามอีกว่าแล้วทำไมพวกท่านจึงสักการะบูชาเจว็ดต่างๆ เล่า? พวกเขาก็จะตอบว่า เพื่อทำให้เราใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ และขอความช่วยเหลือแก่เรา ณ ที่พระองค์

Comment: (5)ในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะทรงตัดสินในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องของศาสนา จะทรงให้บรรดามุอ์มินเข้าสวรรค์ และพวกปฏิเสธศรัทธาเข้านรก พระองค์จะไม่ทรงชี้นำทาง และชี้แนะศาสนาที่ถูกต้องแก่ผู้ที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้าของเขา และผู้ปฏิเสธศรัทธาที่ไม่สำนึกบุญคุณต่อพระองค์

39:4

لَّوْ أَرَادَ ٱللَّهُ أَن يَتَّخِذَ وَلَدًۭا لَّٱصْطَفَىٰ مِمَّا يَخْلُقُ مَا يَشَآءُ ۚ سُبْحَـٰنَهُۥ ۖ هُوَ ٱللَّهُ ٱلْوَٰحِدُ ٱلْقَهَّارُ

Translation: หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะมีพระโอรส แน่นอนพระองค์จะทรงเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิต(6)

Comment: (6)ในหนังสือ التسهيل لعلوم التنزيل กล่าวไว้ว่า อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงให้ความบริสุทธิ์แก่ตัวของพระองค์เอง จากการมีพระบุตร และทรงกล่าวถึงตัวพระองค์เองว่าเป็นผู้ทรงเอกะ เพราะความเป็นเอกะย่อมขัดกับการมีพระบุตร และหากว่าพระองค์จะมีพระบุตรก็จะมาจากประเภทเดียวกับพระองค์ พระองค์ไม่มีประเภท เพราะพระองค์ทรงเอกะ และทรงกล่าวถึงพระองค์เองว่าเป็นผู้ทรงพิชิตเป็นการแสดงถึงการปฏิเสธสิ่งที่เป็นคู่เคียงกับพระองค์ เพราะทุกสิ่งย่อมถูกพิชิตภายใต้การพิชิตของพระองค์ ดังนั้น สิ่งนั้นย่อมจะคู่เคียงกับพระองค์ไม่ได้

39:5

خَلَقَ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضَ بِٱلْحَقِّ ۖ يُكَوِّرُ ٱلَّيْلَ عَلَى ٱلنَّهَارِ وَيُكَوِّرُ ٱلنَّهَارَ عَلَى ٱلَّيْلِ ۖ وَسَخَّرَ ٱلشَّمْسَ وَٱلْقَمَرَ ۖ كُلٌّۭ يَجْرِى لِأَجَلٍۢ مُّسَمًّى ۗ أَلَا هُوَ ٱلْعَزِيزُ ٱلْغَفَّـٰرُ

Translation: พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง(7) พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน(8) และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์(เป็นประโยชน์แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมาก(9)

Comment: (7)ทรงสร้างมันทั้งสองอย่างสมบูรณ์แบบ และลักษณะที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ด้วยความจริงที่ชัดแจ้งและหลักฐานอันแจ่มชัด

Comment: (8)อัลกุรฏบีย์กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขาว่า “คือทรงให้กลางคืนแผ่คลุมเข้าไปในกลางวันจนกระทั่งแสงของมันหายไปและกลางวันแผ่คลุมเข้าไปในกลางคืน จนกระทั่งความมืดหายไป ซึ่งตรงกับคำอธิบายของกอตาดะฮ์ ในความหมายแห่งคำกล่าวของอัลลอฮ์ ตะอาลาที่ว่า يغشى الليل والنهار يطلبه حشيشا “พระองค์ทรงให้กลางคืนแผ่คลุมกลางวัน ต่างก็ไล่ตามซึ่งกันและกันอย่างรวดเร็ว”

Comment: (9)คือดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะโคจรไปเพื่อผลประโยชน์ของปวงบ่าว ทั้งสองต่างก็โคจรไปตามเวลาที่ถูกกำหนดไว้ ณ ที่อัลลอฮ์ จนกระทั่งวันกิยามะฮ์

39:6

خَلَقَكُم مِّن نَّفْسٍۢ وَٰحِدَةٍۢ ثُمَّ جَعَلَ مِنْهَا زَوْجَهَا وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ ٱلْأَنْعَـٰمِ ثَمَـٰنِيَةَ أَزْوَٰجٍۢ ۚ يَخْلُقُكُمْ فِى بُطُونِ أُمَّهَـٰتِكُمْ خَلْقًۭا مِّنۢ بَعْدِ خَلْقٍۢ فِى ظُلُمَـٰتٍۢ ثَلَـٰثٍۢ ۚ ذَٰلِكُمُ ٱللَّهُ رَبُّكُمْ لَهُ ٱلْمُلْكُ ۖ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ ۖ فَأَنَّىٰ تُصْرَفُونَ

Translation: พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมัน และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า(10) พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น(11) นั่นคืออัลลอฮ์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!

Comment: (10)อัฎฏ็อบรอนีย์ กล่าวว่า “พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง “คืออาดัม” แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นคู่ครองของมัน “คือฮาวา” ทรงสร้างนางจากซี่โครงซี่หนึ่งของเขา และทรงให้ปศุสัตว์ที่กินได้ คือ อูฐ วัว แพะ แกะ จำนวน 8 คู่ จากทุกชนิดมีตัวผู้และตัวเมีย

Comment: (11)คือทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาเป็นขั้นตอน เพราะมนุษย์นั้นเริ่มจากน้ำอสุจิ แล้วเป็นก้อนเลือด แล้วเป็นก้อนเนื้อจนกระทั่งมีรูปร่างที่สมบูรณ์ จากนั้นก็เป่าวิญญาณเข้าไปร่างนั้น จนกลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ อยู่ในความมืดสามชั้น คือ ท้อง มดลูก และถุงน้ำครำ

39:7

إِن تَكْفُرُوا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ غَنِىٌّ عَنكُمْ ۖ وَلَا يَرْضَىٰ لِعِبَادِهِ ٱلْكُفْرَ ۖ وَإِن تَشْكُرُوا۟ يَرْضَهُ لَكُمْ ۗ وَلَا تَزِرُ وَازِرَةٌۭ وِزْرَ أُخْرَىٰ ۗ ثُمَّ إِلَىٰ رَبِّكُم مَّرْجِعُكُمْ فَيُنَبِّئُكُم بِمَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ ۚ إِنَّهُۥ عَلِيمٌۢ بِذَاتِ ٱلصُّدُورِ

Translation: หากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงพอเพียงจากพวกเจ้าและจะไม่ทรงปิติยินดีต่อการเนรคุณของปวงบ่าวของพระองค์ และหากพวกเจ้ากตัญญู พระองค์ก็จะทรงปิติยินดีต่อพวกเจ้า(12) และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้ แล้วยังพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าคือการกลับของพวกเจ้า(13) และพระองค์ก็จะทรงบอกเล่าพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก(14)

Comment: (12)คือหากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่พวกเจ้าได้พบเห็นร่องรอยแห่งเดชานุภาพของพระองค์ และความโปรดปรานอันหลากหลายของพระองค์แล้ว แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงพอเพียงจากพวกเจ้า จาการอีมานของพวกเจ้า จากการกตัญญูของพวกเจ้า พระองค์จะไม่ทรงพอพระทัยการเนรคุณของผู้หนึ่งผู้ใดจากมนุษย์ และหากพวกเจ้ากตัญญูต่อพระเจ้าของพวกเจ้า พระองค์จะทรงพอพระทัยต่อการกตัญญูจากพวกเจ้า ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของพวกเจ้า มิใช่พื่อผลประโยชน์ของพระองค์แต่อย่างใด

Comment: (13)ไม่มีชีวิตใดแบกความผิดของอีกชีวิตหนึ่ง แต่ทุกคนจะได้รับโทษตามความผิดของเขาที่ได้กระทำไว้

Comment: (14)คือจะทรงสอบสวนพวกเจ้าและตอบแทนพวกเจ้าตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ และทรงรอบรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในทรวงอก

39:8

۞ وَإِذَا مَسَّ ٱلْإِنسَـٰنَ ضُرٌّۭ دَعَا رَبَّهُۥ مُنِيبًا إِلَيْهِ ثُمَّ إِذَا خَوَّلَهُۥ نِعْمَةًۭ مِّنْهُ نَسِىَ مَا كَانَ يَدْعُوٓا۟ إِلَيْهِ مِن قَبْلُ وَجَعَلَ لِلَّهِ أَندَادًۭا لِّيُضِلَّ عَن سَبِيلِهِۦ ۚ قُلْ تَمَتَّعْ بِكُفْرِكَ قَلِيلًا ۖ إِنَّكَ مِنْ أَصْحَـٰبِ ٱلنَّارِ

Translation: และเมื่อทุกข์ภัยใดๆ ประสบแก่มนุษย์ เขาก็จะวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของเขาเป็นผู้หันหน้าเข้าสู่พระองค์อย่างนอบน้อม(15) ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์ให้แก่เขา เขาก็ได้ลืมสิ่งที่เขาได้เคยวิงวอนขอต่อพระองค์มาแต่ก่อน และเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮ์เพื่อให้หลงจากทางของอัลลอฮ์(16) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ท่านจงร่าเริงเพียงระยะหนึ่งต่อการปฏิเสธของท่านเถิด แท้จริงท่านนั้นอยู่ในหมู่ชาวนรก(17)

Comment: (15)เมื่อทุกขภัยเช่น ความยากจน เจ็บไข้ได้ป่วย และการทดสอบอื่น ๆ ประสบแก่เขา เขาจะผินหน้าเข้าหาพระองค์เพื่อวิงวอนขอให้ทุกขภัยนั้นหมดสิ้นไป

Comment: (16)คือเมื่อทรงปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็ตั้งสิ่งอื่น ๆ คู่เคียงกับอัลลอฮ์ในการทำอิบาดะฮ์ เขาลืมสภาพก่อน ๆ ขณะที่เขากำลังอยู่ในความทุกข์ยาก

Comment: (17)เป็นการขู่สำทับ คือจงร่าเริงในขณะที่ท่านดำรงชีวิตอยู่ในโลกดุนยาที่จะสูญสลายนี้เพียงชั่วครู่หนึ่งเถิด เพราะท่านนั้นเป็นชาวนรกอย่างแน่นอน

