سورة آل عمران

Aal-i-Imraan

The Family of Imraan


medinan   .   200 Ayahs

بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَـٰنِ ٱلرَّحِيمِ


3:1

الٓمٓ

Translation: อะลิฟ ลาม มีม

3:2

ٱللَّهُ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلْحَىُّ ٱلْقَيُّومُ

Translation: อัลลอฮ์นั้นคือ ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิตอยู่เสมอ(1) ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลายเป็นเนืองนิจ (ในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างและทรงบังเกิด)

Comment: (1)ไม่มีกาลอวสาน

3:3

نَزَّلَ عَلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ بِٱلْحَقِّ مُصَدِّقًۭا لِّمَا بَيْنَ يَدَيْهِ وَأَنزَلَ ٱلتَّوْرَىٰةَ وَٱلْإِنجِيلَ

Translation: พระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์นั้น(2) ลงมาแก่เจ้าโดยทะยอยลงมาพร้อมด้วยความจริง เพื่อยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้า(3) คัมภีร์นั้นและได้ทรงประทานอัตเตารอต และอัลอินญีล

Comment: (2)คัมภีร์อัลกุรอาน

Comment: (3)คัมภีร์อัตเตารอต และอัล อินญีลที่ถูกประทานลงมาก่อน อัลกุรอาน

3:4

مِن قَبْلُ هُدًۭى لِّلنَّاسِ وَأَنزَلَ ٱلْفُرْقَانَ ۗ إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ لَهُمْ عَذَابٌۭ شَدِيدٌۭ ۗ وَٱللَّهُ عَزِيزٌۭ ذُو ٱنتِقَامٍ

Translation: (ให้มี) มาก่อน ในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และได้ประทานอัลฟุรกอนมาด้วย แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์พวกเขาจะได้รับโทษอันรุนแรง และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงทำการลงโทษ

3:5

إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَخْفَىٰ عَلَيْهِ شَىْءٌۭ فِى ٱلْأَرْضِ وَلَا فِى ٱلسَّمَآءِ

Translation: แท้จริงอัลลอฮ์ไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินจะซ่อนเร้นพระองค์ไปได้ และทั้งไม่มีฟากฟ้าด้วย

3:6

هُوَ ٱلَّذِى يُصَوِّرُكُمْ فِى ٱلْأَرْحَامِ كَيْفَ يَشَآءُ ۚ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلْعَزِيزُ ٱلْحَكِيمُ

Translation: พระองค์คือผู้ทรงทำให้พวกเจ้ามีรูปร่างขึ้นในมดลูก ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

3:7

هُوَ ٱلَّذِىٓ أَنزَلَ عَلَيْكَ ٱلْكِتَـٰبَ مِنْهُ ءَايَـٰتٌۭ مُّحْكَمَـٰتٌ هُنَّ أُمُّ ٱلْكِتَـٰبِ وَأُخَرُ مُتَشَـٰبِهَـٰتٌۭ ۖ فَأَمَّا ٱلَّذِينَ فِى قُلُوبِهِمْ زَيْغٌۭ فَيَتَّبِعُونَ مَا تَشَـٰبَهَ مِنْهُ ٱبْتِغَآءَ ٱلْفِتْنَةِ وَٱبْتِغَآءَ تَأْوِيلِهِۦ ۗ وَمَا يَعْلَمُ تَأْوِيلَهُۥٓ إِلَّا ٱللَّهُ ۗ وَٱلرَّٰسِخُونَ فِى ٱلْعِلْمِ يَقُولُونَ ءَامَنَّا بِهِۦ كُلٌّۭ مِّنْ عِندِ رَبِّنَا ۗ وَمَا يَذَّكَّرُ إِلَّآ أُو۟لُوا۟ ٱلْأَلْبَـٰبِ

Translation: พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งจากคัมภีร์นั้น มีบรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน(4) ซึ่งโองการเหล่านั้น คือรากฐานของคัมภีร์(5) และมีโองการอื่นอีกที่มีข้อความเป็นนัย(6) ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีการเอนเอียงออกจากความจริง เขาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาความวุ่นวาย(7) และเพื่อแสวงหาการตีความในโองการนั้น(8) และไม่มีใครรู้ในการตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮ์และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้(9) โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราศรัทธาต่อโองการนั้นทั้งหมดนั้นมาจากที่ที่พระผู้อภิบาลของเราทั้งสิ้น และไม่มีใครที่จะรับคำตักเตือน นอกจาก บรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น

Comment: (4)เมื่อทุกคนได้อ่านหรือได้ฟังแล้วจะเข้าใจเหมือน ๆ กันโดยไม่ต้องตีความ

Comment: (5)เป็นหลักสำคัญของคัมภีร์ที่มุ่งหมายให้เป็นความรู้ทั้งในหลักการศรัทธาและในข้อปฏิบัติของมนุษย์ และยังเป็นหลักยึดถือในการตีความโองการที่เป็นนัยอีกด้วย

Comment: (6)มีข้อความในเชิงเปรียบเทียบ อาจเข้าใจหลายทาง ผู้ที่มีความรู้ในศาสนาของพระองค์อย่างกว้างขวางเท่านั้นที่จะเข้าใจในทางที่ถูกต้องได้

Comment: (7)เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ผู้ศรัทธาด้วยการตีความโองการที่เป็นนัยให้เฉออกไปจากความเป็นจริงที่พวกเขาเคยได้รับมาก่อน

Comment: (8)คือเพื่อหาทางตีความไปตามเป้าหมายที่เขาต้องการ โดยไม่คำนึงว่าจะขัดต่อความหมายของอายะฮ์ที่มีข้อความชัดเจนหรือไม่

Comment: (9)มีพื้นฐานแห่งความรู้อย่างมั่นคงเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ (ศิฟาต) และความมุ่งหมายในบทบัญญัติของพระองค์ ตลอดจนมีความรู้เกี่ยวกับหลักภาษาที่เป็นโองการของพระองค์อย่างกว้างขวางด้วย

3:8

رَبَّنَا لَا تُزِغْ قُلُوبَنَا بَعْدَ إِذْ هَدَيْتَنَا وَهَبْ لَنَا مِن لَّدُنكَ رَحْمَةً ۚ إِنَّكَ أَنتَ ٱلْوَهَّابُ

Translation: โอ้ พระผู้อภิบาลของพวกเรา! โปรดอย่าให้หัวใจของพวกเราเอนเอียงออกจากความจริงเลย หลังจากที่พระองค์ได้ทรงแนะนำแก่พวกเราแล้ว และโปรดได้ประทานความเอ็นดูเมตตาจากที่ที่พระองค์ให้แก่พวกเราด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นคือ ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย

3:9

رَبَّنَآ إِنَّكَ جَامِعُ ٱلنَّاسِ لِيَوْمٍۢ لَّا رَيْبَ فِيهِ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يُخْلِفُ ٱلْمِيعَادَ

Translation: โอ้ พระผู้อภิบาลของพวกเรา! แท้จริงพระองค์เป็นผู้ชุมนุมมนุษย์ทั้งหลายในวันหนึ่งซึ่งไม่มีการสงสัยใด ๆ ในวันนั้น(10) แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงผิดสัญญา

Comment: (10)หมายถึงวันกิยามะฮ์

3:10

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ لَن تُغْنِىَ عَنْهُمْ أَمْوَٰلُهُمْ وَلَآ أَوْلَـٰدُهُم مِّنَ ٱللَّهِ شَيْـًۭٔا ۖ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمْ وَقُودُ ٱلنَّارِ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ทรัพย์สมบัติของพวกเขา และลูก ๆ ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้แต่อย่างใดเลย และชนเหล่านี้แหละคือเชื้อเพลิงแห่งไฟนรก

3:11

كَدَأْبِ ءَالِ فِرْعَوْنَ وَٱلَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ ۚ كَذَّبُوا۟ بِـَٔايَـٰتِنَا فَأَخَذَهُمُ ٱللَّهُ بِذُنُوبِهِمْ ۗ وَٱللَّهُ شَدِيدُ ٱلْعِقَابِ

Translation: เช่นเดียวกับสภาพความเคยชินของวงศ์วานฟิรอาวน์ และบรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเขา ซึ่งพวกเขาได้ปฏิเสธบรรดาโองการของเรา แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ทรงลงโทษพวกเขา เพราะบาปกรรมของพวกเขาเอง และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงลงโทษอันรุนแรง

3:12

قُل لِّلَّذِينَ كَفَرُوا۟ سَتُغْلَبُونَ وَتُحْشَرُونَ إِلَىٰ جَهَنَّمَ ۚ وَبِئْسَ ٱلْمِهَادُ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า พวกท่านจะได้รับความปราชัย(11) และ (ในวันปรโลก) พวกท่านจะถูกต้อนไปสู่ญะฮันนัม และเป็นที่นอนอันเลวร้ายยิ่ง

Comment: (11)แล้วพระองค์ก็ทรงให้คำประกาศของท่านนบี มุฮัมมัด เป็นความจริง โดยให้ฝ่ายมุสลิมีนทำการปราบปราม บะนีกุร็อยเซาะฮ์ ตระกูลหนึ่งของยิว เนื่องจากทุจริตในคำมั่นสัญญา และทำการบังคับให้บะนีนะฎีร์ อีกตระกูลหนึ่งของยิว อพยพไปจากมะดีนะฮ์ ด้วยเหตุที่พวกเขาวางแผนฆ่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

3:13

قَدْ كَانَ لَكُمْ ءَايَةٌۭ فِى فِئَتَيْنِ ٱلْتَقَتَا ۖ فِئَةٌۭ تُقَـٰتِلُ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ وَأُخْرَىٰ كَافِرَةٌۭ يَرَوْنَهُم مِّثْلَيْهِمْ رَأْىَ ٱلْعَيْنِ ۚ وَٱللَّهُ يُؤَيِّدُ بِنَصْرِهِۦ مَن يَشَآءُ ۗ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَعِبْرَةًۭ لِّأُو۟لِى ٱلْأَبْصَـٰرِ

Translation: แน่นอนได้มีสัญญาณหนึ่งปรากฏแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งอยู่ในสองฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์(12) และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา(13) ซึ่งเห็นเขาเหล่านั้น(14) ด้วยตาตนเองเป็นสองเท่าของพวกเขา และอัลลอฮ์จะทรงสนับสนุนผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยการช่วยเหลือของพระองค์ แท้จริงในสิ่งที่กล่าวมาย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีดวงตา(15) ทั้งหลาย

Comment: (12)คือฝ่ายมุสลิมีน

Comment: (13)คือฝ่ายมุชริกีนมักกะฮ์

Comment: (14)คือเป็นฝ่ายมุสลิมีน, กล่าวคือฝ่ายมุชริกีนเห็นไปว่า ฝ่ายมุสลิมีนมีมากกว่าพวกเขาถึงสองเท่า ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายมุสลิมีนมีจำนวนน้อยกว่าพวกเขาเกือบสองเท่า คือมี 313 คน ส่วนฝ่ายมุชริกีนมี 950 คน อันเป็นเหตุให้พวกเขาเสียขวัญ และแพ้ฝ่ายมุสลิมีน ในการสู้รบกันครั้งนี้ฝ่ายมุชริกีนถูกฆ่าตาย 70 คน และถูกจับเป็นเชลย 70 คน ฝ่ายมุสลิมีนเสียชีวิต 14 คน

Comment: (15)คือผู้ที่ใช้ดวงตาของเขามองดูโดยพินิจพิเคราะห์

3:14

زُيِّنَ لِلنَّاسِ حُبُّ ٱلشَّهَوَٰتِ مِنَ ٱلنِّسَآءِ وَٱلْبَنِينَ وَٱلْقَنَـٰطِيرِ ٱلْمُقَنطَرَةِ مِنَ ٱلذَّهَبِ وَٱلْفِضَّةِ وَٱلْخَيْلِ ٱلْمُسَوَّمَةِ وَٱلْأَنْعَـٰمِ وَٱلْحَرْثِ ۗ ذَٰلِكَ مَتَـٰعُ ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا ۖ وَٱللَّهُ عِندَهُۥ حُسْنُ ٱلْمَـَٔابِ

Translation: ได้ถูกประดับประดา (ทำให้ลุ่มหลง) แก่มนุษย์ซึ่งความรักในบรรดาสิ่งที่เป็นเสน่ห์อันได้แก่บรรดาหญิงและลูกๆ ทองและเงินอันมากมาย และม้าดีและปศุสัตว์ และไร่นา นั่นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น และอัลลอฮ์ณ พระองค์ คือที่กลับอันสวยงาม

3:15

۞ قُلْ أَؤُنَبِّئُكُم بِخَيْرٍۢ مِّن ذَٰلِكُمْ ۚ لِلَّذِينَ ٱتَّقَوْا۟ عِندَ رَبِّهِمْ جَنَّـٰتٌۭ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ خَـٰلِدِينَ فِيهَا وَأَزْوَٰجٌۭ مُّطَهَّرَةٌۭ وَرِضْوَٰنٌۭ مِّنَ ٱللَّهِ ۗ وَٱللَّهُ بَصِيرٌۢ بِٱلْعِبَادِ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า จะให้ฉันบอกแก่พวกท่านถึงสิ่งที่ดียิ่งกว่านั้น(16) ไหม?สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรงนั้น ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะได้รับบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาลและจะได้รับบรรดาคู่ครองที่บริสุทธิ์(17) และความพึงใจจากอัลลอฮ์ด้วย และอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นบรรดาบ่าวทั้งหลาย

Comment: (16)คือ ดีกว่าบรรดาสิ่งที่เป็นเสน่ห์ซึ่งระบุอยู่ในอายะฮ์ที่ 13 ก่อนอายะฮ์นี้