39:9

أَمَّنْ هُوَ قَـٰنِتٌ ءَانَآءَ ٱلَّيْلِ سَاجِدًۭا وَقَآئِمًۭا يَحْذَرُ ٱلْـَٔاخِرَةَ وَيَرْجُوا۟ رَحْمَةَ رَبِّهِۦ ۗ قُلْ هَلْ يَسْتَوِى ٱلَّذِينَ يَعْلَمُونَ وَٱلَّذِينَ لَا يَعْلَمُونَ ۗ إِنَّمَا يَتَذَكَّرُ أُو۟لُوا۟ ٱلْأَلْبَـٰبِ

Translation: ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮ์ และหวังความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ?(18) แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ

Comment: (18)คือหวั่นเกรงการลงโทษในวันอาคิเราะฮ์ และหวังความเมตตา คือหวังการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ แน่นอนสภาพของบุคคลสองจำพวกนั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน อิมามอัลฟัครุรรอซีย์ กล่าวไว้ในหนังสืออัตตัฟซีรอัลกะบีรว่า พึงทราบเถิดว่า อายะฮ์นี้เป็นการบ่งชี้ถึงเคล็ดลับที่ประหลาด ประการแรกก็คือ พระองค์ทรงเริ่มด้วยการกล่าวถึงการกระทำ และจบลงด้วยการกล่าวถึงวิชาความรู้ ส่วนที่ว่าการกระทำนั้นก็คือ การภักดี การสุญูด และการยืนละหมาด ส่วนที่ว่าวิชาความรู้ก็คือ คำตรัสของพระองค์ที่ว่า“บรรดาผู้รู้กับบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ” อันนี้เป็นการชี้บ่งว่าความสมบูรณ์ของมนุษย์นั้น อยู่ที่เป้าหมายทั้งสอง คือการกระทำและความรู้

39:10

قُلْ يَـٰعِبَادِ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ٱتَّقُوا۟ رَبَّكُمْ ۚ لِلَّذِينَ أَحْسَنُوا۟ فِى هَـٰذِهِ ٱلدُّنْيَا حَسَنَةٌۭ ۗ وَأَرْضُ ٱللَّهِ وَٰسِعَةٌ ۗ إِنَّمَا يُوَفَّى ٱلصَّـٰبِرُونَ أَجْرَهُم بِغَيْرِ حِسَابٍۢ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า โอ้ ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย! จงยำเกรงพระผู้อภิบาลของพวกท่านเถิด สำหรับบรรดาผู้ทำความดีในโลกนี้คือ(จะได้รับการตอบแทน) ความดีและแผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล(19) แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องคำนวณ(20)

Comment: (19)คือจงแจ้งแก่ปวงบ่าวของเราที่เป็นผู้ศรัทธา ซึ่งมีคุณลักษณะสองประการอยู่ในตัวของเขาคือ การศรัทธาและการยำเกรงอัลลอฮ์ นักตัฟซีรกล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาในเรื่องยะอ์ฟัร อิบนฺ อะบีฏอลิบ และสหายของเขา ขณะที่พวกเขาตั้งใจจะอพยพไปยังดินแดนหะบะชะฮ์ (เอธิโอเปีย) จุดมุ่งหมายในการนี้ก็เพื่อปลอบขวัญแก่พวกเขา และสนับสนุนให้มีการอพยพ

Comment: (20)ดังนั้นพวกเจ้าจงอพยพจากดินแดนกุฟรฺไปยังดินแดนอีมาน พวกเจ้าอย่าพำนักอยู่ในดินแดนที่พวกเจ้าไม่สามารถที่จะธำรงไว้ซึ่งสัญลักษณ์ของอัลลอฮ์ได้ และบรรดาผู้อดทนนั้นการตอบแทนของพวกเขาไม่สามารถที่จะชั่งตวงวัดได้

39:11

قُلْ إِنِّىٓ أُمِرْتُ أَنْ أَعْبُدَ ٱللَّهَ مُخْلِصًۭا لَّهُ ٱلدِّينَ

Translation: จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์

39:12

وَأُمِرْتُ لِأَنْ أَكُونَ أَوَّلَ ٱلْمُسْلِمِينَ

Translation: และฉันได้ถูกบัญชาให้ฉันเป็นคนแรกของปวงชนผู้นอบน้อม(21)

Comment: (21)ในตัฟซีรอัลกุรฏบีย์กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นคนแรกของประชาชาตินี้ในปวงบ่าวผู้นอบน้อม เพราะท่านเป็นคนแรกที่ไม่ยอมปฏิบัติตามศาสนาของปู่ย่าตายายของท่าน ท่านเป็นผู้ทำลายรูปปั้นและเจว็ดต่าง ๆ ยอมนอบน้อมผินหน้าเข้าหาอัลลอฮ์ ศรัทธาต่อพระองค์ และเรียกร้องไปสู่พระองค์

39:13

قُلْ إِنِّىٓ أَخَافُ إِنْ عَصَيْتُ رَبِّى عَذَابَ يَوْمٍ عَظِيمٍۢ

Translation: จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่ หากฉันฝ่าฝืนพระผู้อภิบาลของฉัน(22)

Comment: (22)ฉันกลัวว่า หากฉันฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์แล้ว พระองค์ก็จะลงโทษฉันในวันกิยามะฮ์ด้วยนรกญะฮันนัม

39:14

قُلِ ٱللَّهَ أَعْبُدُ مُخْلِصًۭا لَّهُۥ دِينِى

Translation: จงกล่าวเถิด เฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นที่ฉันเคารพภักดีโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของฉันต่อพระองค์(23)

Comment: (23)ฉันจะไม่เคารพภักดีสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์พระองค์เดียว เป็นผู้สุจริตมั่นต่อพระองค์ในการจงรักภักดีของฉันและการอิบาดะฮ์ของฉัน จากทุกสิ่งที่เป็นภาคีต่อพระองค์

39:15

فَٱعْبُدُوا۟ مَا شِئْتُم مِّن دُونِهِۦ ۗ قُلْ إِنَّ ٱلْخَـٰسِرِينَ ٱلَّذِينَ خَسِرُوٓا۟ أَنفُسَهُمْ وَأَهْلِيهِمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۗ أَلَا ذَٰلِكَ هُوَ ٱلْخُسْرَانُ ٱلْمُبِينُ

Translation: ดังนั้นพวกท่านจงสักการะบูชาตามที่พวกท่านประสงค์อื่นจากพระองค์เถิด จงกล่าวเถิดว่า แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้นคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาเอง และครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันกิยามะฮ์ พึงรู้เถิดว่านั่นคือ การขาดทุนอย่างชัดแจ้ง(24)

Comment: (24)อายะฮ์นี้เป็นประโยคคำสั่งใช้ในรูปแบบของการขู่สำทับ คือพวกท่านจงเคารพสักการะตามสิ่งที่พวกท่านประสงค์อื่นจากอัลลอฮ์ เป็นต้นว่า รูปปั้นก็ดี เจว็ดก็ดี แล้วพวกท่านก็จะเห็นบั้นปลายแห่งการปฏิเสธศรัทธาของพวกท่าน ในหนังสืออัลตัฟซีร อัลกะบีรกล่าวว่า อิบนุอับบาส กล่าวว่า แท้จริงมนุษย์ทุกคนนั้นมีที่พำนัก ครอบครัว และคนรับใช้ในสวนสวรรค์ หากเขาจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์เขาก็จะได้รับสิ่งดังกล่าวเป็นการตอบแทน และหากเขาเป็นชาวนรก เขาจะถูกห้ามจากสิ่งดังกล่าว เขาจึงขาดทุนด้วยตัวของเขาเอง ครอบครัวของเขาและที่พำนัก

39:16

لَهُم مِّن فَوْقِهِمْ ظُلَلٌۭ مِّنَ ٱلنَّارِ وَمِن تَحْتِهِمْ ظُلَلٌۭ ۚ ذَٰلِكَ يُخَوِّفُ ٱللَّهُ بِهِۦ عِبَادَهُۥ ۚ يَـٰعِبَادِ فَٱتَّقُونِ

Translation: สำหรับพวกเขานั้นมีชั้นของเปลวไฟนรกปกคลุมเหนือพวกเขา และเบื้องล่างของพวกเขาก็มีชั้นของเปลวไฟนรกอยู่ด้วย สิ่งนั้นแหละที่อัลลอฮ์ทรงทำให้ปวงบ่าวของพระองค์กลัว โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย ! จงยำเกรงต่อข้าเถิด(25)

Comment: (25)คือเปลวไฟนรกจะปกคลุมพวกเขาทั้งข้างบน ข้างล่าง และห้อมล้อมพวกเขาทุก ๆ ด้าน ความหมายของคำว่า “ซุละมุน” คือเปลวไฟนรกมองเห็นเป็นชั้น ๆ ดูหนาทึบ การลงโทษอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ อัลลอฮ์ ตะอาลา นำมากล่าวไว้เพื่อเป็นการขู่สำทับปวงบ่าวของพระองค์ เพื่อที่จะระงับการกระทำที่เป็นหะรอมและเป็นบาป อัลซะมัคชะรีย์ได้กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า นี่คือข้อเตือนสติจากอัลลอฮ์ ตะอาลา แก่ปวงบ่าวของพระองค์ และเป็นคำสั่งสอนที่ดียิ่ง

39:17

وَٱلَّذِينَ ٱجْتَنَبُوا۟ ٱلطَّـٰغُوتَ أَن يَعْبُدُوهَا وَأَنَابُوٓا۟ إِلَى ٱللَّهِ لَهُمُ ٱلْبُشْرَىٰ ۚ فَبَشِّرْ عِبَادِ

Translation: และบรรดาผู้ที่หลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ดเพื่อที่จะไม่สักการะบูชามัน และหันไปจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์สำหรับพวกเขานั้นมีข่าวดี ดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้า(26)

Comment: (26)เมื่อพระองค์กล่าวถึงสัญญาร้ายแก่ผู้สักการะบูชาปั้นและเจว็ด พระองค์ทรงกล่าวถึงสัญญาหรือข่าวดีแก่ผู้ที่ประกอบคุณงามความดีที่ปลีกตัวให้พ้นจากการตั้งภาคี และการฝ่าฝืน ทั้งนี้เพื่อให้สัญญาดีควบคู่ไปกับสัญญาร้ายอันจะเป็นผลให้เกิดความหวังในความเมตตา และความกลัวในการลงโทษ

39:18

ٱلَّذِينَ يَسْتَمِعُونَ ٱلْقَوْلَ فَيَتَّبِعُونَ أَحْسَنَهُۥٓ ۚ أُو۟لَـٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ هَدَىٰهُمُ ٱللَّهُ ۖ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمْ أُو۟لُوا۟ ٱلْأَلْبَـٰبِ

Translation: บรรดาผู้ที่สดับฟังคำกล่าว แล้วปฏิบัติตามที่ดีที่สุดของมัน ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขา และชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ(27)

Comment: (27)อิบนฺ อิบนาส กล่าวว่า คือบุคคลที่สดับฟังคำพูดที่ดีและคำพูดที่น่าเกลียด แล้วเขาก็พูดในสิ่งที่ดีและระงับไม่พูดสิ่งที่น่ารังเกียจ

39:19

أَفَمَنْ حَقَّ عَلَيْهِ كَلِمَةُ ٱلْعَذَابِ أَفَأَنتَ تُنقِذُ مَن فِى ٱلنَّارِ

Translation: ดังนั้น ผู้ที่คำมั่นสัญญาแห่งการลงโทษได้คู่ควรแก่เขาแล้ว(เจ้าสามารถจะฮิดายะฮ์ให้แก่เขา) กระนั้นหรือ? และเจ้าจะช่วยผู้ที่อยู่ในนรกให้รอดพ้นได้หรือ?(28)

Comment: (28)อัลกุรฏบีย์ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีความห่วงใยในการอีมานของกลุ่มชนของท่านแต่เขาเหล่านั้นอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงลิขิตความชั่วให้แก่พวกเขาแล้ว อายะฮ์นี้จึงถูกประทานลงมา อิบนุ อับบาส กล่าวว่า หมายถึงอบูละฮับ และลูกของเขา ตลอดจนญาติบางคนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ไม่ยอมศรัทธา

39:20

لَـٰكِنِ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوْا۟ رَبَّهُمْ لَهُمْ غُرَفٌۭ مِّن فَوْقِهَا غُرَفٌۭ مَّبْنِيَّةٌۭ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ ۖ وَعْدَ ٱللَّهِ ۖ لَا يُخْلِفُ ٱللَّهُ ٱلْمِيعَادَ

Translation: แต่บรรดาผู้ยำเกรงพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้น(29) สำหรับพวกเขาจะมีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงเหนือขึ้นไปอีกก็มีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงสร้างไว้ ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน (มันเป็น) ข้อสัญญาของอัลลอฮ์อัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงบิดพริ้วสัญญา(30)

Comment: (29)คือบรรดามุอ์มินที่ดี มีความยำเกรงอัลลอฮ์ในโลกดุนยา ยึดมั่นต่อบทบัญญัติของพระองค์ และมีความจงรักภักดีต่อพระองค์

Comment: (30)คืออัลลอฮ์ทรงสัญญาแก่พวกเขาเช่นนั้น เป็นการสัญญาที่แน่นอน พระองค์จะไม่บิดพลิ้วเป็นอันขาด เพราะเป็นสัญญาของพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงเดชานุภาพ

39:21

أَلَمْ تَرَ أَنَّ ٱللَّهَ أَنزَلَ مِنَ ٱلسَّمَآءِ مَآءًۭ فَسَلَكَهُۥ يَنَـٰبِيعَ فِى ٱلْأَرْضِ ثُمَّ يُخْرِجُ بِهِۦ زَرْعًۭا مُّخْتَلِفًا أَلْوَٰنُهُۥ ثُمَّ يَهِيجُ فَتَرَىٰهُ مُصْفَرًّۭا ثُمَّ يَجْعَلُهُۥ حُطَـٰمًا ۚ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَذِكْرَىٰ لِأُو۟لِى ٱلْأَلْبَـٰبِ

Translation: เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริง อัลลอฮ์ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า(31) แล้วทรงให้มันไหลซึมลงเข้าไปในแผ่นดินเป็นตาน้ำ ด้วยน้ำนั้นทรงให้พืชงอกออกมาหลายสี แล้วมันก็จะเหี่ยวแห้ง ดังนั้น เจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง แล้วพระองค์ทรงทำให้มันเป็นเศษเป็นชิ้น แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย(32)

Comment: (31)คือด้วยเดชานุภาพของพระองค์ ทรงหลั่งน้ำฝนมาจากก้อนเมฆ

Comment: (32)นักตัฟซีรอธิบายว่า อันนี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าน้ำของตาน้ำนั้นมาจากน้ำฝน แผ่นดินจะขังมันไว้ แล้วมันก็พวยพุ่งออกมาทีละน้อย ทีละน้อย น้ำฝนและน้ำที่ออกมาจากตาน้ำได้ทำให้พืชงอกเงยออกมาเป็นชนิดต่าง ๆ สีและรูปร่างแตกต่างกันออกไป เช่นเป็นสีแดง สีขาว และสีเหลือง ชนิดที่แตกต่างกัน เช่น เป็นข้าวสาลี ข้าว ถั่วเหลืองและอื่น ๆ พืชพันธุ์เหล่านี้หลังจากระยะเวลาหนึ่งมันก็เหี่ยวแห้งกลายเป็นสีเหลืองแล้วเป็นเศษเป็นชิ้น อายะฮ์นี้เป็นการเปรียบเทียบสำหรับชีวิตของมนุษย์กับการมีชิวิตอยู่ในโลกดุนยา ถึงแม้ว่าชีวิตของมนุษย์จะยาวนานสักเท่าใดก็ย่อมจะต้องสิ้นสุดคือตาย

39:22

أَفَمَن شَرَحَ ٱللَّهُ صَدْرَهُۥ لِلْإِسْلَـٰمِ فَهُوَ عَلَىٰ نُورٍۢ مِّن رَّبِّهِۦ ۚ فَوَيْلٌۭ لِّلْقَـٰسِيَةِ قُلُوبُهُم مِّن ذِكْرِ ٱللَّهِ ۚ أُو۟لَـٰٓئِكَ فِى ضَلَـٰلٍۢ مُّبِينٍ

Translation: ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระผู้อภิบาลของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?) ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์ชนเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอันชัดแจ้ง(33)

Comment: (33)อายะฮ์นี้อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่อยู่ในแนวทางของอิสลาม ซึ่งพระองค์ทรงฮิดายะฮ์ให้แก่เขาแล้ว กับผู้ที่ปฏิเสธสัจธรรมไม่ยอมรับความจริง หัวใจของเขาจึงบอด ดังนั้นบุคคลทั้งสองจะเท่าเทียมและเหมือนกันหรือ ? คำตอบก็คือไม่ ดังนั้นความวิบัติความหายนะจงประสบแก่บุคคลประเภทหลัง คือผู้ที่มีจิตใจแข็งกระด้าง

39:23

ٱللَّهُ نَزَّلَ أَحْسَنَ ٱلْحَدِيثِ كِتَـٰبًۭا مُّتَشَـٰبِهًۭا مَّثَانِىَ تَقْشَعِرُّ مِنْهُ جُلُودُ ٱلَّذِينَ يَخْشَوْنَ رَبَّهُمْ ثُمَّ تَلِينُ جُلُودُهُمْ وَقُلُوبُهُمْ إِلَىٰ ذِكْرِ ٱللَّهِ ۚ ذَٰلِكَ هُدَى ٱللَّهِ يَهْدِى بِهِۦ مَن يَشَآءُ ۚ وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَمَا لَهُۥ مِنْ هَادٍ

Translation: อัลลอฮ์ได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน(34) ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะลุกชันขึ้น แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮ์(35) นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮ์พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง

Comment: (34)คืออัลกุรอานเป็นคำกล่าวที่คล้ายคลึงกันคล้องจองทางด้านสำนวน โวหาร ชัดเจน ไพเราะ และไม่ขัดกัน อัลกุรอานนี้มีการกล่าวซ้ำกันในเรื่องข้อแนะนำสั่งสอน ข้อบัญญัติต่าง ๆ สิ่งที่หะล้าล หะรอม ตลอดจนเรื่องราวและข่าวคราวก็ได้มีการกล่าวซ้ำกัน โดยไม่เบื่อหน่าย

Comment: (35)คือขณะอ่านหรือฟังอายาตของอัลกุรอานที่กล่าวถึงสัญญาดี และสัญญาร้าย และการขู่สำทับ ผิวหนังของพวกเขาจะลุกชัน และเมื่ออ่านหรือฟังอายาตที่เกี่ยวกับความเมตตา หัวใจและผิวหนังของพวกเขาจะสงบลงเพื่อหวังความเมตตาจากพระองค์

39:24

أَفَمَن يَتَّقِى بِوَجْهِهِۦ سُوٓءَ ٱلْعَذَابِ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۚ وَقِيلَ لِلظَّـٰلِمِينَ ذُوقُوا۟ مَا كُنتُمْ تَكْسِبُونَ

Translation: ดังนั้นผู้ใดที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นจากการลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮ์ (จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการลงโทษกระนั้นหรือ?) และจะมีเสียงกล่าวแก่บรรดาผู้อธรรมว่า จงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด(36)

Comment: (36)นักตัฟซีรกล่าวว่า ใบหน้าเป็นอวัยวะที่มีเกียรติยิ่ง ดังนั้นเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสภาพที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่น่ากลัว ก็จะใช้มือของเขายกขึ้นปกป้องใบหน้าของเขา แต่มือของพวกกุฟฟารถูกพันธนาการในวันกิยามะฮ์ ดังนั้น พวกเขาจึงถูกโยนลงในนรก ไม่มีสิ่งใดที่ปกป้องพวกเขาได้นอกจากใบหน้าของพวกเขา

39:25

كَذَّبَ ٱلَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ فَأَتَىٰهُمُ ٱلْعَذَابُ مِنْ حَيْثُ لَا يَشْعُرُونَ

Translation: บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้น การลงโทษได้มีมายังพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว

39:26

فَأَذَاقَهُمُ ٱللَّهُ ٱلْخِزْىَ فِى ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا ۖ وَلَعَذَابُ ٱلْـَٔاخِرَةِ أَكْبَرُ ۚ لَوْ كَانُوا۟ يَعْلَمُونَ

Translation: ดังนั้น อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้ และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่า หากพวกเขาได้รู้

39:27

وَلَقَدْ ضَرَبْنَا لِلنَّاسِ فِى هَـٰذَا ٱلْقُرْءَانِ مِن كُلِّ مَثَلٍۢ لَّعَلَّهُمْ يَتَذَكَّرُونَ

Translation: และโดยแน่นอน เราได้ยกไว้ในทุกๆ อุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้สำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ(37)