Comment: (17)หมายถึงสวนสวรรค์ที่เรียกว่า “ฮูรุนอัยน์” ซึ่งอัลลอฮ์ได้ทรงให้มีขึ้นเพื่อตอบแทนแก่ผู้ยำเกรง ทั้งนี้นอกเหนือจากภรรยาของเขาที่ศรัทธา ซึ่งนางก็จะได้อยู่ร่วมกับเขาด้วย

3:16

ٱلَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَآ إِنَّنَآ ءَامَنَّا فَٱغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَقِنَا عَذَابَ ٱلنَّارِ

Translation: คือบรรดาผู้ที่กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลแห่งพวกข้าพระองค์ แท้จริงพวกข้าพระองค์ศรัทธากันแล้ว โปรดทรงอภัยโทษให้แก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด ซึ่งบรรดาความผิดของพวกข้าพระองค์ และโปรดได้ทรงป้องกันพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟรกด้วย

3:17

ٱلصَّـٰبِرِينَ وَٱلصَّـٰدِقِينَ وَٱلْقَـٰنِتِينَ وَٱلْمُنفِقِينَ وَٱلْمُسْتَغْفِرِينَ بِٱلْأَسْحَارِ

Translation: บรรดาผู้ที่อดทน และบรรดาผู้ที่พูดจริง และบรรดาผู้ที่ภักดี และบรรดาผู้ที่บริจาคและบรรดาผู้ที่ขออภัยโทษในยามใกล้รุ่ง(18)

Comment: (18)คือก่อนฟะญัรขึ้น หมายถึงผู้ที่สละความสุขในยามนั้น โดยลุกขึ้นละหมาดตะฮัจญุด และขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์

3:18

شَهِدَ ٱللَّهُ أَنَّهُۥ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ وَٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ وَأُو۟لُوا۟ ٱلْعِلْمِ قَآئِمًۢا بِٱلْقِسْطِ ۚ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلْعَزِيزُ ٱلْحَكِيمُ

Translation: อัลลอฮ์ทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าใดนอกจากพระองค์เท่านั้น และมลาอิกะฮ์ และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ก็ยืนยันด้วยว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น

3:19

إِنَّ ٱلدِّينَ عِندَ ٱللَّهِ ٱلْإِسْلَـٰمُ ۗ وَمَا ٱخْتَلَفَ ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ إِلَّا مِنۢ بَعْدِ مَا جَآءَهُمُ ٱلْعِلْمُ بَغْيًۢا بَيْنَهُمْ ۗ وَمَن يَكْفُرْ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ فَإِنَّ ٱللَّهَ سَرِيعُ ٱلْحِسَابِ

Translation: แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮ์คือ อัลอิสลาม(19) และบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์(20) มิได้ขัดแย้งกันเว้นแต่หลังจากที่ได้รับความรู้(21) มายังพวกเขาเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาระหว่างพวกเขา(22) เอง และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์แล้วไซร้แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระสอบสวน

Comment: (19)หมายถึงศาสนาแห่งการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามโดยปราศจากการขัดแย้ง

Comment: (20)หมายถึง ยิวและคริสต์

Comment: (21)หมายถึงความรู้จากอัลกุรอาน ที่ท่านนบีนำมา

Comment: (22)คืออิจฉาริษยาพวกเขากันเองที่ยอมรับความจริง และศรัทธาต่อท่านนบี

3:20

فَإِنْ حَآجُّوكَ فَقُلْ أَسْلَمْتُ وَجْهِىَ لِلَّهِ وَمَنِ ٱتَّبَعَنِ ۗ وَقُل لِّلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْأُمِّيِّـۧنَ ءَأَسْلَمْتُمْ ۚ فَإِنْ أَسْلَمُوا۟ فَقَدِ ٱهْتَدَوا۟ ۖ وَّإِن تَوَلَّوْا۟ فَإِنَّمَا عَلَيْكَ ٱلْبَلَـٰغُ ۗ وَٱللَّهُ بَصِيرٌۢ بِٱلْعِبَادِ

Translation: แล้วหากพวกเขาโต้แย้งเจ้า ก็จงกล่าวเถิดว่าฉันได้มอบใบหน้า (ร่างกาย) ของฉัน(23) แด่อัลลอฮ์แล้ว และผู้ที่ปฏิบัติตามฉัน(ก็มอบ) ด้วยและเจ้าจงกล่าวแก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ และบรรดาผู้ที่เขียนอ่านไม่เป็น(24) ว่า พวกท่านมอบ (ใบหน้าแด่อัลลอฮ์) แล้วหรือ? ถ้าหากพวกเขาได้มอบแล้วแน่นอน พวกเขาก็ได้รับแล้ว ซึ่งแนวทางอันถูกต้อง และถ้าหากพวกเขาผินหลังให้ แท้จริงหน้าที่ของเจ้านั้นเพียงการประกาศให้ทราบเท่านั้น(25) และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวทั้งหลาย

Comment: (23)หมายถึงร่างกายทั้งหมดด้วยชาวอาหรับถือว่าใบหน้าเป็นส่วนสำคัญของร่างกายเมื่อระบุถึงใบหน้าจึงหมายถึงร่างกายทั้งหมดด้วย

Comment: (24)คือพวกมุชริกีนมักกะฮ์

Comment: (25)คือไม่มีหน้าที่บังคับให้ใครศรัทธา

3:21

إِنَّ ٱلَّذِينَ يَكْفُرُونَ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ وَيَقْتُلُونَ ٱلنَّبِيِّـۧنَ بِغَيْرِ حَقٍّۢ وَيَقْتُلُونَ ٱلَّذِينَ يَأْمُرُونَ بِٱلْقِسْطِ مِنَ ٱلنَّاسِ فَبَشِّرْهُم بِعَذَابٍ أَلِيمٍ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(26) ต่อโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์และฆ่าบรรดานบีโดยปราศจากความเป็นธรรม และฆ่าบรรดาผู้ที่ใช้ให้มีความยุติธรรม จากหมู่ประชาชนนั้น(27) เจ้า (มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดี(28) แก่พวกเขาเถิด ด้วยการลงโทษอันเจ็บแสบ

Comment: (26)หมายถึงชาวยิว

Comment: (27)คือ ฆ่าประชาชนที่เรียกร้องให้มีความยุติธรรม

Comment: (28)การแจ้งข่าวลงโทษด้วยคำว่า “ข่าวดี” นั้นเป็นการปรามที่รุนแรงยิ่งแก่ ผู้ที่ดื้อดัน

3:22

أُو۟لَـٰٓئِكَ ٱلَّذِينَ حَبِطَتْ أَعْمَـٰلُهُمْ فِى ٱلدُّنْيَا وَٱلْـَٔاخِرَةِ وَمَا لَهُم مِّن نَّـٰصِرِينَ

Translation: ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่บรรดาการงานของพวกเขาไร้ผลทั้งในโลกนี้ และปรโลก และจะไม่มีบรรดาผู้ช่วยเหลือแก่พวกเขาเลย

3:23

أَلَمْ تَرَ إِلَى ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ نَصِيبًۭا مِّنَ ٱلْكِتَـٰبِ يُدْعَوْنَ إِلَىٰ كِتَـٰبِ ٱللَّهِ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ ثُمَّ يَتَوَلَّىٰ فَرِيقٌۭ مِّنْهُمْ وَهُم مُّعْرِضُونَ

Translation: เจ้า(มุฮัมมัด) มิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์(29) ดอกหรือ? โดยที่พวกเขาถูกเชิญไปสู่คัมภีร์ของอัลลอฮ์ (30)เพื่อคัมภีร์นั้นจะได้ตัดสินระหว่างพวกเขา(31) (พวกผิดประเวณี) แล้วกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาก็ผินหลังกลับโดยที่พวกเขาก็ผินหลังให้อยู่

Comment: (29)คือพวกยิวนั้นจดจำเพียงส่วนหนึ่งของคัมภีร์เตารอตเท่านั้น เพราะส่วนอื่น ๆ ของคัมภีร์ได้สูญหายไปบ้าง และถูกบิดเบือนบ้าง

Comment: (30)หมายถึงคัมภีร์เตารอต

Comment: (31)กล่าวคือมีการทำซินา (ล่วงประเวณี) เกิดขึ้นในหมู่ผู้มีเกียรติของยิว พวกเขาจึงถามนักปราชญ์ของพวกเขาถึงโทษการทำซินาสำหรับผู้ที่เคยแต่งงานแล้ว นักปราชญ์เหล่านั้นได้แจ้งให้ทราบว่าคัมภีร์เตารอตได้ระบุไว้ว่า ให้ขว้างด้วยหินจนตาย แต่เนื่องด้วยความสงสารจึงใช้พวกเขาให้ไปหาท่านนบีมุฮัมมัด เพื่อว่าท่านจะมีทางออกที่ดีกว่า แต่แล้วท่าน นบีก็ตัดสินลงโทษเช่นเดียวกับที่ระบุไว้ในคัมภีร์ของพวกเขา กล่าวคือให้ขว้างด้วยหินจนตาย และได้ยืนยันแก่พวกเขาด้วยว่าในคัมภีร์ของพวกเขา ก็ระบุไว้เช่นเดียวกัน และเมื่อได้นำคัมภีร์ของพวกเขามาเปิดดู ก็ปรากฏเป็นความจริง ท่านนบีจึงได้สั่งลงโทษ ในการนี้ทำให้กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาแสดงความไม่พอใจและผินหลังให้ ทั้ง เป็นบัญญัติที่ระบุอยู่ในคัมภีร์ของพวกเขาเอง

3:24

ذَٰلِكَ بِأَنَّهُمْ قَالُوا۟ لَن تَمَسَّنَا ٱلنَّارُ إِلَّآ أَيَّامًۭا مَّعْدُودَٰتٍۢ ۖ وَغَرَّهُمْ فِى دِينِهِم مَّا كَانُوا۟ يَفْتَرُونَ

Translation: นั่นก็เพราะพวกเขากล่าวว่า ไฟนรกจะไม่แตะต้องพวกเราเลย นอกจากบรรดาวันที่ถูกนับไว้(32) และสิ่งที่พวกเขากุขึ้นในศาสนาของพวกเขา(33) ได้หลอกลวงพวกเขาให้หลงเชื่อ

Comment: (32)คือเพียง 40 วันเท่านั้น อันเป็นระยะเวลาที่พวกเขาสักการะลูกวัว ทั้งนี้เป็นความเข้าใจผิดของพวกเขา

Comment: (33)คือ กุขึ้นว่า “พวกเขาเป็นพระบุตรของอัลลอฮ์ และเป็นที่รักใคร่ของพระองค์”

3:25

فَكَيْفَ إِذَا جَمَعْنَـٰهُمْ لِيَوْمٍۢ لَّا رَيْبَ فِيهِ وَوُفِّيَتْ كُلُّ نَفْسٍۢ مَّا كَسَبَتْ وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ

Translation: แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อเราได้ชุมนุมพวกเขาไว้สำหรับวันหนึ่ง(34) ซึ่งในวันนั้นไม่มีการสงสัยใดๆ(35) และแต่ละชีวิตจะถูกตอบแทนอย่างครบถ้วนในสิ่งที่มีชีวิตนั้นได้แสวงหาไว้ โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรม

Comment: (34)คือวันกิยามะฮ์ อันเป็นวันฟื้นคืนชีพ

Comment: (35)คือเป็นวันที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

3:26

قُلِ ٱللَّهُمَّ مَـٰلِكَ ٱلْمُلْكِ تُؤْتِى ٱلْمُلْكَ مَن تَشَآءُ وَتَنزِعُ ٱلْمُلْكَ مِمَّن تَشَآءُ وَتُعِزُّ مَن تَشَآءُ وَتُذِلُّ مَن تَشَآءُ ۖ بِيَدِكَ ٱلْخَيْرُ ۖ إِنَّكَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ قَدِيرٌۭ

Translation: จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าข้าแต่อัลลอฮ์ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งอำนาจทั้งปวง! พระองค์นั้นจะทรงประทานอำนาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงถอดถอนอำนาจจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงยังความต่ำต้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ความดีทั้งหลายนั้นอยู่ที่พระหัตถ์(36) ของพระองค์ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

Comment: (36)หมายถึง ความดีทั้งหลายเกิดขึ้นด้วยอำนาจและเดชานุภาพของพระองค์ทั้งสิ้น คำว่า بيدك มีความหมายว่า พระหัตถ์ของพระองค์ ตามแนวทางสลัฟถือว่า เป็นคุณลักษณะของอัลลอฮ์ที่มุอ์มินทุกคนต้องศรัทธาโดยไม่ตีความ และนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น

3:27

تُولِجُ ٱلَّيْلَ فِى ٱلنَّهَارِ وَتُولِجُ ٱلنَّهَارَ فِى ٱلَّيْلِ ۖ وَتُخْرِجُ ٱلْحَىَّ مِنَ ٱلْمَيِّتِ وَتُخْرِجُ ٱلْمَيِّتَ مِنَ ٱلْحَىِّ ۖ وَتَرْزُقُ مَن تَشَآءُ بِغَيْرِ حِسَابٍۢ

Translation: พระองค์ทรงให้กลางคืนเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันเข้าไปในกลางคืน(37) และทรงให้สิ่งที่มีชีวิต ออกจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต และทรงให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตออกจากสิ่งที่มีชีวิต(38) และทรงให้ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พะองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการคำนวณ

Comment: (37)คือทรงให้ส่วนหนึ่งของกลางคืนเข้าไปในเวลากลางวันทำให้กลางวันยาวนานกว่ากลางคืน และให้ส่วนหนึ่งของกลางวันเข้าไปในเวลากลางคืน ทำให้กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน

Comment: (38)เช่นให้ต้นอินทผลัมออกจากเมล็ดอินทผลัม และให้เมล็ดอินทผลัมออกจากต้นอินทผลัม เป็นต้น

3:28

لَّا يَتَّخِذِ ٱلْمُؤْمِنُونَ ٱلْكَـٰفِرِينَ أَوْلِيَآءَ مِن دُونِ ٱلْمُؤْمِنِينَ ۖ وَمَن يَفْعَلْ ذَٰلِكَ فَلَيْسَ مِنَ ٱللَّهِ فِى شَىْءٍ إِلَّآ أَن تَتَّقُوا۟ مِنْهُمْ تُقَىٰةًۭ ۗ وَيُحَذِّرُكُمُ ٱللَّهُ نَفْسَهُۥ ۗ وَإِلَى ٱللَّهِ ٱلْمَصِيرُ

Translation: ผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้น จงอย่าได้ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากบรรดามุอ์มิน และผู้ใดกระทำเช่นนั้น เขาย่อมไม่อยู่ในสิ่งใดที่มาจากอัลลอฮ์(39) นอกจากพวกเจ้าจะป้องกัน (ให้พ้นอันตราย) จากพวกเขาจริงๆ เท่านั้น(40) และอัลลอฮ์ทรงเตือนพวกเจ้า ให้ยำเกรงพระองค์ และยังอัลลอฮ์นั้นคือการกลับไป(41) (ของพวกเจ้า)

Comment: (39)กล่าวคือ ถ้ามุมินคนใด เอาผู้ปฏิเสธศรัทธามาเป็นมิตร รู้เห็นความลับต่าง ๆ ของมุสลิมีนแล้ว เขาก็มิได้ตั้งอยู่ในศาสนาของอัลลอฮ์ แต่อย่างใด

Comment: (40)กล่าวคือถ้าพวกเจ้าเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากพวกเขาจริง และต้องการที่จะป้องกันอันตรายดังกล่าว ด้วยการแสดงตนเป็นมิตรแก่พวกเขาแล้ว ก็อนุญาตให้กระทำได้

Comment: (41)คือมนุษย์ทุกคนนั้นจะต้องกลับไปยังอัลลอฮ์

3:29

قُلْ إِن تُخْفُوا۟ مَا فِى صُدُورِكُمْ أَوْ تُبْدُوهُ يَعْلَمْهُ ٱللَّهُ ۗ وَيَعْلَمُ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۗ وَٱللَّهُ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ قَدِيرٌۭ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าหากพวกท่านปกปิดสิ่งที่อยู่ในอกของพวกท่าน หรือเปิดเผยมันก็ตาม อัลลอฮ์ก็ย่อมรู้สิ่งนั้นดีและทรงรู้สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และอัลลอฮ์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

3:30

يَوْمَ تَجِدُ كُلُّ نَفْسٍۢ مَّا عَمِلَتْ مِنْ خَيْرٍۢ مُّحْضَرًۭا وَمَا عَمِلَتْ مِن سُوٓءٍۢ تَوَدُّ لَوْ أَنَّ بَيْنَهَا وَبَيْنَهُۥٓ أَمَدًۢا بَعِيدًۭا ۗ وَيُحَذِّرُكُمُ ٱللَّهُ نَفْسَهُۥ ۗ وَٱللَّهُ رَءُوفٌۢ بِٱلْعِبَادِ

Translation: วันที่ทุกชีวิตพบความดีที่ตนได้ประกอบไว้ ถูกนำมาอยู่ต่อหน้า และความชั่วที่ตนได้ประกอบไว้ด้วยโดยชอบ หากว่าระหว่างตนกับความชั่วนั้นจะมีระยะทางที่ห่างไกล และอัลลอฮ์ทรงเตือนพวกเจ้าให้ยำเกรงพระองค์ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกรุณาปราณีต่อปวงบ่าวทั้งหลาย

3:31

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ ٱللَّهَ فَٱتَّبِعُونِى يُحْبِبْكُمُ ٱللَّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ ۗ وَٱللَّهُ غَفُورٌۭ رَّحِيمٌۭ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮ์ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งความผิดทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

3:32

قُلْ أَطِيعُوا۟ ٱللَّهَ وَٱلرَّسُولَ ۖ فَإِن تَوَلَّوْا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ لَا يُحِبُّ ٱلْكَـٰفِرِينَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลเถิด(42) แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

Comment: (42)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

3:33

۞ إِنَّ ٱللَّهَ ٱصْطَفَىٰٓ ءَادَمَ وَنُوحًۭا وَءَالَ إِبْرَٰهِيمَ وَءَالَ عِمْرَٰنَ عَلَى ٱلْعَـٰلَمِينَ

Translation: แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงคัดเลือก อาดัมและนูห์ และวงศ์วานของอิบรอฮีม และวงศ์วานของอิมรอนให้เหนือกว่าประชาชาติทั้งหลาย(43)

Comment: (43)คือ คัดเลือกให้เป็นนบีและร่อซูลของพระองค์ อันมีฐานะเหนือกว่าประชาชาติทั้งมวล

3:34

ذُرِّيَّةًۢ بَعْضُهَا مِنۢ بَعْضٍۢ ۗ وَٱللَّهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ

Translation: เป็นเผ่าพันธุ์ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกันและกัน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

3:35

إِذْ قَالَتِ ٱمْرَأَتُ عِمْرَٰنَ رَبِّ إِنِّى نَذَرْتُ لَكَ مَا فِى بَطْنِى مُحَرَّرًۭا فَتَقَبَّلْ مِنِّىٓ ۖ إِنَّكَ أَنتَ ٱلسَّمِيعُ ٱلْعَلِيمُ

Translation: จงรำลึกถึงขณะที่ภรรยาของอิมรอน(44) กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์! แท้จริงข้าพระองค์ได้บนไว้โดยให้สิ่ง(บุตร)ที่อยู่ในครรภ์ของข้าพระองค์(45) ถูกเจาะจงอยู่ในฐานะผู้เคารพอิบาดะฮ์ต่อพระองค์และรับใช้พระองค์เท่านั้น ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดรับจากข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

Comment: (44)คือนางฮันนะฮ์

Comment: (45)หมายถึงบุตรที่อยู่ในครรภ์ของนาง

3:36

فَلَمَّا وَضَعَتْهَا قَالَتْ رَبِّ إِنِّى وَضَعْتُهَآ أُنثَىٰ وَٱللَّهُ أَعْلَمُ بِمَا وَضَعَتْ وَلَيْسَ ٱلذَّكَرُ كَٱلْأُنثَىٰ ۖ وَإِنِّى سَمَّيْتُهَا مَرْيَمَ وَإِنِّىٓ أُعِيذُهَا بِكَ وَذُرِّيَّتَهَا مِنَ ٱلشَّيْطَـٰنِ ٱلرَّجِيمِ

Translation: ครั้นเมื่อนางได้คลอดบุตร นางก็กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์! แท้จริงข้าพระองค์ได้คลอดบุตรเป็นหญิง(46) และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งกว่าถึงบุตรที่นางได้คลอดมา(47) และใช่ว่าเพศชายนั้นจะเหมือนกันเพศหญิงก็หาไม่(48) และข้าพระองค์ได้ตั้งชื่อเขาว่า “มัรยัม” แล้วข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ให้ทรงคุ้มครองนาง และลูกของนางให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกขับไล่(49)

Comment: (46)คือนางได้กล่าวด้วยความผิดหวังที่บุตรของนางมิได้เป็นชายตามที่นางตั้งใจไว้ว่าจะได้เป็นผู้รับใช้พระผู้เป็นเจ้าในโบสถ์

Comment: (47)เป็นประโยคแรกเพื่อทรงแจ้งให้ทราบไว้ก่อนว่าพระองค์ทรงรู้ดียิ่งกว่านางที่บุตรของนางเป็นหญิง

Comment: (48)คือนางได้กล่าวปรารภว่า เพศชายที่นางตั้งความหวังไว้นั้นย่อมแตกต่างจากเพศหญิงแน่นอน เพราะเพศชายนั้นเหมาะสมในการรับใช้ในโบสถ์ แตกต่างกับเพศหญิงซึ่งไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติเช่นนั้น อย่างไรก็ดีมีนักปราชญ์บางท่านให้ทรรศนะว่า ประโยคนี้เป็นดำรัสของอัลลอฮ์ ซึ่งทรงยืนยันว่าเพศชายที่นางปรารถนานั้นใช่ว่าจะเท่าเทียมกับเพศหญิงก็หาไม่ เพราะเพศที่นางคลอดมานี้แหละจะเป็นมารดาของบุคคลสำคัญ คือท่านนบีอีซา

Comment: (49)คือถูกขับไล่ให้ห่างไกลจากเราะห์มัดของอัลลอฮ์

3:37

فَتَقَبَّلَهَا رَبُّهَا بِقَبُولٍ حَسَنٍۢ وَأَنۢبَتَهَا نَبَاتًا حَسَنًۭا وَكَفَّلَهَا زَكَرِيَّا ۖ كُلَّمَا دَخَلَ عَلَيْهَا زَكَرِيَّا ٱلْمِحْرَابَ وَجَدَ عِندَهَا رِزْقًۭا ۖ قَالَ يَـٰمَرْيَمُ أَنَّىٰ لَكِ هَـٰذَا ۖ قَالَتْ هُوَ مِنْ عِندِ ٱللَّهِ ۖ إِنَّ ٱللَّهَ يَرْزُقُ مَن يَشَآءُ بِغَيْرِ حِسَابٍ

Translation: แล้วพระเจ้าของนางก็ทรงรับมัรยัมไว้อย่างดี และทรงให้นางเจริญวัยอย่างดีด้วยและได้ทรงให้ซะกะรียาอุปการะนาง คราใดที่ซะกะรียาเข้าไปหานางที่อัลมิห์รอบ(50) เขาก็พบปัจจัยยังชีพ(51) อยู่ที่นาง เขากล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย! เธอได้สิ่งนี้มาอย่างไร?นางกล่าวว่า มันมาจากที่อัลลอฮ์แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการคิดคำนวณ

Comment: (50)คือห้องพักของนบีซะกะรียา ซึ่งติดกับด้านหน้าของโบสถ์มีประตูขึ้นไปด้วยซึ่งขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ขั้น และเป็นหอสวดส่วนตัวของท่านด้วย

Comment: (51)หมายถึงผลไม้

3:38

هُنَالِكَ دَعَا زَكَرِيَّا رَبَّهُۥ ۖ قَالَ رَبِّ هَبْ لِى مِن لَّدُنكَ ذُرِّيَّةًۭ طَيِّبَةً ۖ إِنَّكَ سَمِيعُ ٱلدُّعَآءِ

Translation: ที่โน่น(52) แหละ ซะกะรียาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขา โดยกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ โปรดได้ทรงประทานแก่ข้าพระองค์ซึ่งบุตรที่ดีคนหนึ่งจากที่พระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินคำวิงวอน

Comment: (52)หมายถึงที่ที่นางมัรยัม บอกแก่นบีซะกะรียาเกี่ยวกับผลไม้ที่นางได้รับ

3:39

فَنَادَتْهُ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ وَهُوَ قَآئِمٌۭ يُصَلِّى فِى ٱلْمِحْرَابِ أَنَّ ٱللَّهَ يُبَشِّرُكَ بِيَحْيَىٰ مُصَدِّقًۢا بِكَلِمَةٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَسَيِّدًۭا وَحَصُورًۭا وَنَبِيًّۭا مِّنَ ٱلصَّـٰلِحِينَ

Translation: และมลาอิกะฮ์ได้เรียกเขา ขณะที่เขากำลังยืนละหมาด(53) อยู่ในอัลมิห์รอบ(54) ว่า แท้จริง อัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ท่านด้วยยะห์ยา(55) โดยที่จะเป็นผู้ยืนยันพจมานหนึ่ง(56) จากอัลลอฮ์และจะเป็นผู้นำและผู้รักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์(57) และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่ชนที่เป็นคนดี

Comment: (53)คือละหมาดตามแบบอย่างที่ถูกบัญญัติขึ้นในสมัยนั้น

Comment: (54)ได้อธิบายไว้แล้วในอายะฮ์ที่ 37 ของซูเราะห์นี้

Comment: (55)คือแจ้งข่าวดีให้ทราบว่าท่านจะได้บุตรชื่อ ยะห์ยา

Comment: (56)หมายถึง ท่านนบีอีซา เพราะท่านเกิดด้วยพจมานของอัลลอฮ์ที่ว่า “กุน-จงเป็นขึ้น” กล่าวคือ ท่านนบียะห์ยาจะยืนยันว่าท่านนบีอีซาจะติดตามท่านมาในไม่ช้า ซึ่งท่านจะเกิดขึ้นจากมารดาของท่านด้วยประกาศิตของอัลลอฮ์ โดยปราศจากบิดา

Comment: (57)คือระวังรักษาตัวไม่ประพฤติสิ่งที่จะทำให้ท่านมีราคี พร้อมกันนั้นก็จะไม่ยอมแต่งงานอีกด้วย ทั้งนี้เพื่ออุทิศชีวิตให้ประโยชน์แก่สังคมได้มากที่สุด แต่แล้วก็ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของเฮโรโดส ผู้ครองนครปาเลสไตน์

3:40

قَالَ رَبِّ أَنَّىٰ يَكُونُ لِى غُلَـٰمٌۭ وَقَدْ بَلَغَنِىَ ٱلْكِبَرُ وَٱمْرَأَتِى عَاقِرٌۭ ۖ قَالَ كَذَٰلِكَ ٱللَّهُ يَفْعَلُ مَا يَشَآءُ