Comment: (37)เราได้ชี้แจงไว้อย่างชัดแจ้งในอัลกุรอาน พร้อมอุทาหรณ์ และข่าวคราวอย่างชัดแจ้งตามที่พวกเขาต้องการจะรู้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ยึดถือเป็นข้อเตือนสติและบทเรียนจากอุทาหรณ์เหล่านั้น

39:28

قُرْءَانًا عَرَبِيًّا غَيْرَ ذِى عِوَجٍۢ لَّعَلَّهُمْ يَتَّقُونَ

Translation: กุรอานเป็นภาษาอาหรับ ไม่มีการคดเคี้ยวเพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง(38)

Comment: (38)โดยที่อัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับจึงไม่มีข้อแตกต่างข้อขัดแย้งแต่ประการใด เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความเข้าใจและมีความยำเกรง และเพื่อที่พวกเขาจะได้ปลีกตัวให้ห่างจากสิ่งที่หะรอม

39:29

ضَرَبَ ٱللَّهُ مَثَلًۭا رَّجُلًۭا فِيهِ شُرَكَآءُ مُتَشَـٰكِسُونَ وَرَجُلًۭا سَلَمًۭا لِّرَجُلٍ هَلْ يَسْتَوِيَانِ مَثَلًا ۚ ٱلْحَمْدُ لِلَّهِ ۚ بَلْ أَكْثَرُهُمْ لَا يَعْلَمُونَ

Translation: อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ชายคนหนึ่งเป็นของหุ้นส่วนหลายคน พวกเขาขัดแย้งไม่ลงรอยกัน และชายอีกคนหนึ่งเป็นของชายคนหนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งสองนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่เท่าเทียมกันหรือ? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้(39)

Comment: (39)ในอายะฮ์นี้ อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงยกอุทาหรณ์ คืออุทาหรณ์หนึ่งสำหรับคนมุชริกที่เคารพสักการะพระเจ้าหลายองค์ และอีกอุทาหรณ์หนึ่งสำหรับคนมุวะฮิดที่ไม่เคารพภักดีใครนอกจากอัลลอฮ์องค์เดียว สำหรับคนมุชริกนั้นเปรียบเสมือนชายคนหนึ่งที่มีนายหลายคนที่มีมารยาทเลวทรามเป็นหุ้นส่วนครอบครองเขา แน่นอนแต่ละคนก็จะออกคำสั่งให้เขาเป็นคนละอย่าง พวกเขาจึงขัดแย้งกัน ส่วนมุวะฮิดเปรียบเสมือนชายคนหนึ่งที่มีนายที่มีมารยาทดีงามครอบครองเขา ระหว่างชายทั้งสองคนนี้จะมีฐานะและความเป็นอยู่เท่าเทียมกันละหรือ? คำตอบก็คือ ไม่ เพราะทั้งสองคนนั้นเปรียบเสมือนความเป็นอิสระและความเป็นทาส

39:30

إِنَّكَ مَيِّتٌۭ وَإِنَّهُم مَّيِّتُونَ

Translation: แท้จริงเจ้าจะต้องตาย และแท้จริงพวกเขาจะต้องตาย(40)

Comment: (40)แท้จริง โอ้มุฮัมมัดเจ้าจะต้องตาย เสมือนกับพวกเขาก็จะต้องตายเช่นเดียวกันไม่มีใครที่จะอยู่ยงคงกะพันในโลกนี้

39:31

ثُمَّ إِنَّكُمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ عِندَ رَبِّكُمْ تَخْتَصِمُونَ

Translation: แล้วแท้จริงพวกเจ้าในวันกิยามะฮ์จะถกเถียงกันต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า(41)

Comment: (41)ในวันกิยามะฮ์นั้น พวกเจ้าจะมารวมกันอยู่ต่อหน้าอัลลอฮ์ แล้วพวกเจ้าก็จะโต้เถียงกันในเรื่องของความอยุติธรรมเรื่องของโลกดุนยา และเรื่องของศาสนา ในที่สุดพระผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมยิ่งก็จะทรงตัดสินชี้ขาดระหว่างพวกเจ้า

39:32

۞ فَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّن كَذَبَ عَلَى ٱللَّهِ وَكَذَّبَ بِٱلصِّدْقِ إِذْ جَآءَهُۥٓ ۚ أَلَيْسَ فِى جَهَنَّمَ مَثْوًۭى لِّلْكَـٰفِرِينَ

Translation: ดังนั้น ผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์และปฏิเสธความจริงเมื่อมันได้มีมายังเขา มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็นที่พำนักสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(42)

Comment: (42)คือไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการตั้งภาคี และการตั้งพระบุตรให้แก่พระองค์ และปฏิเสธอัลกุรอานและบทบัญญัติของพระองค์เมื่อเขาได้รับแจ้งแล้ว โดยมิได้พินิจพิจารณาและไตร่ตรอง ดังนั้นนรกจึงเป็นที่พำนักและที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น

39:33

وَٱلَّذِى جَآءَ بِٱلصِّدْقِ وَصَدَّقَ بِهِۦٓ ۙ أُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْمُتَّقُونَ

Translation: ส่วนผู้ที่นำความจริงมา และเขาได้เชื่อมั่นความจริงนั้น ชนเหล่านี้ พวกเขาคือบรรดาผู้ยำเกรง(43)

Comment: (43)ผู้ที่นำความจริงมาประกาศเผยแผ่ก็คือบรรดานบี ส่วนผู้ที่เชื่อมั่นต่อความจริงนั้นก็คือบรรดามุอ์มินผู้ศรัทธา

39:34

لَهُم مَّا يَشَآءُونَ عِندَ رَبِّهِمْ ۚ ذَٰلِكَ جَزَآءُ ٱلْمُحْسِنِينَ

Translation: สำหรับพวกนั้น จะได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ณ ที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา(44) นั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้กระทำความดี

Comment: (44)สิ่งที่บรรดาผู้ยำเกรงต้องการจะได้ และจะได้รับการตอบแทนในสวรรค์ก็คือ หญิงสาวพรหมจารีย์ ที่มีนัยต์นาโตสวย คฤหาสน์ ความสุขมากมายในทุกรูปแบบ

39:35

لِيُكَفِّرَ ٱللَّهُ عَنْهُمْ أَسْوَأَ ٱلَّذِى عَمِلُوا۟ وَيَجْزِيَهُمْ أَجْرَهُم بِأَحْسَنِ ٱلَّذِى كَانُوا۟ يَعْمَلُونَ

Translation: เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขากระทำไว้ออกจากพวกเขา และจะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่งตามที่พวกเขาได้กระทำไว้(45)

Comment: (45)บรรดานักตัฟซีรกล่าวว่า ความยุติธรรมนั้นคือ ทั้งความดีและความชั่วจะต้องถูกสอบสวน แล้วก็จะต้องมีการตอบแทน และความโปรดปรานนั้นก็คืออัลลอฮ์จะทรงเปิดเผยการตอบแทนนั้น แก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่มีความยำเกรงแล้วพระองค์จะทรงลบล้างการงานที่ชั่วของพวกเขา ดังนั้นจะไม่มีการสอบสวนเหลือสำหรับพวกเขาอีก และพระองค์ก็จะตอบแทนผลบุญให้แก่พวกเขาด้วยการตอบแทนที่ดีเยี่ยม แล้วตาชั่งแห่งความดีของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น

39:36

أَلَيْسَ ٱللَّهُ بِكَافٍ عَبْدَهُۥ ۖ وَيُخَوِّفُونَكَ بِٱلَّذِينَ مِن دُونِهِۦ ۚ وَمَن يُضْلِلِ ٱللَّهُ فَمَا لَهُۥ مِنْ هَادٍۢ

Translation: อัลลอฮ์จะมิทรงเป็นผู้พอเพียงแก่บ่าวของพระองค์ดอกหรือ(46) และพวกเขายังขู่เจ้าให้กลัวด้วยเจว็ดต่าง ๆ อื่นจากพระองค์(47) และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง

Comment: (46)อะบุสสะอู๊ด กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขาว่า เป็นการปลอบโยนท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จากสิ่งที่พวกกุเรชกล่าวแก่เขาว่า ท่านจะระงับจากการกล่าวโจมตีพระเจ้าของพวกเราหรือไม่? หรือจะให้เรานำความหายนะและความเป็นบ้ามาให้แก่ท่าน

Comment: (47)ซึ่งเจว็ดเหล่านั้นจะไม่ให้คุณให้โทษแก่ใครเลย

39:37

وَمَن يَهْدِ ٱللَّهُ فَمَا لَهُۥ مِن مُّضِلٍّ ۗ أَلَيْسَ ٱللَّهُ بِعَزِيزٍۢ ذِى ٱنتِقَامٍۢ

Translation: และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงชี้นำทาง ดังนั้นก็ไม่มีผู้ใดจะทำให้เขาหลงทางได้ อัลลอฮ์มิใช่เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงตอบโต้อย่างเด็ดขาดดอกหรือ(48)

Comment: (48)เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงพิชิต มิใช่ถูกพิชิต ทรงแก้แค้นแก่ปวงศัตรูของพระองค์ ในอายะฮ์นี้เป็นสัญญาร้ายแก่พวกมุชริกีน และเป็นสัญญาดีแก่บรรดามุอ์มินผู้ศรัทธา

39:38

وَلَئِن سَأَلْتَهُم مَّنْ خَلَقَ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضَ لَيَقُولُنَّ ٱللَّهُ ۚ قُلْ أَفَرَءَيْتُم مَّا تَدْعُونَ مِن دُونِ ٱللَّهِ إِنْ أَرَادَنِىَ ٱللَّهُ بِضُرٍّ هَلْ هُنَّ كَـٰشِفَـٰتُ ضُرِّهِۦٓ أَوْ أَرَادَنِى بِرَحْمَةٍ هَلْ هُنَّ مُمْسِكَـٰتُ رَحْمَتِهِۦ ۚ قُلْ حَسْبِىَ ٱللَّهُ ۖ عَلَيْهِ يَتَوَكَّلُ ٱلْمُتَوَكِّلُونَ

Translation: และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่า สิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์นั้น หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้มีความทุกข์ยากแก่ฉันแล้ว พวกมันจะปลดเปลื้องความทุกข์ยากของพระองค์ได้ไหม? หรือหากพระองค์ประสงค์จะให้ความเมตตาแก่ฉัน พวกมันจะยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้ไหม? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อัลลอฮ์ทรงพอเพียงแก่ฉันแล้ว แด่พระองค์เท่านั้น บรรดาผู้มอบความไว้วางใจจะให้ความไว้วางใจ(49)