Translation: เขา(58) กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร โดยที่ความชราภาพได้มาถึงข้าพระองค์แล้ว และภรรยาของข้าพระองค์ก็เป็นหมันด้วย พระองค์ตรัสว่า กระนั้นก็ตามอัลลอฮ์จะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์

Comment: (58)หมายถึงนบีซะกะรียา

3:41

قَالَ رَبِّ ٱجْعَل لِّىٓ ءَايَةًۭ ۖ قَالَ ءَايَتُكَ أَلَّا تُكَلِّمَ ٱلنَّاسَ ثَلَـٰثَةَ أَيَّامٍ إِلَّا رَمْزًۭا ۗ وَٱذْكُر رَّبَّكَ كَثِيرًۭا وَسَبِّحْ بِٱلْعَشِىِّ وَٱلْإِبْكَـٰرِ

Translation: เขากล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์! โปรดได้ทรงให้มีสัญญาณหนึ่งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด พระองค์ตรัสว่าสัญญาณของเจ้านั้นคือ เจ้าจะไม่สามารถพูดแก่ผู้คนเป็นเวลาสามวัน(59) นอกจากด้วยการแสดงท่าทางเท่านั้น(60) และจงรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าให้มาก และจงกล่าวสดุดีในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ทั้งในเวลายืนและเวลาเช้า

Comment: (59)หมายถึงสามคืนด้วย

Comment: (60)คือใช้มือแสดงท่าทางบอกใบ้แทนการพูด

3:42

وَإِذْ قَالَتِ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ يَـٰمَرْيَمُ إِنَّ ٱللَّهَ ٱصْطَفَىٰكِ وَطَهَّرَكِ وَٱصْطَفَىٰكِ عَلَىٰ نِسَآءِ ٱلْعَـٰلَمِينَ

Translation: และจงรำลึกขณะที่มลาอิกะฮ์กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย! แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงเลือกเธอและทรงทำให้เธอบริสุทธิ์ และได้ทรงเลือกเธอให้เหนือบรรดาหญิงแห่งประชาชาติทั้งหลาย

3:43

يَـٰمَرْيَمُ ٱقْنُتِى لِرَبِّكِ وَٱسْجُدِى وَٱرْكَعِى مَعَ ٱلرَّٰكِعِينَ

Translation: มัรยัมเอ๋ย! จงภักดีต่อพระผู้อภิบาลของเจ้าเถิด และจงสุญูดและรุกูอ์ ร่วมกับรรดาผู้รุกูอ์ทั้งหลาย

3:44

ذَٰلِكَ مِنْ أَنۢبَآءِ ٱلْغَيْبِ نُوحِيهِ إِلَيْكَ ۚ وَمَا كُنتَ لَدَيْهِمْ إِذْ يُلْقُونَ أَقْلَـٰمَهُمْ أَيُّهُمْ يَكْفُلُ مَرْيَمَ وَمَا كُنتَ لَدَيْهِمْ إِذْ يَخْتَصِمُونَ

Translation: นั่นคือส่วนหนึ่งจากบรรดาข่าวของสิ่งเร้นลับ ซึ่งเราชี้แจงให้เจ้า(61) ทราบ และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา(62) ขณะที่พวกเขาโยนเครื่องเสี่ยงทายของพวกเขา(เพื่อทราบว่า) ใครในหมู่พวกเขาจะได้อุปการะมัรยัม และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา ขณะพวกเขาโต้เถียงกัน(63)

Comment: (61)คือท่านนบีมุฮัมมัด

Comment: (62)หมายถึงพวกพระในโบสถ์

Comment: (63)คือโต้เถียงกันว่าใครเป็นผู้เหมาะสมที่จะอุปการะนางมัรยัม เกี่ยวกับการโยนเครื่องเสี่ยงทาย เพื่อทราบว่าใครจะได้เป็นผู้อุปการะนางมัรยัมนั้น พวกก็อดยานีบิดเบือนไปว่า เพื่อหาสามีให้นาง และในที่สุดการเสี่ยงทายนั้นก็ได้แก่ยูซุฟ หรือโยเซฟ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทรรศนะของพวกเขาที่ว่า ท่านนบี อีซามีพ่อดูบะยานุลกรุอาน เล่ม 3 หน้า 591-592

3:45

إِذْ قَالَتِ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةُ يَـٰمَرْيَمُ إِنَّ ٱللَّهَ يُبَشِّرُكِ بِكَلِمَةٍۢ مِّنْهُ ٱسْمُهُ ٱلْمَسِيحُ عِيسَى ٱبْنُ مَرْيَمَ وَجِيهًۭا فِى ٱلدُّنْيَا وَٱلْـَٔاخِرَةِ وَمِنَ ٱلْمُقَرَّبِينَ

Translation: จงรำลึกถึงขณะที่มลาอิกะฮ์กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมานหนึ่ง(64) จากพระองค์ ชื่อของเขาคืออัลมะซีห์อีซาบุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเป็นผู้มีเกียรติในโลกนี้ และปรโลก และจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด(65)

Comment: (64)หมายถึงบุตรคนหนึ่ง เพราะบุตรของนางเกิดจากพจมานของพระองค์ ที่ว่า “กุน-จงเป็นขึ้น” ในการนี้จึงเรียกนบีอีซา บุตรของนางว่า “พจมาน” หรือ “กะลิมะฮ์”

Comment: (65)คือใกล้ชิดอัลลอฮ์

3:46

وَيُكَلِّمُ ٱلنَّاسَ فِى ٱلْمَهْدِ وَكَهْلًۭا وَمِنَ ٱلصَّـٰلِحِينَ

Translation: และเขา(66) จะพูดแก่ผู้คนขณะอยู่ในเปล(67) และในวัยกลางคน(68) และจะอยู่ในหมู่คนดี

Comment: (66)หมายถึงนบีอีซา

Comment: (67)คือขณะยังเป็นเด็กนอนแบเบาะอยู่ในเปล แต่พวกก็อดยานีบิดเบือนไปว่าเพียงพูด อ้อแอ้เท่านั้นไม่ใช่พูดเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อแก้ข้อกล่าวหาแทนแม่ของท่าน ตามที่อัลกุรอานได้ระบุไว้ ดู บะยานุลกุรอาน เล่ม 3 หน้าที่ 596-597

Comment: (68)คือในวัยที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นร่อซูล ทั้งนี้เป็นการพูดในฐานะทำหน้าที่ประกาศศาสนา

3:47

قَالَتْ رَبِّ أَنَّىٰ يَكُونُ لِى وَلَدٌۭ وَلَمْ يَمْسَسْنِى بَشَرٌۭ ۖ قَالَ كَذَٰلِكِ ٱللَّهُ يَخْلُقُ مَا يَشَآءُ ۚ إِذَا قَضَىٰٓ أَمْرًۭا فَإِنَّمَا يَقُولُ لَهُۥ كُن فَيَكُونُ

Translation: นางกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มิได้มีบุรุษใดแตะต้องข้าพระองค์(69) พระองค์ตรัสว่า กระนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว? พระองค์ก็เพียงประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นขึ้นเถิด แล้วมันก็จะเป็นขึ้น

Comment: (69)คือทั้ง ๆ ที่ไม่มีชายใดแตะต้องตัวเธอ ในฐานะสามี ในเรื่องนี้ พวกก็อดยานีบิดเบือนไปว่า พระนางมัรยัม มีสามีชื่อโยเซฟ ซึ่งเป็นบิดาของท่านนบีอีซา และนอกจากท่านนบีอีซาแล้ว ทั้งสองยังมีลูกชายและลูกหญิงอีกหลายคน ดูบะยานุกุรอาน เล่ม 3 หน้า 600-603

3:48

وَيُعَلِّمُهُ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْحِكْمَةَ وَٱلتَّوْرَىٰةَ وَٱلْإِنجِيلَ

Translation: และพระองค์ก็จะทรงสอนเขา ซึ่งการเขียน(70) และความรู้อันถูกต้อง และสอนอัตเตารอต และอัลอินญีล(71)

Comment: (70)คำว่า “การเขียน” นี้แปลจากคำว่า “อัลกิตาบ” ทั้งนี้ตามที่ตัฟซีร อัลมะรอฆี และตัฟซีร อัลญะลาลัยน์ ได้อธิบายไว้

Comment: (71)อัตเตารอต คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่นบีมูซา และอินญีล คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่นบีอีซา

3:49

وَرَسُولًا إِلَىٰ بَنِىٓ إِسْرَٰٓءِيلَ أَنِّى قَدْ جِئْتُكُم بِـَٔايَةٍۢ مِّن رَّبِّكُمْ ۖ أَنِّىٓ أَخْلُقُ لَكُم مِّنَ ٱلطِّينِ كَهَيْـَٔةِ ٱلطَّيْرِ فَأَنفُخُ فِيهِ فَيَكُونُ طَيْرًۢا بِإِذْنِ ٱللَّهِ ۖ وَأُبْرِئُ ٱلْأَكْمَهَ وَٱلْأَبْرَصَ وَأُحْىِ ٱلْمَوْتَىٰ بِإِذْنِ ٱللَّهِ ۖ وَأُنَبِّئُكُم بِمَا تَأْكُلُونَ وَمَا تَدَّخِرُونَ فِى بُيُوتِكُمْ ۚ إِنَّ فِى ذَٰلِكَ لَـَٔايَةًۭ لَّكُمْ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ

Translation: และเป็นฑูต (นบีอีซา) ไปยังวงศ์วานอิสรออีล (โดยที่เขาจะกล่าวว่า) แท้จริงนั้นได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว โดยที่ฉันจะจำลองขึ้นจากดินให้แก่พวกท่าน ดั่งรูปนก แล้วฉันจะเป่าเข้าไปในมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นนก ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์และฉันจะรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อน(72) และฉันจะให้ผู้ที่ตายแล้วมีชีวิตขึ้น(73) ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์และฉันจะบอกพวกท่านถึงสิ่งที่พวกท่านจะบริโภคกันและสิ่งที่พวกท่านสะสมไว้ในบ้านของพวกท่าน แท้จริงในนั้น(74) มีสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

Comment: (72)คือโรคเรื้อน ชนิดผิวด่างทั้งตัว และคัน

Comment: (73)พวกก็อดยานีไม่เชื่อว่าท่านนบีอีซาจะรักษาคนตายให้เป็นขึ้นได้ตามที่อัลลอฮ์แจ้งไว้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงบิดเบือนไปว่า คนที่ตายนั้นหมายถึง “คนเป็นโรคจิตตายด้าน” หรือ “คนตายทางจิต” ดูบะยานุลกุรอาน เล่ม 3 หน้า 617-618 และกุรอานมะญีด เล่ม 1 หน้า 124

Comment: (74)คือในการที่ท่านนบีอีซาได้ให้นกเป็นขึ้นจากดิน รักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อนให้หาย ตลอดจนให้คนที่ตายมีชีวิตขึ้นมาใหม่นั้น เป็นสัญญาณหนึ่งแห่งเดชานุภาพของอัลลอฮ์ที่ประจักษ์ในการกระทำของท่านนบีอีซา

3:50

وَمُصَدِّقًۭا لِّمَا بَيْنَ يَدَىَّ مِنَ ٱلتَّوْرَىٰةِ وَلِأُحِلَّ لَكُم بَعْضَ ٱلَّذِى حُرِّمَ عَلَيْكُمْ ۚ وَجِئْتُكُم بِـَٔايَةٍۢ مِّن رَّبِّكُمْ فَٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ وَأَطِيعُونِ

Translation: และฉันจะเป็นผู้มายืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของฉัน(75) อันได้แก่ อัตเตารอต และเพื่อที่ฉันจะได้อนุมัติแก่พวกท่าน ซึ่งบางสิ่งที่ถูกห้ามแก่พวกท่าน(76) และฉันได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของท่านมายังพวกท่านแล้ว(77) ดังนั้นพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงเชื่อฟังฉัน

Comment: (75)หมายถึงคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาก่อนหน้าท่าน อันได้แก่ ปลา เนื้ออูฐ และไขมัน ตลอดจนการทำงานในวันสะบาโต

Comment: (76)อันได้แก่ ปลา เนื้ออูฐ และไขมัน ตลอดจนการทำงานในวันสะบาโต

Comment: (77)อันได้แก่การให้นกเป็นขึ้นจากดิน และรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อนให้หาย เป็นต้น

3:51

إِنَّ ٱللَّهَ رَبِّى وَرَبُّكُمْ فَٱعْبُدُوهُ ۗ هَـٰذَا صِرَٰطٌۭ مُّسْتَقِيمٌۭ

Translation: แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือ พระผู้อภิบาลของฉัน และพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น จงอิบาดะฮ์(78) ต่อพระองค์เถิด นี้แหละคือทางอันเที่ยงตรง

Comment: (78)หมายถึง การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ และปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์โดยหวังในความกรุณาของพระองค์เท่านั้น

3:52

۞ فَلَمَّآ أَحَسَّ عِيسَىٰ مِنْهُمُ ٱلْكُفْرَ قَالَ مَنْ أَنصَارِىٓ إِلَى ٱللَّهِ ۖ قَالَ ٱلْحَوَارِيُّونَ نَحْنُ أَنصَارُ ٱللَّهِ ءَامَنَّا بِٱللَّهِ وَٱشْهَدْ بِأَنَّا مُسْلِمُونَ

Translation: ครั้นเมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา(79) จึงได้กล่าวว่า ใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์(80) บรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ์(81) พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว และท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้น คือผู้น้อมตาม