Comment: (49)อัรรอซีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัตตัฟซีร อัลกะบีร ของเขาว่า แท้จริงความรู้เกี่ยวกับการมีของพระผู้อภิบาลผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณนั้น มิได้มีการขัดแย้งกันในหมู่สิ่งที่ได้ถูกสร้างมาทั้งหลาย และสติปัญญาก็ได้ยืนยันถึงความถูกต้องของความรู้อันนี้ ดังนั้นผู้ใดที่ใคร่ครวญในความประหลาดของสภาพแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในความประหลาดของสภาพแห่งพืชพันธุ์และปศุสัตว์ ในความประหลาดของร่างกายมนุษย์ และสิ่งที่มีอยู่ในนั้น เช่น ชนิดต่าง ๆ ของปรัชญาแห่งความประหลาดทั้งหลาย และผลประโยชน์อันน่าประหลาดเหล่านั้นทั้งหมด ก็จะยอมรับว่าพระเจ้าผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณและผู้ทรงเมตตาเสมอ ทรงมีอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกมุชริกีนจึงยอมรับว่ามีอัลลอฮ์ จุดมุ่งหมายในการนี้ก็เพื่อเป็นการคัดค้านพวกมุชริกีนในการอิบาดะฮ์ของพวกเขาต่อสิ่งที่ไม่ให้โทษและไม่ให้คุณแก่พวกเขาเลย และเป็นหลักฐานถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์

39:39

قُلْ يَـٰقَوْمِ ٱعْمَلُوا۟ عَلَىٰ مَكَانَتِكُمْ إِنِّى عَـٰمِلٌۭ ۖ فَسَوْفَ تَعْلَمُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย! จงทำงานตามสภาพของพวกท่าน แท้จริงฉันก็เป็นผู้ทำงาน(50) แล้วพวกท่านจะได้รู้

Comment: (50)คือจงทำสิ่งที่พวกท่านพอใจ เช่น การวางแผน การมีเล่ห์เหลี่ยม และการหลอกลวง ส่วนฉันก็ทำหน้าที่ของฉัน คือการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์ และการเผยแผ่ศาสนาของพระองค์

39:40

مَن يَأْتِيهِ عَذَابٌۭ يُخْزِيهِ وَيَحِلُّ عَلَيْهِ عَذَابٌۭ مُّقِيمٌ

Translation: ผู้ที่การลงโทษจะมีมายังเขาก็จะทำให้เขาอัปยศ และการลงโทษตลอดกาลจะประสบแก่เขา(51)

Comment: (51)คือพวกท่านจะรู้ว่าการลงโทษที่จะทำให้มนุษย์ต่ำต้อย และอัปยศนั้นจะได้แก่ผู้ใด การลงโทษตลอดกาลที่ไม่ขาดตอนนั้นก็คือการลงโทษในนรก การลงโทษนี้จะโดนแก่ฉันหรือแก่พวกท่าน?

39:41

إِنَّآ أَنزَلْنَا عَلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ لِلنَّاسِ بِٱلْحَقِّ ۖ فَمَنِ ٱهْتَدَىٰ فَلِنَفْسِهِۦ ۖ وَمَن ضَلَّ فَإِنَّمَا يَضِلُّ عَلَيْهَا ۖ وَمَآ أَنتَ عَلَيْهِم بِوَكِيلٍ

Translation: แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติด้วยสัจธรรม ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวของเขาเองและผู้ใดหลงทาง เขาก็จะหลงอยู่บนทางที่ผิดและเจ้ามิได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อพวกเขา(52)

Comment: (52)อัศศอวีย์ ได้กล่าวไว้ใน ฮาซียะฮ์ซอวีย์อะลัลญะลาลัยน์ ว่า ในอายะฮ์นี้เป็นการปลอบใจท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความหมายก็คือ การชี้แนะทางของพวกเขามิใช่อยู่ที่มือของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้บังคับพวกเขาให้ปฏิบัติตามได้ หากแต่ว่าอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของเรา หากเราประสงค์เราก็จะชี้แนะทางให้แก่พวกเขา และหากเราประสงค์ เราก็จะให้พวกเขาคงอยู่ในการหลงผิด

39:42

ٱللَّهُ يَتَوَفَّى ٱلْأَنفُسَ حِينَ مَوْتِهَا وَٱلَّتِى لَمْ تَمُتْ فِى مَنَامِهَا ۖ فَيُمْسِكُ ٱلَّتِى قَضَىٰ عَلَيْهَا ٱلْمَوْتَ وَيُرْسِلُ ٱلْأُخْرَىٰٓ إِلَىٰٓ أَجَلٍۢ مُّسَمًّى ۚ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَـَٔايَـٰتٍۢ لِّقَوْمٍۢ يَتَفَكَّرُونَ

Translation: อัลลอฮ์ทรงปลดชีวิตในยามตายของมันและมัน(ชีวิต) จะยังไม่ตายในยามนอนกลับของมัน พระองค์จะทรงปลดชีวิตที่พระองค์ทรงกำหนดความตายให้แก่มัน และพระองค์ทรงยืดชีวิตอื่นไปจนถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้(53) แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ

Comment: (53)อายะฮ์นี้มีข้อควรคิดคือ อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงปลิดชีวิตมนุษย์ในสองแบบ คือ 1) การตายอย่างสมบูรณ์ 2) การตายในเวลานอนหลับ เพราะคนนอนเหมือนกับคนตาย โดยที่เขาจะไม่เห็น และไม่ได้ยิน ความหมายก็คือ พระองค์จะทรงปลิดชีวิตที่พระองค์ทรงกำหนดความตายให้แก่เจ้าของชีวิตนั้น และพระองค์จะทรงไม่ปล่อยชีวิตไปยังร่างของมัน และพระองค์จะทรงปล่อยชีวิตที่นอนหลับไปยังร่างของมันตื่นขึ้น จนกระทั่งถึงเวลาที่กำหนดไว้

39:43

أَمِ ٱتَّخَذُوا۟ مِن دُونِ ٱللَّهِ شُفَعَآءَ ۚ قُلْ أَوَلَوْ كَانُوا۟ لَا يَمْلِكُونَ شَيْـًۭٔا وَلَا يَعْقِلُونَ

Translation: หรือว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ทั้ง ๆ ที่พวกมันมิได้มีอำนาจใด ๆ และพวกมันก็ไม่มีสติปัญญา กระนั้นหรือ?(54)

Comment: (54)อิบนุ กะษีร กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขาว่า อันนี้เป็นการประณามพวกมุชริกีนในการยึดเอารูปปั้นและเจว็ดเป็นผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์ โดยปราศจากหลักฐานและข้อพิสูจน์ใด ๆ มันไม่มีอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสติปัญญา ไม่ได้ยิน ไม่เห็น ยิ่งกว่านั้นมันเป็นสิ่งไม่มีชีวิต มีสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าปศุสัตว์ทั้งหลายเสียอีก

39:44

قُل لِّلَّهِ ٱلشَّفَـٰعَةُ جَمِيعًۭا ۖ لَّهُۥ مُلْكُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۖ ثُمَّ إِلَيْهِ تُرْجَعُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าความช่วยเหลือนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์โดยสิ้นเชิงอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์(55) แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์

Comment: (55)คือไม่มีผู้ใดจะให้ความช่วยเหลือได้ เว้นแต่ด้วยอนุมัติของพระองค์ อัลบัยฎอวีย์ กล่าวว่า พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจทั้งหมด ไม่มีผู้ใดจะพูดในเรื่องของเขาได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติ และด้วยความโปรดปรานของพระองค์

39:45

وَإِذَا ذُكِرَ ٱللَّهُ وَحْدَهُ ٱشْمَأَزَّتْ قُلُوبُ ٱلَّذِينَ لَا يُؤْمِنُونَ بِٱلْـَٔاخِرَةِ ۖ وَإِذَا ذُكِرَ ٱلَّذِينَ مِن دُونِهِۦٓ إِذَا هُمْ يَسْتَبْشِرُونَ

Translation: และเมื่อ (พระนาม) อัลลอฮ์ถูกกล่าวเพียงพระองค์เดียว จิตใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์ก็รังเกียจ(56) แต่เมื่อบรรดาเจว็ดถูกกล่าวนอกจากพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ(57)

Comment: (56)จิตใจหดหู่เพราะความรังเกียจ เมื่อมีการกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์พระองค์เดียว ไม่มีผู้ใดคู่เคียงกับพระองค์

Comment: (57)อันนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโง่เง่าและบัดซบ

39:46

قُلِ ٱللَّهُمَّ فَاطِرَ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ عَـٰلِمَ ٱلْغَيْبِ وَٱلشَّهَـٰدَةِ أَنتَ تَحْكُمُ بَيْنَ عِبَادِكَ فِى مَا كَانُوا۟ فِيهِ يَخْتَلِفُونَ

Translation: จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่อัลลอฮ์พระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับ และสิ่งเปิดเผย พระองค์ท่านจะทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวของพระองค์ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันอยู่(58)

Comment: (58)ในหนังสือ البحر المحيط กล่าวไว้ว่า เมื่อพระองค์ทรงกล่าวถึงความเบาปัญญาของพวกเขา ด้วยความรังเกียจของพวกเขาเมื่อมีการกล่าวถึงพระนามของอัลลอฮ์ และด้วยความดีใจของพวกเขาเมื่อมีการกล่าวถึงบรรดาเจว็ด พระองค์ทรงบัญชาร่อซูลของพระองค์ให้วิงวอนขอพระองค์ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เช่น เดชานุภาพ และความรอบรู้ เพื่อให้พระองค์ทรงตัดสินชี้ขาดระหว่างเขากับบรรดาศัตรูของเขา ในการนี้นับได้ว่าเป็นสัญญาร้ายแก่พวกมุชริกีน และเป็นการปลอบใจท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

39:47

وَلَوْ أَنَّ لِلَّذِينَ ظَلَمُوا۟ مَا فِى ٱلْأَرْضِ جَمِيعًۭا وَمِثْلَهُۥ مَعَهُۥ لَٱفْتَدَوْا۟ بِهِۦ مِن سُوٓءِ ٱلْعَذَابِ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۚ وَبَدَا لَهُم مِّنَ ٱللَّهِ مَا لَمْ يَكُونُوا۟ يَحْتَسِبُونَ

Translation: และหากว่าบรรดาผู้อธรรมมีสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินนี้ทั้งหมด และมีเยี่ยงนั้นอีกด้วย แน่นอนพวกเขาจะขอไถ่ด้วยสิ่งนั้นให้พ้นจากการลงโทษที่ชั่วร้ายในวันกิยามะฮ์(59) แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มาจากอัลลอฮ์นั้นจะปรากฏขึ้นแก่พวกเขา(60)

Comment: (59)คือบรรดาผู้อธรรมแก่ตนเองด้วยการปฏิเสธอัลกุรอานและร่อซูล หากพวกเขาครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก และเยี่ยงนั้นอีกด้วย พวกเขาก็จะขอไถ่ตัวของพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษในวันกิยามะฮ์ ด้วยทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น

Comment: (60)คือการลงโทษนานาชนิดก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา โดยที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลย

39:48

وَبَدَا لَهُمْ سَيِّـَٔاتُ مَا كَسَبُوا۟ وَحَاقَ بِهِم مَّا كَانُوا۟ بِهِۦ يَسْتَهْزِءُونَ

Translation: และความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาได้เคยเยาะเย้ยไว้นั้นก็ห้อมล้อมพวกเขา(61)

Comment: (61)คือความชั่วร้ายของพวกเขา และการเยาะเย้ยที่พวกเขาเคยกระทำไว้ในโลกดุนยา ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าและห้อมล้อมพวกเขา

39:49

فَإِذَا مَسَّ ٱلْإِنسَـٰنَ ضُرٌّۭ دَعَانَا ثُمَّ إِذَا خَوَّلْنَـٰهُ نِعْمَةًۭ مِّنَّا قَالَ إِنَّمَآ أُوتِيتُهُۥ عَلَىٰ عِلْمٍۭ ۚ بَلْ هِىَ فِتْنَةٌۭ وَلَـٰكِنَّ أَكْثَرَهُمْ لَا يَعْلَمُونَ

Translation: ครั้นเมื่อทุกขภัยใดประสบแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเรา ต่อมาเมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานจากเราแก่เขา เขาก็กล่าวว่า แท้จริงสิ่งที่ฉันได้รับมานั้นเนื่องจากความรอบรู้ของฉันต่างหาก(62) แต่(เขาหารู้ไม่ว่า) มันคือการทดสอบ แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้(63)

Comment: (62)คือเมื่อมนุษย์ผู้เนรคุณผู้นี้ประสบกับทุกข์ภัย หรือความยากแค้น หรือการทดสอบ เขาก็จะนอบน้อมและผินหน้าเข้าหาอัลลอฮ์ ครั้นเมื่อเราปลดเปลื้องความทุกข์ยากให้พ้นจากเขาแล้ว มนุษย์ผู้เนรคุณผู้นี้ กลับกล่าวว่าฉันได้รับสิ่งนี้มาด้วยความรู้ความสามารถของฉันต่างหาก

Comment: (63)มันมิใช่ดังที่พวกเขากล่าวอ้าง แต่ทว่ามันเป็นการทดสอบแก่เขา เพื่อเราจะทดสอบเขาในสิ่งที่เราได้ให้ความโปรดปรานแก่เขาว่า เขาจะเป็นผู้จงรักภักดี หรือผู้ทรยศ

39:50

قَدْ قَالَهَا ٱلَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ فَمَآ أَغْنَىٰ عَنْهُم مَّا كَانُوا۟ يَكْسِبُونَ

Translation: โดยแน่นอน บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้กล่าวมันไว้เช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นั้นหาได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาไม่(64)

Comment: (64)คำพูดเช่นนี้ได้มีผู้เนรคุณเคยกล่าวมาก่อนแล้ว เช่น กอรูนและคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาได้รวบรวมมันไว้และได้แสวงหาเอาไว้มันมิได้ก่อประโยชน์อันใดแก่พวกเขาเลย

39:51

فَأَصَابَهُمْ سَيِّـَٔاتُ مَا كَسَبُوا۟ ۚ وَٱلَّذِينَ ظَلَمُوا۟ مِنْ هَـٰٓؤُلَآءِ سَيُصِيبُهُمْ سَيِّـَٔاتُ مَا كَسَبُوا۟ وَمَا هُم بِمُعْجِزِينَ

Translation: ฉะนั้นความชั่วทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้ จึงประสบแก่พวกเขา และบรรดาผู้อธรรมจากหมู่ชนเหล่านั้น ความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะประสบแก่พวกเขาเช่นกันและพวกเขาไม่สามารถจะหนีรอดพ้นไปได้(65)

Comment: (65)คือพวกเขาจะไม่ถูกลงโทษโดยปราศจากการทำผิด แต่จะถูกลงโทษด้วยการทำผิดของพวกเขาและบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น คือพวกกุฟฟารกุเรชก็จะได้รับการตอบแทนเช่นเดียวกัน คือการลงโทษตามที่พวกเขาได้กระทำไว้เช่น การตั้งภาคี การดื้อรั้น และการอธรรมต่าง ๆ

39:52

أَوَلَمْ يَعْلَمُوٓا۟ أَنَّ ٱللَّهَ يَبْسُطُ ٱلرِّزْقَ لِمَن يَشَآءُ وَيَقْدِرُ ۚ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَـَٔايَـٰتٍۢ لِّقَوْمٍۢ يُؤْمِنُونَ

Translation: พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮ์ทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้คับแคบ(66) แท้จริง ในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา(67)

Comment: (66)เรื่องของปัจจัยยังชีพนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับความฉลาดหรือความโง่ของมนุษย์ หากแต่ขึ้นอยู่กับการจัดสรรปันส่วนและเคล็ดลับของพระองค์

Comment: (67)อัลกุรฏุบีย์กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขาว่า ที่กล่าวคือมุอ์มินผู้ศรัทธาโดยเฉพาะ ก็เพราะว่า เขาเป็นผู้พินิจพิจารณาและใคร่ครวญถึงสัญญาณต่าง ๆ แล้วก็ทำให้เกิดประโยชน์ด้วยกับมัน

39:53

۞ قُلْ يَـٰعِبَادِىَ ٱلَّذِينَ أَسْرَفُوا۟ عَلَىٰٓ أَنفُسِهِمْ لَا تَقْنَطُوا۟ مِن رَّحْمَةِ ٱللَّهِ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ يَغْفِرُ ٱلذُّنُوبَ جَمِيعًا ۚ إِنَّهُۥ هُوَ ٱلْغَفُورُ ٱلرَّحِيمُ

Translation: จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย! บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮ์(68) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ(69)

Comment: (68)คือผู้ละเมิดกระทำผิดต่อตัวเอง ด้วยการฝ่าฝืนและทำบาปอย่าได้หมดหวังต่อการขออภัยโทษและความเมตตาของอัลลอฮ์

Comment: (69)คือพระองค์ทรงอภัยโทษความผิดทั้งหมดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ถึงแม้ว่าความผิดนั้น ๆ จะมากมายเท่าฟองน้ำที่ลอยอยู่ในแม่น้ำก็ตาม

39:54

وَأَنِيبُوٓا۟ إِلَىٰ رَبِّكُمْ وَأَسْلِمُوا۟ لَهُۥ مِن قَبْلِ أَن يَأْتِيَكُمُ ٱلْعَذَابُ ثُمَّ لَا تُنصَرُونَ

Translation: และจงผินหน้าไปหาพระผู้อภิบาลของพวกท่าน และจงนอบน้อมต่อพระองค์ ก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่าน แล้วพวกท่านจะมิได้รับความช่วยเหลือ(70)

Comment: (70)จงกลับไปหาอัลลอฮ์ และยอมจำนนต่อพระองค์ด้วยการจงรักภักดี การนอบน้อม และการทำความดีก่อนที่การตอบแทนของพระองค์จะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน แล้วก็จะไม่พบผู้ใดจะมาปกป้องการลงโทษของพระองค์ให้แก่พวกท่านได้

39:55

وَٱتَّبِعُوٓا۟ أَحْسَنَ مَآ أُنزِلَ إِلَيْكُم مِّن رَّبِّكُم مِّن قَبْلِ أَن يَأْتِيَكُمُ ٱلْعَذَابُ بَغْتَةًۭ وَأَنتُمْ لَا تَشْعُرُونَ

Translation: และจงปฏิบัติตามสิ่งที่ดียิ่งที่ได้ถูกประทานลงมายังพวกท่าน จากพระผู้อภิบาลของพวกท่านก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่านโดยฉับพลัน โดยที่พวกท่านไม่รู้สึกตัว(71)

Comment: (71)จงปฏิบัติตามอัลกุรอาน ด้วยการปฏิบัติตามข้อใช้ของพระองค์ และปลีกตัวจากข้อห้ามของพระองค์ และจงยึดมั่นต่อคัมภีร์ที่ดียิ่งที่ได้ถูกประทานให้พวกท่านซึ่งจะนำความสุข และความสำเร็จให้แก่พวกท่าน ก่อนที่การลงโทษจะเกิดขึ้นแก่พวกท่านโดยกะทันหันในขณะที่พวกท่านลืมตัว ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพื่อที่พวกท่านจะได้เตรียมตัว

39:56

أَن تَقُولَ نَفْسٌۭ يَـٰحَسْرَتَىٰ عَلَىٰ مَا فَرَّطتُ فِى جَنۢبِ ٱللَّهِ وَإِن كُنتُ لَمِنَ ٱلسَّـٰخِرِينَ

Translation: มิฉะนั้น ชีวิตหนึ่งจะกล่าวว่า โอ้ความหายนะจงประสบแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ทอดทิ้ง (หน้าที่) ที่มีต่ออัลลอฮ์และข้าพระองค์เคยอยู่ในหมู่ผู้เยาะเย้ยอีกด้วย(72)

Comment: (72)เพื่อมิให้บางคนที่ละเมิดในการกระทำความผิด และฝ่าฝืนจะกล่าวว่า โอ้ความหายนะของข้าพระองค์ต่อการละเมิดและความบกพร่องของข้าพระองค์ในการจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์และในสิทธิของพระองค์ โดยที่ขณะนั้นข้าพระองค์เป็นผู้เยาะเย้ยต่อบัญญัติของอัลลอฮ์และศาสนาของพระองค์

39:57

أَوْ تَقُولَ لَوْ أَنَّ ٱللَّهَ هَدَىٰنِى لَكُنتُ مِنَ ٱلْمُتَّقِينَ

Translation: หรือมัน(ชีวิต) จะกล่าวว่า หากอัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางแก่ข้าพระองค์ แน่นอนข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่ผู้ยำเกรง(73)

Comment: (73)หรือจะกล่าวว่า หากอัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ และอยู่ในหมู่ปวงบ่าวที่ดีของพระองค์