Comment: (79)คือหมู่ชนชาวยิว

Comment: (80)คือไปสู่ศาสนาของพระองค์

Comment: (81)คือช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮ์

3:53

رَبَّنَآ ءَامَنَّا بِمَآ أَنزَلْتَ وَٱتَّبَعْنَا ٱلرَّسُولَ فَٱكْتُبْنَا مَعَ ٱلشَّـٰهِدِينَ

Translation: ข้าแต่พระผู้อภิบาลของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ศรัทธาแล้วต่อสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมา และพวกข้าพระองค์ก็ได้ปฏิบัติตามร่อซูลแล้ว โปรดทรงบันทึกพวกข้าพระองค์ร่วมกับบรรดาผู้ที่กล่าวปฏิญาณทั้งหลายด้วยเถิด(82)

Comment: (82)คือกล่าวปฏิญาณยืนยันในเอกภาพแห่งการเป็นพระเจ้าของพระองค์ และในการยอมรับทูตของพระองค์ที่พระองค์ส่งมา

3:54

وَمَكَرُوا۟ وَمَكَرَ ٱللَّهُ ۖ وَٱللَّهُ خَيْرُ ٱلْمَـٰكِرِينَ

Translation: และพวกเขาได้วางแผน(83) และอัลลอฮ์ก็ทรงวางแผนด้วย(84) และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงวางแผนที่ดีเยี่ยม

Comment: (83)คือพวกยิวที่ปฏิเสธศรัทธาต่อท่านนบีอีซา ได้วางแผนที่จะกำจัดท่าน

Comment: (84)คือวางแผนที่จะปกป้องท่านนบีอีซาให้พ้นจากการทำร้ายของพวกเขา

3:55

إِذْ قَالَ ٱللَّهُ يَـٰعِيسَىٰٓ إِنِّى مُتَوَفِّيكَ وَرَافِعُكَ إِلَىَّ وَمُطَهِّرُكَ مِنَ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَجَاعِلُ ٱلَّذِينَ ٱتَّبَعُوكَ فَوْقَ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓا۟ إِلَىٰ يَوْمِ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۖ ثُمَّ إِلَىَّ مَرْجِعُكُمْ فَأَحْكُمُ بَيْنَكُمْ فِيمَا كُنتُمْ فِيهِ تَخْتَلِفُونَ

Translation: จงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ตรัสว่า โอ้ อีซา ! ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิตและร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า และจะเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์ พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้าเหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ แล้วยังข้าคือ การกลับไปของพวกเจ้า แล้วข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน

3:56

فَأَمَّا ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ فَأُعَذِّبُهُمْ عَذَابًۭا شَدِيدًۭا فِى ٱلدُّنْيَا وَٱلْـَٔاخِرَةِ وَمَا لَهُم مِّن نَّـٰصِرِينَ

Translation: ส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาน ข้าจะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรงทั้งในโลกนี้และปรโลก และจะไม่มีบรรดาผู้ช่วยเหลือใดสำหรับพวกเขา

3:57

وَأَمَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَعَمِلُوا۟ ٱلصَّـٰلِحَـٰتِ فَيُوَفِّيهِمْ أُجُورَهُمْ ۗ وَٱللَّهُ لَا يُحِبُّ ٱلظَّـٰلِمِينَ

Translation: และส่วนบรรดาผู้ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีทั้งหลาย พระองค์จะทรงตอบแทนแก่พวกเขาโดยครบถ้วน ซึ่งรางวัลของพวกเขาและอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักบรรดาผู้อธรรม

3:58

ذَٰلِكَ نَتْلُوهُ عَلَيْكَ مِنَ ٱلْـَٔايَـٰتِ وَٱلذِّكْرِ ٱلْحَكِيمِ

Translation: ดังกล่าวนั้นแหละ เราอ่านมันให้เจ้าฟัง อันได้แก่โองการต่าง ๆ และคำเตือนให้รำลึกที่รัดกุมชัดเจน

3:59

إِنَّ مَثَلَ عِيسَىٰ عِندَ ٱللَّهِ كَمَثَلِ ءَادَمَ ۖ خَلَقَهُۥ مِن تُرَابٍۢ ثُمَّ قَالَ لَهُۥ كُن فَيَكُونُ

Translation: แท้จริง อุปมาของอีซา ณ อัลลอฮ์ดั่งอุปมัยของอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาจากดิน(85) และได้ทรงประกาศิตแก่เขาว่าจงเป็นขึ้นเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้น

Comment: (85)กล่าวคือ ท่านนบีอีซานั้นแม้ว่าจะเกิดจากแม่ที่มิได้สมสู่กับชายใด ตามกฎสภาวการณ์ ก็ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ในเดชานุภาพ ของอัลลอฮ์ เพราะสิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น พระองค์ก็ยังให้เกิดขึ้นได้ และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปด้วยนั่นก็คือ นบีอาดัม ซึ่งเกิดขึ้นจากดิน โดยไม่มีทั้งพ่อและแม่ ดังนั้นเมื่อยอมรับในเดชานุภาพาของอัลลอฮ์ในการบังเกิดท่านนบีอาดัมจากดิน โดยไม่มีทั้งพ่อและแม่แล้ว ไฉนเล่าจึงจะไม่เชื่อในเดชานุภาพของอัลลอฮ์ในการบังเกิดนบีอีซา จากแม่แต่ผู้เดียว

3:60

ٱلْحَقُّ مِن رَّبِّكَ فَلَا تَكُن مِّنَ ٱلْمُمْتَرِينَ

Translation: ความจริง(86) นั้นมาจากพระเจ้าของเจ้า (มุฮัมมัด) ดังนั้นเจ้าจงอย่าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด

Comment: (86)คือเรื่องราวเกี่ยวกับท่านนบีอีซาที่เกิดขึ้นจากแม่แต่ผู้เดียวนั้น เป็นความจริง มิใช่อย่างที่ชาวคริสต์เข้าใจว่าเป็นบุตรของพระเจ้า หรือที่ชาวยิวกล่าวหาว่าเป็นบุตรของยูซุฟ อันนัจญาร์ (โจเซฟช่างไม้)

3:61

فَمَنْ حَآجَّكَ فِيهِ مِنۢ بَعْدِ مَا جَآءَكَ مِنَ ٱلْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوْا۟ نَدْعُ أَبْنَآءَنَا وَأَبْنَآءَكُمْ وَنِسَآءَنَا وَنِسَآءَكُمْ وَأَنفُسَنَا وَأَنفُسَكُمْ ثُمَّ نَبْتَهِلْ فَنَجْعَل لَّعْنَتَ ٱللَّهِ عَلَى ٱلْكَـٰذِبِينَ

Translation: ดังนั้น ผู้ใดที่โต้เถียงเจ้าในเรื่องของเขา (อีซา)(87) หลังจากที่ได้มีความรู้มายังเจ้าแล้ว(88) ก็จงกล่าวเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงมาเถิด(89) เราก็จะเรียกลูกๆ ของเรา และลูกของพวกท่านและเรียกบรรดาผู้หญิงของเรา และบรรดาผู้หญิงของพวกท่านและตัวของพวกเรา และตัวของพวกท่านและเราก็จะวิงวอนกัน (ต่ออัลลอฮ์) ด้วยความนอบน้อม โดยที่เราจะขอให้ละฮ์นัด(90) ของอัลลอฮ์พึงประสบ แก่บรรดาผู้ที่พูดโกหก(91)

Comment: (87)คือโต้เถียงว่า นบีอีซาเป็นบุตรของอัลลอฮ์ เช่น พวกชาวคริสต์แห่งตำบลนัจญรอน หรือเถียงว่า นบีอีซามีพ่อ ชื่อยูซุฟ อันนัจญาร เช่น พวกยิว และพวกก็อดยานี เป็นต้น

Comment: (88)คือหลังจากที่อัลลอฮ์ได้ทรงแจ้งให้ทราบว่า นบีอีซานั้น เกิดจากประกาศิตของพระองค์ มิใช่เกิดจากการมีพ่อเยี่ยงคนอื่น

Comment: (89)คือเรียกพวกคริสต์ แห่งตำบลนัจญรอนที่ไม่ยอมเชื่อหรือใครอื่นที่มีสภาพอย่างเดียวกัน

Comment: (90)คือการสาปแช่งและการขับไล่ให้ห่างไกลจากเราะฮ์มัด (ความเมตตา) ของอัลลอฮ์

Comment: (91)คือถ้าฝ่ายใดพูดโกหกก็ให้ละฮ์นัต ของอัลลอฮ์ ประสบแก่พวกเขา แต่แล้วพวกคริสต์แห่งนัจญรอนไม่ยอมรับคำท้า

3:62

إِنَّ هَـٰذَا لَهُوَ ٱلْقَصَصُ ٱلْحَقُّ ۚ وَمَا مِنْ إِلَـٰهٍ إِلَّا ٱللَّهُ ۚ وَإِنَّ ٱللَّهَ لَهُوَ ٱلْعَزِيزُ ٱلْحَكِيمُ

Translation: แท้จริงนี้(92) เป็นเรื่องจริง และไม่มีพระเจ้าใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และแท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

Comment: (92)คือเรื่องที่นบี อีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ

3:63

فَإِن تَوَلَّوْا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ عَلِيمٌۢ بِٱلْمُفْسِدِينَ

Translation: แล้วหากพวกเขาผินหลังให้ แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรู้ดี ต่อผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย

3:64

قُلْ يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ تَعَالَوْا۟ إِلَىٰ كَلِمَةٍۢ سَوَآءٍۭ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ أَلَّا نَعْبُدَ إِلَّا ٱللَّهَ وَلَا نُشْرِكَ بِهِۦ شَيْـًۭٔا وَلَا يَتَّخِذَ بَعْضُنَا بَعْضًا أَرْبَابًۭا مِّن دُونِ ٱللَّهِ ۚ فَإِن تَوَلَّوْا۟ فَقُولُوا۟ ٱشْهَدُوا۟ بِأَنَّا مُسْلِمُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์! จงมายังถ้อยคำหนึ่งซึ่งเท่าเทียมกัน(93) ระหว่างเราและพวกท่าน คือว่าเราจะไม่เคาระสักการะนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และเราจะไม่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และพวกเราบางคนก็จะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์แล้วหากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นผู้นอบน้อม

Comment: (93)คือไม่ขัดแย้งกัน เนื่องจากทั้งคัมภีร์เตารอตและอินญีลได้บัญญัติไว้อย่างเดียวกัน

3:65

يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لِمَ تُحَآجُّونَ فِىٓ إِبْرَٰهِيمَ وَمَآ أُنزِلَتِ ٱلتَّوْرَىٰةُ وَٱلْإِنجِيلُ إِلَّا مِنۢ بَعْدِهِۦٓ ۚ أَفَلَا تَعْقِلُونَ

Translation: โอ้บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์! เพราะเหตุใดเล่าพวกเจ้าจึงโต้เถียงกันในตัวของอิบรอฮีม(94) และอัตเตารอต และอัลอินญีล มิได้ถูกประทานลงมา นอกจากหลังจากเขา(95) แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ

Comment: (94)คือพวกยิวและพวกคริสต์ต่างโต้เถียงกันเกี่ยวกับนบีอิบรอฮีม โดยที่แต่ละฝ่ายอ้างว่า นบีอิบรอฮีมตั้งอยู่ในศาสนาของตน

Comment: (95)คือหลังจากท่านนบีอิบรอฮีมเป็นเวลานาน กล่าวกันว่า ระหว่าง นบีอิบรอฮีม และนบีมูซา ประมาณ 700 ปี และระหว่างนบีมูซากับนบีอีซาประมาณ 1,000 ปี

3:66

هَـٰٓأَنتُمْ هَـٰٓؤُلَآءِ حَـٰجَجْتُمْ فِيمَا لَكُم بِهِۦ عِلْمٌۭ فَلِمَ تُحَآجُّونَ فِيمَا لَيْسَ لَكُم بِهِۦ عِلْمٌۭ ۚ وَٱللَّهُ يَعْلَمُ وَأَنتُمْ لَا تَعْلَمُونَ

Translation: พวกเจ้านี้แหละ(96) ได้โต้เถียงกันในสิ่งที่พวกเจ้ามีความรู้ในสิ่งนั้นแล้ว(97) แล้วก็เหตุไฉนเล่า พวกเจ้าจึงโต้เถียงกันในสิ่งที่พวกเจ้าไม่มีความรู้(98) และอัลลอฮ์ทรงรู้ แต่พวกเจ้าไม่รู้

Comment: (96)คือพวกยิวและพวกคริสต์

Comment: (97)คือมีความรู้ในเรื่องของท่านนบี อีซาดีว่าท่านเป็นบุตรของนางมัรยัม และเป็นนบี แต่พวกเขาก็ยังโต้เถียงกันโดยที่ชาวคริสต์กล่าวว่า ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า และชาวยิวก็กล่าวว่า ท่านโกหกที่ประกาศตนเป็นนบี

Comment: (98)คือไม่มีความรู้เกี่ยวกับท่านนบีอิบรอฮีม เพราะท่านมาก่อนพวกเขาเป็นเวลาช้านาน และมิได้ถูกรุบุไว้ในคัมภีร์ของพวกเขาด้วยว่าท่านเป็นยิวหรือเป็นคริสต์ แล้วพวกเขาไปทึกทักเอามาจากไหนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าท่านตั้งอยู่ในศาสนาของตน

3:67

مَا كَانَ إِبْرَٰهِيمُ يَهُودِيًّۭا وَلَا نَصْرَانِيًّۭا وَلَـٰكِن كَانَ حَنِيفًۭا مُّسْلِمًۭا وَمَا كَانَ مِنَ ٱلْمُشْرِكِينَ