39:58

أَوْ تَقُولَ حِينَ تَرَى ٱلْعَذَابَ لَوْ أَنَّ لِى كَرَّةًۭ فَأَكُونَ مِنَ ٱلْمُحْسِنِينَ

Translation: หรือมัน(ชีวิต) จะกล่าวขณะที่เห็นการลงโทษว่า มาตรว่า ข้าพระองค์มีโอกาสกลับ (ไปสู่โลกดุนยา) อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นข้าพระองค์ก็จะได้อยู่ในหมู่ผู้กระทำความดี(74)

Comment: (74)หรือจะกล่าวขณะที่มองเห็นการลงโทษได้เกิดขึ้นแล้วว่า หากข้าพระองค์มีโอกาสได้กลับไปสู่โลกดุนยาอีกครั้งหนึ่ง ข้าพระองค์ก็จะกระทำทุกอย่างเพื่อเป็นการจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ และจะทำให้ความประพฤติและการงานทุกอย่างของข้าพระองค์ดียิ่งขึ้น

39:59

بَلَىٰ قَدْ جَآءَتْكَ ءَايَـٰتِى فَكَذَّبْتَ بِهَا وَٱسْتَكْبَرْتَ وَكُنتَ مِنَ ٱلْكَـٰفِرِينَ

Translation: (พระองค์ตรัสว่า) เปล่าเลย! แน่นอนสัญญาณทั้งหลายของเขาได้มายังเจ้าแล้ว แต่เจ้าได้ปฏิเสธมัน และเจ้าได้หยิ่งยโส และเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา(75)

Comment: (75)พระองค์ได้ตรัสแก่พวกนักโทษเหล่านั้นว่า เปล่าเลย! การฮิดายะฮ์จากอัลลอฮ์ได้มียังเจ้าแล้วด้วยการส่งบรรดาร่อซูลมาเผยแผ่ และประทานคัมภีร์มาเพื่อเป็นสักขีพยาน แต่เจ้าปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง ๆ และแสดงความโอหังไม่ยอมศรัทธา เจ้าจึงเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

39:60

وَيَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ تَرَى ٱلَّذِينَ كَذَبُوا۟ عَلَى ٱللَّهِ وُجُوهُهُم مُّسْوَدَّةٌ ۚ أَلَيْسَ فِى جَهَنَّمَ مَثْوًۭى لِّلْمُتَكَبِّرِينَ

Translation: และวันกิยามะฮ์ เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำ ดังนั้น ที่พำนักสำหรับบรรดาผู้หยิ่งยโสนั้นมิใช่นรกดอกหรือ?(76)

Comment: (76)ในวันกิยามะฮ์นั้นเจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ด้วยการตั้งภาคีกับพระองค์ และตั้งให้พระองค์มีพระบุตร ใบหน้าของพวกเขาจะดำคล้ำ เพราะการกล่าวเท็จและการอุปโลกน์ของพวกเขา

39:61

وَيُنَجِّى ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوْا۟ بِمَفَازَتِهِمْ لَا يَمَسُّهُمُ ٱلسُّوٓءُ وَلَا هُمْ يَحْزَنُونَ

Translation: และอัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น เพราะชัยชนะของพวกเขา(โดยที่) ความชั่วร้ายจะไม่ประสบแก่พวกเขา และพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ(77)

Comment: (77)อัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น เพราะความสุขและชัยชนะของพวกเขาตามที่พวกเขาต้องการคือสวนสวรรค์ที่พำนักของคนดี ๆ ทั้งหลาย ความเบื่อหน่าย ความตกใจจะไม่เกิดขึ้นแก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่เศร้าโศกเสียใจในวันกิยามะฮ์แต่พวกเขาจะมีความปลอดภัย

39:62

ٱللَّهُ خَـٰلِقُ كُلِّ شَىْءٍۢ ۖ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ وَكِيلٌۭ

Translation: อัลลอฮ์คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงดูแลและคุ้มครองทุกสิ่ง(78)

Comment: (78)อัลลอฮ์เป็นผู้สร้างและผู้ให้บังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงมีอำนาจจัดการตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์

39:63

لَّهُۥ مَقَالِيدُ ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ ۗ وَٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ أُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْخَـٰسِرُونَ

Translation: การควบคุมดูแลกิจการแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์ และบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮ์ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน(79)

Comment: (79)คือกุญแจแห่งขุมคลังทุก ๆ สิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่มีผู้ใดอื่นจากพระองค์ที่จะครอบครองกิจการและมีอำนาจในการจัดการ บรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณ (อายาต) อันชัดแจ้งของอัลกุรอานและสิ่งปาฏิหาริย์ของอัลลอฮ์ พวกเขาเป็นผู้ขาดทุนอย่างย่อยยับ

39:64

قُلْ أَفَغَيْرَ ٱللَّهِ تَأْمُرُوٓنِّىٓ أَعْبُدُ أَيُّهَا ٱلْجَـٰهِلُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) พวกท่านใช้ให้ฉันเคารพสักการะสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ? โอ้ปวงบ่าวผู้โง่เขลาเอ๋ย!(80)

Comment: (80)อิบนฺกะซีร กล่าวในตัฟซีรของท่านว่า พวกมุชริกีนเพราะความโง่บัดซบของพวกเขาได้เรียกร้องเชิญชวนท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้เคารพบูชาบรรดาพระเจ้าของพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะเคารพภักดีพระเจ้าของท่าน อายะฮ์นี้จึงถูกประทานลงมา

39:65

وَلَقَدْ أُوحِىَ إِلَيْكَ وَإِلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبْلِكَ لَئِنْ أَشْرَكْتَ لَيَحْبَطَنَّ عَمَلُكَ وَلَتَكُونَنَّ مِنَ ٱلْخَـٰسِرِينَ

Translation: และโดยแน่นอน ได้มีวะฮีย์มายังเจ้า (มุฮัมมัด) และมายังบรรดานบีก่อนหน้าเจ้า หากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอฮ์) แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน(81)

Comment: (81)หากเจ้าตั้งภาคี โอ้มุฮัมมัดเอ๋ย! การงานที่ดีของเจ้าก็จะสูญเสีย และไร้ผล และแน่นอนในวันอาคิเราะฮ์เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุนอย่างย่อยยับ

39:66

بَلِ ٱللَّهَ فَٱعْبُدْ وَكُن مِّنَ ٱلشَّـٰكِرِينَ

Translation: แต่ว่าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู(82)

Comment: (82)จงให้ความบริสุทธิ์ใจในการอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์พระองค์เดียว และอย่าอิบาดะฮ์สิ่งใดอื่นนอกจากพระองค์และจงเป็นผู้กตัญญูขอบคุณ เพื่อความโปรดปรานแห่งพระผู้อภิบาลของเจ้า

39:67

وَمَا قَدَرُوا۟ ٱللَّهَ حَقَّ قَدْرِهِۦ وَٱلْأَرْضُ جَمِيعًۭا قَبْضَتُهُۥ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ وَٱلسَّمَـٰوَٰتُ مَطْوِيَّـٰتٌۢ بِيَمِينِهِۦ ۚ سُبْحَـٰنَهُۥ وَتَعَـٰلَىٰ عَمَّا يُشْرِكُونَ

Translation: และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮ์อันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริง และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮ์(83) และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี(84)

Comment: (83)พวกเขาไม่รู้จักอัลลอฮ์อย่างแท้จริง ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาได้ตั้งภาคีอื่นคู่เคียงกับพระองค์ ให้ความเท่าเทียมระหว่างพระองค์กับหิน ปูน และไม้ในการอิบาดะฮ์ แล้วพระองค์ทรงเตือนพวกเขาถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ว่า แผ่นดินนั้น ทั้งๆ ที่ความกว้างใหญ่ไพศาลของมัน แต่ในวันกิยามะฮ์มันจะอยู่ในกำพระหัตถ์และอำนาจของพระองค์

Comment: (84)อัลซะมัคชะรีย์ กล่าวไว้ในตัฟซีรอัลกัชชาฟของท่านว่า เป้าหมายของคำพูดนี้ เป็นการวาดให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และมิให้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ให้หยุดแค่เพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น คือมิให้วิจารณ์ถึงกำพระหัตถ์หรือพระหัตถ์ขวาแต่อย่างใด อัลลอฮ์มหาบริสุทธิ์ยิ่งจากสิ่งที่พวกมุชริกีนกล่าวหา เช่น คุณลักษณะที่บกพร่อง และไม่มีความสามารถ

39:68

وَنُفِخَ فِى ٱلصُّورِ فَصَعِقَ مَن فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَن فِى ٱلْأَرْضِ إِلَّا مَن شَآءَ ٱللَّهُ ۖ ثُمَّ نُفِخَ فِيهِ أُخْرَىٰ فَإِذَا هُمْ قِيَامٌۭ يَنظُرُونَ

Translation: และสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินจะล้มลงตายเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮ์ประสงค์(85) แล้วสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนมองดู(86)

Comment: (85)คือแตรสังข์ที่อิสรอฟีล อะลัยฮิสสลามใช้เป่าโดยอนุมัติของอัลลอฮ์ จุดมุ่งหมายของการเป่าสังข์ครั้งนี้คือการเป่าให้ตาย อิบนฺกะซีร กล่าวในหนังสือ مختصر ابن كثير เล่มที่ 3 หน้า 229 ว่า คือการเป่าครั้งที่สอง ซึ่งสิ่งที่มีชีวิตที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะตายหมด เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์

Comment: (86)แล้วแตรสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่งคือการเป่าให้มีชีวิต ณ บัดนั้นบรรดาสิ่งที่พระผู้อภิบาลสร้างขึ้นทั้งมวล ซึ่งตายไปแล้ว ก็จะลุกขึ้นจากกุบูรและยืนมองดูเพื่อรับคำบัญชา

39:69

وَأَشْرَقَتِ ٱلْأَرْضُ بِنُورِ رَبِّهَا وَوُضِعَ ٱلْكِتَـٰبُ وَجِا۟ىٓءَ بِٱلنَّبِيِّـۧنَ وَٱلشُّهَدَآءِ وَقُضِىَ بَيْنَهُم بِٱلْحَقِّ وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ

Translation: และแผ่นดินจะเป็นประกายด้วยรัศมีแห่งพระเจ้าของมัน และบันทึกจะถูกกางแผ่และ บรรดานบี และบรรดาพยานจะถูกนำมาและจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรมและพวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม(87)