Translation: อิบรอฮีมมิได้เป็นยิว และมิได้เป็นคริสต์(99) แต่ทว่าเขาเป็นผู้หันออกจากความเท็จสู่ความจริง เป็นผู้น้อมตาม(100) และเขาก็ไม่เคยอยู่ในหมู่ผู้ให้มีภาคี (แก่อัลลอฮ์)

Comment: (99)คือมิได้ตั้งอยู่ในศาสนายิวและศาสนาคริสต์

Comment: (100)คือน้อมตามบัญญัติของอัลลอฮ์โดยปราศจากเงื่อนไข

3:68

إِنَّ أَوْلَى ٱلنَّاسِ بِإِبْرَٰهِيمَ لَلَّذِينَ ٱتَّبَعُوهُ وَهَـٰذَا ٱلنَّبِىُّ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ۗ وَٱللَّهُ وَلِىُّ ٱلْمُؤْمِنِينَ

Translation: แท้จริงผู้คนที่สมควรยิ่งต่ออิบรอฮีม ย่อมได้แก่บรรดาผู้ปฏิบัติตามเขา(101) และปฏิบัติตามนบีนี้(102) และบรรดาผู้ที่ศรัทธาด้วย(103) และอัลลอฮ์ทรงคุ้มครองผู้ศรัทธาทั้งหลาย

Comment: (101)คือปฏิบัติตามนบีอิบรอฮีม ในการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ เป็นผู้น้อมตามบัญญัติของพระองค์ และหันออกจากความเท็จไปสู่ความจริง

Comment: (102)คือปฏิบัติตามท่านนบีมุฮัมมัดด้วย เพราะท่านตั้งอยู่บนแนวทางของนบีอิบรอฮีม

Comment: (103)คือผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด

3:69

وَدَّت طَّآئِفَةٌۭ مِّنْ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ لَوْ يُضِلُّونَكُمْ وَمَا يُضِلُّونَ إِلَّآ أَنفُسَهُمْ وَمَا يَشْعُرُونَ

Translation: กลุ่มหนึ่งจากผู้ได้รับคัมภีร์ชอบ หากพวกเขาจะทำให้พวกเจ้าหลงผิด และพวกเขาจะไม่ทำให้ใครหลงผิด นอกจากตัวของพวกเขาเองแต่พวกเขาไม่รู้

3:70

يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لِمَ تَكْفُرُونَ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ وَأَنتُمْ تَشْهَدُونَ

Translation: โอ้ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! เพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์(104)ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็เป็นพยานยืนยันอยู่(105)

Comment: (104)คือโองการของอัลลอฮ์ที่ระบุอยู่ทั้งในคัมภีร์เตารอต และอินญีล อันกอปรไปด้วยลักษณะของท่านนบีมุฮัมมัด

Comment: (105)คือยืนยันว่าลักษณะที่ระบุอยู่ในคัมภีร์ของพวกเขานั้นตรงกับลักษณะของท่านนบีมุฮัมมัด

3:71

يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لِمَ تَلْبِسُونَ ٱلْحَقَّ بِٱلْبَـٰطِلِ وَتَكْتُمُونَ ٱلْحَقَّ وَأَنتُمْ تَعْلَمُونَ

Translation: โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! เพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงปกคลุมความจริงด้วยความเท็จ(106) และปกปิดความจริงไว้(107) ทั้งๆ ที่พวกเจ้าก็รู้ดีอยู่

Comment: (106)คือบิดเบือนความจริงที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของพวกเขาอันได้แก่การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ และการบอกข่าวเกี่ยวกับนบีท่านหนึ่งที่สืบเชื้อสายมากจากนบีอิสมาอีล หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด พวกเขาบิดเบือนเรื่องดังกล่าวด้วยสิ่งเท็จที่นักปราชญ์ของพวกเขาได้กุขึ้น ประหนึ่งเอาความเท็จสวมปิดความจริงไว้

Comment: (107)คือปกปิดลักษณะของท่านนบีมุฮัมมัดไว้

3:72

وَقَالَت طَّآئِفَةٌۭ مِّنْ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ ءَامِنُوا۟ بِٱلَّذِىٓ أُنزِلَ عَلَى ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَجْهَ ٱلنَّهَارِ وَٱكْفُرُوٓا۟ ءَاخِرَهُۥ لَعَلَّهُمْ يَرْجِعُونَ

Translation: และกลุ่มหนึ่งจากหมู่ผู้ได้รับคัมภีร์กล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกให้ลงมาแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา(108) ในตอนเริ่มแรกของกลางวัน(เช้า) และจงปฏิเสธศรัทธาในตอนสุท้ายของมัน (เย็น) เพื่อว่าพวกเขาจะได้กลับใจ(109)

Comment: (108)คือศรัทธาต่ออัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาแก่ผู้ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัดในเวลาเช้า และก็ปฏิเสธการศรัทธานั้นเสียในเวลาเย็น

Comment: (109)คือเพื่อว่าผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนบีจะได้แคลงใจต่อท่านนบี และปฏิเสธศรัทธา อย่างที่พวกเราปฏิบัติ คือพวกยิวได้กล่าวห้ามพวกเขา

3:73

وَلَا تُؤْمِنُوٓا۟ إِلَّا لِمَن تَبِعَ دِينَكُمْ قُلْ إِنَّ ٱلْهُدَىٰ هُدَى ٱللَّهِ أَن يُؤْتَىٰٓ أَحَدٌۭ مِّثْلَ مَآ أُوتِيتُمْ أَوْ يُحَآجُّوكُمْ عِندَ رَبِّكُمْ ۗ قُلْ إِنَّ ٱلْفَضْلَ بِيَدِ ٱللَّهِ يُؤْتِيهِ مَن يَشَآءُ ۗ وَٱللَّهُ وَٰسِعٌ عَلِيمٌۭ

Translation: และพวกท่านจงอย่าเชื่อ(110) นอกจากแก่ผู้ที่ปฏิบัติตามศาสนาของพวกท่านเท่านั้น จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า คำแนะนำนั้นคือ คำแนะนำของอัลลอฮ์เท่านั้น(111) (คือจงอย่าเชื่อว่า) จะมีผู้ใดได้รับ(112) เยี่ยงที่พวกท่านจะได้รับ หรือ (อย่าเชื่อว่า) เขาเหล่านั้น(113) จะโต้แย้งพวกท่าน ณ พระผู้อภิบาลของพวกท่านเลย จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงความโปรดปรานนั้นอยู่ ณ พระหัตถ์ของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ก็จะทรงประทานมันให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงแผ่ไพศาลผู้ทรงรอบรู้

Comment: (110)คือพวกยิวได้กล่าวห้ามพวกเขา

Comment: (111)หมายถึงคำแนะที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้น คือคำแนะที่มาจากอัลลอฮ์เท่านั้น อนึ่งประโยคแห่งข้อความนี้เป็นประโยคแทรก

Comment: (112)คือไม่มีผู้ใดในประชาชาติอื่น จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นร่อซูล เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกท่านได้รับ

Comment: (113)หมายถึงบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

3:74

يَخْتَصُّ بِرَحْمَتِهِۦ مَن يَشَآءُ ۗ وَٱللَّهُ ذُو ٱلْفَضْلِ ٱلْعَظِيمِ

Translation: พระองค์จะทรงเจาะจงความเมตตาของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่

3:75

۞ وَمِنْ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ مَنْ إِن تَأْمَنْهُ بِقِنطَارٍۢ يُؤَدِّهِۦٓ إِلَيْكَ وَمِنْهُم مَّنْ إِن تَأْمَنْهُ بِدِينَارٍۢ لَّا يُؤَدِّهِۦٓ إِلَيْكَ إِلَّا مَا دُمْتَ عَلَيْهِ قَآئِمًۭا ۗ ذَٰلِكَ بِأَنَّهُمْ قَالُوا۟ لَيْسَ عَلَيْنَا فِى ٱلْأُمِّيِّـۧنَ سَبِيلٌۭ وَيَقُولُونَ عَلَى ٱللَّهِ ٱلْكَذِبَ وَهُمْ يَعْلَمُونَ

Translation: และจากหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น มีผู้ที่หากเจ้าฝากเขาไว้ซึ่งทรัพย์สมบัติอันมากมาย เขาก็จะคืนมันแก่เจ้า และจากหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่หากเจ้าฝากเขาไว้สักเหรียญทองหนึ่ง เขาก็จะไม่คืนมันแก่เจ้า นอกจากเจ้าจะยืนเฝ้าทวงเขาอยู่เท่านั้น นั่นก็เพราะว่าพวกเขากล่าวว่า ในหมู่ผู้ที่อ่านเขียนไม่เป็นนั้น ไม่มีทางใดที่เป็นโทษแก่เราได้(114) และพวกเขากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ทั้งๆ ที่พวกเขารู้กันดีอยู่

Comment: (114)กล่าวคือ พวกเขาถือว่าการโกงบรรดาผู้ที่เขียนอ่านไม่เป็นในหมู่ชนชาติอาหรับนั้นไม่มีบาปหรือโทษใด ๆ เพราะเขาเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ทรงเกลียดชัง ดังกล่าวนี้เป็นการกล่าวเท็จให้แก่อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อีกกระทงหนึ่ง

3:76

بَلَىٰ مَنْ أَوْفَىٰ بِعَهْدِهِۦ وَٱتَّقَىٰ فَإِنَّ ٱللَّهَ يُحِبُّ ٱلْمُتَّقِينَ

Translation: มิใช่นั้นดอก(115) ผู้ใดที่รักษาสัญญาของเขาโดยครบถ้วน และยำเกรง(อัลลอฮ์) แล้วแน่นอนอัลลอฮ์ทรงชอบผู้ที่ยำเกรงทั้งหลาย

Comment: (115)คือมิใช่เป็นอย่างที่พวกเขาอุปโลกน์ความเท็จขึ้นดอก เพราะการโกงผู้อื่นนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถือว่าเป็นความผิดและจะได้รับโทษ

3:77

إِنَّ ٱلَّذِينَ يَشْتَرُونَ بِعَهْدِ ٱللَّهِ وَأَيْمَـٰنِهِمْ ثَمَنًۭا قَلِيلًا أُو۟لَـٰٓئِكَ لَا خَلَـٰقَ لَهُمْ فِى ٱلْـَٔاخِرَةِ وَلَا يُكَلِّمُهُمُ ٱللَّهُ وَلَا يَنظُرُ إِلَيْهِمْ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ وَلَا يُزَكِّيهِمْ وَلَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌۭ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ที่นำสัญญาของอัลลอฮ์และการสาบานของพวกเขาไปขายด้วยราคาอันเล็กน้อยนั้น(116) ชนเหล่านี้แหละไม่มีส่วนได้ใด ๆ แก่พวกเขาในปรโลก และอัลลอฮ์จะไม่ทรงพูดแก่พวกเขา และจะไม่ทรงมองดูพวกเขาในวันกิยามะฮ์ และทั้งจะไม่ทำให้พวกเขาสะอาดด้วย(117) และพวกเขาจะได้รับโทษอันเจ็บแสบ

Comment: (116)คือการที่พวกเขาไม่คำนึงถึงสัญญาที่ให้ไว้แก่อัลลอฮ์ และการสาบานของพวกเขาต่อพระองค์โดยเห็นแก่ประโยชน์อันเล็กน้อยนั้นประหนึ่งพวกเขาได้นำเอาสัญญาที่ให้ไว้แก่อัลลอฮ์และการสาบานของพวกเขาต่อพระองค์ไปขายด้วยราคาอันเล็กน้อยคือการที่พวกเขาไม่คำนึงถึงสัญญาที่ให้ไว้แก่อัลลอฮ์ และการสาบานของพวกเขาต่อพระองค์โดยเห็นแก่ประโยชน์อันเล็กน้อยนั้นประหนึ่งพวกเขาได้นำเอาสัญญาที่ให้ไว้แก่อัลลอฮ์ และการสาบานของพวกเขาต่อพระองค์ไปขายด้วยราคาอันเล็กน้อย

Comment: (117)คือสะอาดจากความผิดที่ไม่นำพาต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่อัลลอฮ์ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอภัยโทษอย่างเด็ดขาด

3:78

وَإِنَّ مِنْهُمْ لَفَرِيقًۭا يَلْوُۥنَ أَلْسِنَتَهُم بِٱلْكِتَـٰبِ لِتَحْسَبُوهُ مِنَ ٱلْكِتَـٰبِ وَمَا هُوَ مِنَ ٱلْكِتَـٰبِ وَيَقُولُونَ هُوَ مِنْ عِندِ ٱللَّهِ وَمَا هُوَ مِنْ عِندِ ٱللَّهِ وَيَقُولُونَ عَلَى ٱللَّهِ ٱلْكَذِبَ وَهُمْ يَعْلَمُونَ

Translation: และแท้จริงจากหมู่พวกเขา มีกลุ่มหนึ่งพลิกลิ้น(118) ของพวกเขาในการอ่านคัมภีร์ เพื่อพวกเจ้าจะคิดว่ามันมาจากคัมภีร์ทั้งๆ ที่มันมิได้มาจากคัมภีร์ และพวกเขากล่าวว่า มันมาจากที่อัลลอฮ์ทั้งๆ ที่มันมิใช่มาจากอัลลอฮ์และพวกเขากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ทั้งๆ ที่พวกเขาก็รู้กันดีอยู่

Comment: (118)คือพลิกลิ้นอ่านคัมภีร์ให้สำเนียงเพี้ยนไป ทั้งนี้เพื่อบิดเบือนความหมายให้เฉไปเป็นอื่น ผู้ที่ไม่รู้จะได้เข้าใจว่ามาจากอัลลอฮ์

3:79

مَا كَانَ لِبَشَرٍ أَن يُؤْتِيَهُ ٱللَّهُ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْحُكْمَ وَٱلنُّبُوَّةَ ثُمَّ يَقُولَ لِلنَّاسِ كُونُوا۟ عِبَادًۭا لِّى مِن دُونِ ٱللَّهِ وَلَـٰكِن كُونُوا۟ رَبَّـٰنِيِّـۧنَ بِمَا كُنتُمْ تُعَلِّمُونَ ٱلْكِتَـٰبَ وَبِمَا كُنتُمْ تَدْرُسُونَ

Translation: ไม่เคยปรากฏแก่บุคคลใดที่อัลลอฮ์ทรงประทานคัมภีร์ และข้อตัดสิน(119) และการเป็นนบีแก่เขา(120) แล้วเขากล่าวแก่ผู้คนว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นบ่าวของฉัน(121) อื่นจากอัลลอฮ์หากแต่(เขาจะกล่าวว่า) ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ที่ผูกพันกับพระเจ้าเถิด(122) เนื่องจากการที่พวกท่านเคยสอนคัมภีร์(123) และเคยศึกษาคัมภีร์มาก่อน

Comment: (119)คือข้อตัดสินตามที่ได้รับความเข้าใจจากบัญญัติต่างๆ ที่มีอยู่ในคัมภีร์

Comment: (120)หมายถึงท่านนบีอีซา

Comment: (121)บ่าวคือพวกคริสต์อ้างว่าท่านนบีอีซาเป็นพระเจ้าโดยแบ่งภาคมาเกิดเป็นพระบุตร ในการนี้พวกเขาจึงเป็นบ่าวของท่าน ทั้งๆ ที่ท่านมิได้ประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้า และมิได้เชิญชวนให้พวกเขาเป็นบ่าวของท่านแต่อย่างใด

Comment: (122)คือเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์ และให้เอกภาพแด่พระองค์ตลอดจนปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์โดยเคร่งครัด

Comment: (123)คือเคยสอนคัมภีร์เตารอต และศึกษาคัมภีร์นั้นมาก่อนในฐานะที่เคยศรัทธาต่อท่านนบีมูซา

3:80

وَلَا يَأْمُرَكُمْ أَن تَتَّخِذُوا۟ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةَ وَٱلنَّبِيِّـۧنَ أَرْبَابًا ۗ أَيَأْمُرُكُم بِٱلْكُفْرِ بَعْدَ إِذْ أَنتُم مُّسْلِمُونَ

Translation: และเขาจะไม่ใช้พวกเจ้าให้ยึดเอามลาอิกะฮ์ และบรรดานบีเป็นพระเจ้า เขาจะใช้พวกเจ้าให้ปฏิเสธศรัทธา(124) หลังจากที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อม(125) แล้วกระนั้นหรือ?

Comment: (124)กล่าวคือนบีอีซาจะไม่ใช้พวกเจ้าให้ยึดเอามลาอิกะฮ์ และบรรดานบีเป็นพระเจ้าอย่างแน่นอน เพราะถ้าเขาใช้ให้กระทำเช่นนั้นก็เท่ากับเขาใช้ให้พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์นั้นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้

Comment: (125)คือเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์

3:81

وَإِذْ أَخَذَ ٱللَّهُ مِيثَـٰقَ ٱلنَّبِيِّـۧنَ لَمَآ ءَاتَيْتُكُم مِّن كِتَـٰبٍۢ وَحِكْمَةٍۢ ثُمَّ جَآءَكُمْ رَسُولٌۭ مُّصَدِّقٌۭ لِّمَا مَعَكُمْ لَتُؤْمِنُنَّ بِهِۦ وَلَتَنصُرُنَّهُۥ ۚ قَالَ ءَأَقْرَرْتُمْ وَأَخَذْتُمْ عَلَىٰ ذَٰلِكُمْ إِصْرِى ۖ قَالُوٓا۟ أَقْرَرْنَا ۚ قَالَ فَٱشْهَدُوا۟ وَأَنَا۠ مَعَكُم مِّنَ ٱلشَّـٰهِدِينَ

Translation: และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ได้ทรงเอาข้อพันธะสัญญาแก่นบีทั้งหลายว่า สิ่งที่ข้าได้ให้แก่พวกเจ้านั้นไม่ว่าจะเป็นจากคัมภีร์ก็ดี และความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาก็ดี ภายหลังได้มีร่อซูลคนใดมายังพวกเจ้า ซึ่งเป็นผู้นยืนยันในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้าแล้ว แน่นอนพวกเจ้าจะต้องศรัทธาต่อเขา และช่วยเหลือเขา(126) พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้ายอมรับและเอาข้อพันธะสัญญาของข้าดังกล่าวนั้นแล้วใช่ไหม? พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ยอมรับแล้ว พระองค์ตรัสว่า ดั้งนั้น พวกเจ้าจงเป็นพยานเถิด และข้าก็อยู่ในหมู่เป็นพยานร่วมกับพวกเจ้าด้วย

Comment: (126)คือการที่บรรดานบียอมรับสัญญาจากอัลลอฮ์ ที่จะศรัทธาต่อนบีที่มาหลังจากพวกเขานั้นเป็นการยืนยันว่าพวกอะฮลุลกิตาบจำเป็นจะต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัดโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เพราะว่าเมื่อบรรดานบีของพวกเขายังต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัดแล้วไซร้ พวกเขาซึ่งศรัทธาต่อบรรดานบีของพวกเขา ก็ต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัดด้วย ถ้ามิเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็หาได้ศรัทธาต่อบรรดานบีของพวกเขาไม่

3:82

فَمَن تَوَلَّىٰ بَعْدَ ذَٰلِكَ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْفَـٰسِقُونَ

Translation: แล้วผู้ใดที่ผินหลังให้หลังจากนั้น ชนเหล่านั้นและพวกเขาคือ ผู้ละเมิด

3:83

أَفَغَيْرَ دِينِ ٱللَّهِ يَبْغُونَ وَلَهُۥٓ أَسْلَمَ مَن فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَٱلْأَرْضِ طَوْعًۭا وَكَرْهًۭا وَإِلَيْهِ يُرْجَعُونَ

Translation: อื่นจากศาสนาของอัลลอฮ์กระนั้นหรือที่พวกเขาแสวงหา? และสำหรับพระองค์ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินได้นอบน้อมกัน(127) ทั้งด้วยการสมัครใจและจำใจ และยังพระองค์นั้นพวกเขาจะถูกนำกลับไป

Comment: (127)คือนอบน้อมในกฎสภาวการณ์ของพระองค์ที่ทรงกำหนดให้มีแก่โลกจะในฐานะเป็นผู้ยอมรับด้วยความยินดีหรือไม่ก็ตาม

3:84

قُلْ ءَامَنَّا بِٱللَّهِ وَمَآ أُنزِلَ عَلَيْنَا وَمَآ أُنزِلَ عَلَىٰٓ إِبْرَٰهِيمَ وَإِسْمَـٰعِيلَ وَإِسْحَـٰقَ وَيَعْقُوبَ وَٱلْأَسْبَاطِ وَمَآ أُوتِىَ مُوسَىٰ وَعِيسَىٰ وَٱلنَّبِيُّونَ مِن رَّبِّهِمْ لَا نُفَرِّقُ بَيْنَ أَحَدٍۢ مِّنْهُمْ وَنَحْنُ لَهُۥ مُسْلِمُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า เราได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้วและได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานแก่เรา และสิ่งที่ถูกประทานแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอ์กูบและบรรดาผู้สืบเชื้อสายจากยะอ์กูบ(128) และศรัทธาต่อสิ่งที่มูซาและอีซา(129) และนบีทั้งหลายได้รับจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา โดยที่เราจะไม่แยกระหว่างคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา(130) และพวกเรานั้นเป็นผู้ที่นอบน้อมต่อพระองค์

Comment: (128)คือลูก ๆ ของท่าน 12 คน และหลานเหลนของท่านด้วย

Comment: (129)กล่าวคือทรงระบุ ท่านนบีมูซาและนบีอีซาอีกทั้ง ๆ ที่ทั้งสองอยู่ในจำพวกหลานเหลนของท่านนบียะอ์กูบ ซึ่งถูกระบุไว้แล้วนั้นเนื่องจากเรื่องที่กำลังกล่าวถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับยิวและคริสต์

Comment: (130)คือ ไม่เคยแยกศรัทธาเฉพาะบางท่าน เช่น ศรัทธาเฉพาะท่านนบีมูซา ไม่ศรัทธาต่อท่านนบีอีซา และท่านนบีมุฮัมมัด ดั่งที่ยิวปฏิบัติ หรือศรัทธาเฉพาะท่านนบีอีซา ไม่ศรัทธาต่อท่านนบีมูซา และท่านนบีมุฮัมมัด ดั่งที่พวกคริสต์ปฏิบัติหากแต่เราศรัทธาต่อนบีทุกท่าน

3:85

وَمَن يَبْتَغِ غَيْرَ ٱلْإِسْلَـٰمِ دِينًۭا فَلَن يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِى ٱلْـَٔاخِرَةِ مِنَ ٱلْخَـٰسِرِينَ

Translation: และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด(131) และในอาคิเราะฮ์ (ปรโลก)เขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน

Comment: (131)คืออัลลอฮ์จะไม่ทรงรับศาสนานั้นจากเขาเป็นอันขาด

3:86

كَيْفَ يَهْدِى ٱللَّهُ قَوْمًۭا كَفَرُوا۟ بَعْدَ إِيمَـٰنِهِمْ وَشَهِدُوٓا۟ أَنَّ ٱلرَّسُولَ حَقٌّۭ وَجَآءَهُمُ ٱلْبَيِّنَـٰتُ ۚ وَٱللَّهُ لَا يَهْدِى ٱلْقَوْمَ ٱلظَّـٰلِمِينَ

Translation: อย่างไรเล่าที่อัลลอฮ์จะทรงแนะนำพวกใดพวกหนึ่งที่ปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่พวกเขาศรัทธาแล้ว และทั้งยังได้ยืนยันด้วยว่า แท้จริงร่อซูล(132) นั้นเป้นความจริง และได้มีหลักฐานต่างๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาด้วย และอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำพวกที่อธรรม

Comment: (132)หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

3:87

أُو۟لَـٰٓئِكَ جَزَآؤُهُمْ أَنَّ عَلَيْهِمْ لَعْنَةَ ٱللَّهِ وَٱلْمَلَـٰٓئِكَةِ وَٱلنَّاسِ أَجْمَعِينَ

Translation: ชนเหล่านี้แหละการตอบแทนแก่พวกเขาก็คือ การละอ์นัต(133) จากอัลลอฮ์จากมลาอิกะฮ์ และจากมนุษย์ทั้งมวลนั้นจะตกอยู่แก่พวกเขา

Comment: (133)การละอ์นัตนั้นถ้าจากอัลลอฮ์ หมายถึง การขับไล่ให้ห่างไกลจากเราะห์มัตของพระองค์ ถ้าจากมลาอิกะฮ์ และมนุษย์ หมายถึงการขอต่อัลลอฮ์ให้ทรงขับไล่ให้ห่างไกลจากเราะห์มัตของพระองค์

3:88

خَـٰلِدِينَ فِيهَا لَا يُخَفَّفُ عَنْهُمُ ٱلْعَذَابُ وَلَا هُمْ يُنظَرُونَ

Translation: โดยที่พวกเขาจะอยู่ในการละอ์นัตนั้นตลอดกาล ซึ่งการลงโทษนั้นจะไม่ถูกผ่อนเบาแก่พวกเขา และทั้งพวกเขาจะไม่ถูกประวิง(134) อีกด้วย

Comment: (134)คือจะไม่ถูกประวิงการลงโทษให้แก่พวกเขา เพื่อการแก้ตัวใด ๆ

3:89

إِلَّا ٱلَّذِينَ تَابُوا۟ مِنۢ بَعْدِ ذَٰلِكَ وَأَصْلَحُوا۟ فَإِنَّ ٱللَّهَ غَفُورٌۭ رَّحِيمٌ

Translation: นอกจากบรรดาผู้ที่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหลังจากนั้น และได้ปรับปรุงแก้ไข แท้จริง อัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

3:90

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ بَعْدَ إِيمَـٰنِهِمْ ثُمَّ ٱزْدَادُوا۟ كُفْرًۭا لَّن تُقْبَلَ تَوْبَتُهُمْ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلضَّآلُّونَ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาหลังจากที่พวกเขาได้ศรัทธากัน แล้วยังได้ทวีการปฏิเสธศรัทธาขึ้นอีก การสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวของพวกเขาจะไม่ถูกรับเป็นอันขาด และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่หลงผิด

3:91

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَمَاتُوا۟ وَهُمْ كُفَّارٌۭ فَلَن يُقْبَلَ مِنْ أَحَدِهِم مِّلْءُ ٱلْأَرْضِ ذَهَبًۭا وَلَوِ ٱفْتَدَىٰ بِهِۦٓ ۗ أُو۟لَـٰٓئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌۭ وَمَا لَهُم مِّن نَّـٰصِرِينَ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาและพวกเขาได้ตายไปในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ทองเต็มแผ่นดินก็จะไม่ถูกรับจากคนใดในพวกเขาเป็นอันขาด(135) และแม้ว่าเขาจะใช้ทองนั้นไถ่ตัวเขาก็ตาม(136) ชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขา คือการลงโทษอันเจ็บแสบและทั้งไม่มีบรรดาผู้ช่วยเหลือใดๆ สำหรับพวกเขาด้วย