Comment: (87)แผ่นดินในทุ่งมะห์ซัรจะประกายแสงออกมาด้วยรัศมีของอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์ ขณะที่พระองค์ปรากฏตัวขึ้นเพื่อตัดสินชี้ขาดระหว่างปวงบ่าว บันทึกการงานของปวงบ่าวจะถูกนำมากางแผ่เพื่อชำระสอบสวน บรรดานบีจะถูกนำมาเพื่อพระผู้อภิบาลจะสอบถามพวกเขาถึงการที่ประชาชาติของพวกเขาได้ตอบรับอย่างไรบ้าง ? บรรดาพยานคือผู้ที่มีหน้าที่บันทึกการงานของมนุษย์ก็จะถูกนำมาเช่นกัน เพื่อที่พระองค์จะตัดสินระหว่างปวงบ่าวด้วยความยุติธรรม พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแต่ประการใดจากการงานของพวกเขา ไม่ว่าจะด้วยการตัดทอนผลบุญ หรือเพิ่มการลงโทษ

39:70

وَوُفِّيَتْ كُلُّ نَفْسٍۢ مَّا عَمِلَتْ وَهُوَ أَعْلَمُ بِمَا يَفْعَلُونَ

Translation: และทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างครบครันตามที่มันได้กระทำไว้ และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้(88)

Comment: (88)มนุษย์ทุกคนจะได้รับการตอบแทนตามผลงานทั้งความดี และความชั่ว และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่มนุษย์ทุกคนกระทำไว้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบันทึกหรือพยาน

39:71

وَسِيقَ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓا۟ إِلَىٰ جَهَنَّمَ زُمَرًا ۖ حَتَّىٰٓ إِذَا جَآءُوهَا فُتِحَتْ أَبْوَٰبُهَا وَقَالَ لَهُمْ خَزَنَتُهَآ أَلَمْ يَأْتِكُمْ رُسُلٌۭ مِّنكُمْ يَتْلُونَ عَلَيْكُمْ ءَايَـٰتِ رَبِّكُمْ وَيُنذِرُونَكُمْ لِقَآءَ يَوْمِكُمْ هَـٰذَا ۚ قَالُوا۟ بَلَىٰ وَلَـٰكِنْ حَقَّتْ كَلِمَةُ ٱلْعَذَابِ عَلَى ٱلْكَـٰفِرِينَ

Translation: และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถูกไล่ต้อนสู่นรกเป็นกลุ่มๆ(89) จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออก(90)ยามเฝ้าประตูของมันจะกล่าวแก่พวกเขาว่า บรรดาร่อซูลจากพวกท่านมิได้มายังพวกท่านเพื่อสาธยายสัญญาณต่างๆ แห่งพระผู้อภิบาลของพวกท่านแก่พวกท่าน(91) และกล่าวเตือนพวกท่านถึงการพบในวันนี้ของพวกท่านดอกหรือ ? พวกเขากล่าวว่า เปล่าเลย แต่ทว่าพระประกาศิตแห่งการลงโทษเป็นที่คู่ควรแล้วแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(92)

Comment: (89)เสมือนกับบรรดาผู้ที่มีเวรกรรมในโลกดุนยาถูกไล่ต้อนไปสู่กรงขัง

Comment: (90)ประตูนรกจะถูกเปิดออกอย่างกะทันหันเพื่อต้อนรับพวกเขา

Comment: (91)เพื่อสาธยายบรรดาคัมภีร์ที่ถูกประทานมาจากฟากฟ้า

Comment: (92)คือขู่สำทับพวกท่านถึงความชั่วร้ายของวันนี้ดอกหรือ? พวกเขาตอบว่า บรรดาร่อซูลได้มาหาพวกเราและกล่าวเตือนพวกเราและได้นำหลักฐานและข้อพิสูจน์ต่าง ๆ มาแสดงแก่พวกเราแล้ว แต่พวกเราปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟัง

39:72

قِيلَ ٱدْخُلُوٓا۟ أَبْوَٰبَ جَهَنَّمَ خَـٰلِدِينَ فِيهَا ۖ فَبِئْسَ مَثْوَى ٱلْمُتَكَبِّرِينَ

Translation: จะมีเสียงกล่าวว่า พวกท่านจงเข้าไปในประตูทั้งหลายของนรก เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ดังนั้นที่พำนักของบรรดาผู้หยิ่งยโสชั่วช้าแท้ ๆ(93)

Comment: (93)จงเข้าไปรับการเผาไหม้ในนรกญะฮันนัม และพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล

39:73

وَسِيقَ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوْا۟ رَبَّهُمْ إِلَى ٱلْجَنَّةِ زُمَرًا ۖ حَتَّىٰٓ إِذَا جَآءُوهَا وَفُتِحَتْ أَبْوَٰبُهَا وَقَالَ لَهُمْ خَزَنَتُهَا سَلَـٰمٌ عَلَيْكُمْ طِبْتُمْ فَٱدْخُلُوهَا خَـٰلِدِينَ

Translation: และบรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขาจะถูกนำสู่สวนสวรรค์เป็นกลุ่มๆ(94) จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน และ ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออก(95) ยามเฝ้าประตูสวรรค์จะกล่าวแก่พวกเขาว่า ความศานติจงมีแด่พวกท่าน พวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจงเข้าไปในสวรรค์เป็นผู้พำนักอยู่ตลอดกาล

Comment: (94)คือพวกเขาจะถูกนำมาสู่สวนสวรรค์เป็นกลุ่ม ๆ อัลกุรฏุบีย์กล่าวไว้ในตัฟซีรของเขาว่า การนำชาวนรกไปสู่นรกคือการไล่ต้อนพวกเขาด้วยความอัปยศ และความต่ำต้อย เหมือนกับได้มีการกระทำกับอาชญากรนักโทษที่ทำผิดกฎหมาย ส่วนการนำชาวสวรรค์ไปสู่สวนสวรรค์นั้น พวกเขาจะถูกนำไปยังที่พำนักอันมีเกียรติและได้รับความโปรดปรานโดยการขี่พาหนะของพวกเขาไปเหมือนกับได้มีการปฏิบัติกับคณะผู้แทนที่จะเข้าเฝ้ากษัตริย์ ดังนั้นการนำไปสู่สถานที่ทั้งสองแห่งจึงแตกต่างกัน

Comment: (95)อัศศอวีย์ได้กล่าวไว้ในฮาชิยะฮ์ของเขาว่า เคล็ดลับในการเพิ่ม “วาว” ที่นี่ “วะฟุติฮัต” ไม่เหมือนกับอายะฮ์ที่ 71 ซึ่งไม่มี “วาว” คือ “ฟุติฮัต” เพราะบรรดาประตูคุกจะถูกปิดจนกว่าจะมีนักโทษมาจึงจะถูกเปิดเพื่อรับนักโทษแล้วปิดตามเดิม ซึ่งแตกต่างกับบรรดาประตูแห่งความปรีดาปราโมทย์ มันจะถูกเปิด เพื่อคอยต้อนรับผู้ที่จะเข้าไป ดังนั้นการเพิ่มจึงเหมาะสมกว่าอายะฮ์ก่อน ยามเฝ้าประตูสวนสวรรค์จะกล่าวแก่พวกเขาว่า ความศานติจงมีแด่ท่าน โอ้บรรดาผู้ยำเกรงที่เป็นคนดีทั้งหลาย พวกท่านบริสุทธิ์จากความผิดและบาปต่าง ๆ ดังนั้นพวกท่านจงเข้าไปในสวนสวรรค์ที่พำนักอันสถาพร

39:74

وَقَالُوا۟ ٱلْحَمْدُ لِلَّهِ ٱلَّذِى صَدَقَنَا وَعْدَهُۥ وَأَوْرَثَنَا ٱلْأَرْضَ نَتَبَوَّأُ مِنَ ٱلْجَنَّةِ حَيْثُ نَشَآءُ ۖ فَنِعْمَ أَجْرُ ٱلْعَـٰمِلِينَ

Translation: และพวกเขากล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์ผู้ซึ่งได้ทำให้สัญญาของพระองค์เป็นที่สมจริงแก่พวกเรา(96) และทรงทำให้เราได้ครอบครองแผ่นดินในสวนสวรรค์ เพื่อที่เราจะได้พำนักอยู่ตามที่เราประสงค์ ดังนั้นรางวัลของบรรดาผู้กระทำความดีช่างยอดเยี่ยมแท้ ๆ(97)

Comment: (96)นักตัฟซีรกล่าวว่า การกล่าวถึงสัญญาของอัลลอฮ์ ตะอาลา แก่พวกเขาด้วยคำกล่าวของพระองค์ที่ว่า تِلْكَ الْجَنَّةُ الَّتِيْ نُوْرِثُ مِنْ عِبَادِنَا َمْن كَانَ تَقِيَّا “นั่นคือสวนสวรรค์ซึ่งเราให้เป็นมรดกแก่ปวงบ่าวของเราผู้ที่มีความยำเกรง”

Comment: (97)ผลบุญของบรรดาผู้กระทำความดีด้วยการจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์นั่นคือ สวนสวรรค์ช่างยอดเยี่ยมแท้ ๆ

39:75

وَتَرَى ٱلْمَلَـٰٓئِكَةَ حَآفِّينَ مِنْ حَوْلِ ٱلْعَرْشِ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ ۖ وَقُضِىَ بَيْنَهُم بِٱلْحَقِّ وَقِيلَ ٱلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ ٱلْعَـٰلَمِينَ

Translation: และเจ้าจะเห็นมลาอิกะฮ์ห้อมล้อมรอบ ๆ บัลลังก์ แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระผู้อภิบาลของพวกเขา(98) และจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม และจะมีเสียงกล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก

Comment: (98)บรรดามลาอิกะฮ์จะห้อมล้อมบัลลังก์ของอัรรอห์มานทุก ๆ ด้าน แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญ อัลลอฮ์ ตะอาลา ด้วยคำกล่าวที่ว่า سُبْحَانَ اللهِ وَبِحَمْدِهِ سُبْحَانَ اللهِ الْعَظِيْمُ นักตัฟซีรอธิบายว่า คือมีเสียงกล่าวว่า อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ในความยุติธรรมของพระองค์และการตัดสินของพระองค์ ผู้ที่กล่าวคำสรรเสริญนี้คือบรรดามุอ์มิน ผู้ศรัทธาและพวกกุฟฟารผู้ปฏิเสธศรัทธา บรรดามุอ์มินกล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์ในความโปรดปรานของพระองค์ ส่วนพวกกุฟฟารผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวสรรเสริญพระองค์ในความยุติธรรมของพระองค์