Comment: (135)กล่าวคือหากพวกเขาบริจาคทองเต็มแผ่นดิน อัลลอฮ์ก็จะไม่ทรงรับจากเขา

Comment: (136)คือสมมติว่าในวันกิยามะฮ์เขามีทองอยู่เต็มแผ่นดิน และต้องการจะไถ่ตัวเขาด้วยทองนั้นให้พ้นจากการลงโทษ อัลลอฮ์จะไม่ทรงรับเช่นเดียวกัน

3:92

لَن تَنَالُوا۟ ٱلْبِرَّ حَتَّىٰ تُنفِقُوا۟ مِمَّا تُحِبُّونَ ۚ وَمَا تُنفِقُوا۟ مِن شَىْءٍۢ فَإِنَّ ٱللَّهَ بِهِۦ عَلِيمٌۭ

Translation: พวกเจ้าจะไม่ได้คุณธรรมเลยจนกว่าพวกเจ้าจะบริจาคจากสิ่งที่พวกเจ้าชอบ และสิ่งใดที่พวกเจ้าบริจาคไป แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้ในสิ่งนั้นดี

3:93

۞ كُلُّ ٱلطَّعَامِ كَانَ حِلًّۭا لِّبَنِىٓ إِسْرَٰٓءِيلَ إِلَّا مَا حَرَّمَ إِسْرَٰٓءِيلُ عَلَىٰ نَفْسِهِۦ مِن قَبْلِ أَن تُنَزَّلَ ٱلتَّوْرَىٰةُ ۗ قُلْ فَأْتُوا۟ بِٱلتَّوْرَىٰةِ فَٱتْلُوهَآ إِن كُنتُمْ صَـٰدِقِينَ

Translation: อาหารทุกชนิดนั้นเคยเป็นที่อนุมัติแก่วงศ์วานอิสรออีลมาแล้ว นอกจากที่อิสรออีลได้ให้เป็นที่ต้องห้ามแก่ตัวเขาเอง(137) ก่อนจากที่อัตเตารอตจะถูกประทานลงมา จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าพวกเจ้าจงนำเอาอัตเตารอตมาแล้วจงอ่านมันดู(138) หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง

Comment: (137)คือท่านนบียะอ์กูบ เป็นโรคปวดเมื่อยที่โคนขา แล้วท่านได้บนไว้ว่าถ้าหายท่านจะไม่กินเนื้ออูฐ เมื่อท่านหายท่านจึงไม่กินเนื้ออูฐแล้ววงศ์วานของท่านก็ไม่ยอมกินเนื้ออูฐตามท่านด้วย ทั้งนี้ก่อนจากที่อัตเตารอตจะถูกประทานแก่พวกเรา

Comment: (138)คือถ้าไม่เชื่อตามที่อัลลอฮ์ทรงแจ้งให้ทราบ ก็จงอ่านคัมภีร์เตารอตดู แน่นอนย่อมจะไม่พบบัญญัติห้ามกินเนื้ออูฐแก่พวกเขาแต่อย่างใด

3:94

فَمَنِ ٱفْتَرَىٰ عَلَى ٱللَّهِ ٱلْكَذِبَ مِنۢ بَعْدِ ذَٰلِكَ فَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلظَّـٰلِمُونَ

Translation: แล้วผู้ใดที่อุปโลกน์ความเท็จให้อัลลอฮ์หลังจากนั้น ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้อธรรม

3:95

قُلْ صَدَقَ ٱللَّهُ ۗ فَٱتَّبِعُوا۟ مِلَّةَ إِبْرَٰهِيمَ حَنِيفًۭا وَمَا كَانَ مِنَ ٱلْمُشْرِكِينَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าอัลลอฮ์นั้นตรัสจริงแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงปฏิบัติตามแนวทางของอิบรอฮีมผู้หันออกจากความเท็จสู่ความจริงเถิด และเขาไม่เคยอยู่ในหมู่ผู้ให้มีภาค(แก่อัลลอฮ์)เลย

3:96

إِنَّ أَوَّلَ بَيْتٍۢ وُضِعَ لِلنَّاسِ لَلَّذِى بِبَكَّةَ مُبَارَكًۭا وَهُدًۭى لِّلْعَـٰلَمِينَ

Translation: แท้จริงบ้านหลักแรกที่ถูกตั้งขึ้นสำหรับมนุษย์(เพื่อการอิบาดะฮ์) นั้นคือบ้านที่มักกะฮ์(139) โดยเป็นที่ที่ถูกให้มีความจำเริญ(140) และเป็นที่แนะนำแก่ประชาชาติทั้งหลาย

Comment: (139)หมายถึง “กะอ์บะฮ์”

Comment: (140)คือให้มีผลไม้นานาชนิดอย่างอุดมสมบูรณ์

3:97

فِيهِ ءَايَـٰتٌۢ بَيِّنَـٰتٌۭ مَّقَامُ إِبْرَٰهِيمَ ۖ وَمَن دَخَلَهُۥ كَانَ ءَامِنًۭا ۗ وَلِلَّهِ عَلَى ٱلنَّاسِ حِجُّ ٱلْبَيْتِ مَنِ ٱسْتَطَاعَ إِلَيْهِ سَبِيلًۭا ۚ وَمَن كَفَرَ فَإِنَّ ٱللَّهَ غَنِىٌّ عَنِ ٱلْعَـٰلَمِينَ

Translation: ในบ้านนั้น(141) มีหลายสัญญาณที่ชัดแจ้ง(ส่วนหนึ่งนั้น)คือมะกอมอิบรอฮีม(142) และผู้ใดได้เข้าไปในบ้านนั้น(143) เขาก็เป็นผู้ปลอดภัยและสิทธิของอัลลอฮ์ที่มีแก่มนุษย์นั้น คือการมุ่งสู่บ้านหลังนั้น(144) อันได้แก่ผู้ที่สามารถหาทางไปยังบ้านหลังนั้นได้และผู้ใดปฏิเสธ(145) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงพึ่งประชาชาติทั้งหลาย

Comment: (141)รวมถึงบริเวณบ้านด้วย

Comment: (142)หมายถึงก้อนหินซึ่งเป็นที่ยืนของท่านนบีอิบรอฮีม ขณะที่ท่านทำการก่อส่วนสูงของอาคารกะอ์บะฮ์ และบนหินก้อนนั้นมีรอยเท้าทั้งสองของท่านด้วย และมะกอมนี้ยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

Comment: (143)รวมถึงเข้าไปในบริเวณบ้านนั้นด้วย

Comment: (144)คือเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮ์

Comment: (145)คือปฏิเสธการไปประกอบพิธีฮัจญ์

3:98

قُلْ يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لِمَ تَكْفُرُونَ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ وَٱللَّهُ شَهِيدٌ عَلَىٰ مَا تَعْمَلُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า โอ้ ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! เพราะเหตุใดพวกท่านจึงปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นจะทรงเป็นพยานยืนยันในสิ่งที่พวกท่านกระทำกัน

3:99

قُلْ يَـٰٓأَهْلَ ٱلْكِتَـٰبِ لِمَ تَصُدُّونَ عَن سَبِيلِ ٱللَّهِ مَنْ ءَامَنَ تَبْغُونَهَا عِوَجًۭا وَأَنتُمْ شُهَدَآءُ ۗ وَمَا ٱللَّهُ بِغَـٰفِلٍ عَمَّا تَعْمَلُونَ

Translation: จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า โอ้ ผู้ที่ได้กรับคัมภีร์ทั้งหลาย! เพราะเหตุใดท่านจึงขัดขวางผู้ศรัทธา ซึ่งทางของอัลลอฮ์โดยที่พวกท่านปรารถนาจะให้ทางของอัลลอฮ์คดเคี้ยว(146) ทั้ง ๆ ที่พวกท่านก็เป็นพยานยืนยันอยู่(147) และอัลลอฮ์นั้นมิใช่เป็นผู้ทรงเผลอในสิ่งที่พวกท่านกระทำกัน

Comment: (146)คือปรารถนาที่จะให้ผู้คนเห็นว่าทางของอัลลอฮ์นั้นคดเคี้ยว

Comment: (147)คือเป็นพยานยืนยันว่าทางของอัลลอฮ์นั้นเที่ยงตรง

3:100

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ إِن تُطِيعُوا۟ فَرِيقًۭا مِّنَ ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ يَرُدُّوكُم بَعْدَ إِيمَـٰنِكُمْ كَـٰفِرِينَ

Translation: โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้าเชื่อฟังกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด(148) ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์แล้ว(149) พวกเขาก็จะให้พวกเจ้ากลับเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอีก หลังจากที่พวกเจ้าศรัทธาแล้ว

Comment: (148)คือได้มียิวกลุ่มหนึ่งผ่านเห็นพวกเอาส์ และพวกค็อซร็อจญ์รักใคร่สนิทสนมกัน หลังจากที่พวกเขารับนับถืออิสลาม โดยที่เมื่อก่อนนั้นพวกเขาเป็นศัตรูกัน และรบพุ่งกันมาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี ก็ให้รู้สึกอิจฉา จึงได้อ่านบันทึกเหตุการณ์ทั้งสองฝ่ายในอดีตระหว่างพวกเขาให้ฟังเพื่อก่อให้เกิดการสู้รบกันอีก ในการนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งที่จะสู้รบกันขึ้นอีก แต่แล้วท่านนบีได้มาระงับไว้นั้น แล้วอายะฮ์นี้ก็ถูกประทานลงมา

Comment: (149)หมายถึงพวกยิวแห่งมะดีนะฮ์

3:101

وَكَيْفَ تَكْفُرُونَ وَأَنتُمْ تُتْلَىٰ عَلَيْكُمْ ءَايَـٰتُ ٱللَّهِ وَفِيكُمْ رَسُولُهُۥ ۗ وَمَن يَعْتَصِم بِٱللَّهِ فَقَدْ هُدِىَ إِلَىٰ صِرَٰطٍۢ مُّسْتَقِيمٍۢ

Translation: และอย่างไรเล่าที่พวกเจ้าจะปฏิเสธศรัทธากัน ทั้งๆ ที่พวกเจ้า มีบรรดาโองการของอัลลอฮ์ถูกอ่านแก่พวกเจ้าอยู่ และยังมีร่อซูลของพระองค์อยู่ในหมู่พวกเจ้าด้วย และผู้ใดยืดมั่นต่ออัลลอฮ์แน่นอนเขาก็ได้รับคำแนะนำไปสู่ทางอันเที่ยงตรง

3:102

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ ٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ حَقَّ تُقَاتِهِۦ وَلَا تَمُوتُنَّ إِلَّا وَأَنتُم مُّسْلِمُونَ

Translation: โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮ์อย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตาย(150) เป็นอันขาดนอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น(151)

Comment: (150)คือให้เรามีชีวิตอยู่ในแนวทางของอัลลอฮ์อยู่เสมอ เพื่อว่าเมื่อได้ตายลง จะได้ตายในฐานะผู้นอบน้อมต่ออัลลอฮ์ ถ้ามิเช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเราจะตายในฐานะใด

Comment: (151)คือเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในฐานะเป็นผู้จงรักภักดีต่ออัลลอฮ์

3:103

وَٱعْتَصِمُوا۟ بِحَبْلِ ٱللَّهِ جَمِيعًۭا وَلَا تَفَرَّقُوا۟ ۚ وَٱذْكُرُوا۟ نِعْمَتَ ٱللَّهِ عَلَيْكُمْ إِذْ كُنتُمْ أَعْدَآءًۭ فَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِكُمْ فَأَصْبَحْتُم بِنِعْمَتِهِۦٓ إِخْوَٰنًۭا وَكُنتُمْ عَلَىٰ شَفَا حُفْرَةٍۢ مِّنَ ٱلنَّارِ فَأَنقَذَكُم مِّنْهَا ۗ كَذَٰلِكَ يُبَيِّنُ ٱللَّهُ لَكُمْ ءَايَـٰتِهِۦ لَعَلَّكُمْ تَهْتَدُونَ

Translation: และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก(152) ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน(153) และจงรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแต่พวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน(154) แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วย ความเมตตาของพระองค์ และพวกเจ้าเคยอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก(155) แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้า ซึ่งบรรดาโองการของพระองค์เพื่อว่าเพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง

Comment: (152)หมายถึงศาสนาของอัลลอฮ์

Comment: (153)หมายถึงแตกแยกกันในการยึดถือสายเชือก (ศาสนา) ของอัลลอฮ์ โดยที่กลุ่มหนึ่งยึดถือโดยเคร่งครัด อีกหลายกลุ่มยึดถือบ้างไม่ยึดถือบ้าง เป็นต้น

Comment: (154)หมายถึงพวกเอาส์ และพวกค็อซร็อจญ์แห่งนครมะดีนะฮ์

Comment: (155)คือการที่พวกเจ้าเคยใช้ชีวิตตามความใคร่ของตน และให้มีราคีขึ้นแก่อัลลอฮ์ ตลอดจนทำการสู้รบกันนั้นประหนึ่งว่าพวกเจ้ากำลังอยู่บนปากเหวแห่งนรกซึ่งใกล้จะตกอยู่แล้ว

3:104

وَلْتَكُن مِّنكُمْ أُمَّةٌۭ يَدْعُونَ إِلَى ٱلْخَيْرِ وَيَأْمُرُونَ بِٱلْمَعْرُوفِ وَيَنْهَوْنَ عَنِ ٱلْمُنكَرِ ۚ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْمُفْلِحُونَ

Translation: และจงให้มีขึ้นจากพวกเจ้า ซึ่งคณะหนึ่งที่จะเชิญชวนไปสู่ความดีและใช้ให้กระทำสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้กระทำสิ่งที่มิชอบและชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ได้รับความสำเร็จ

3:105

وَلَا تَكُونُوا۟ كَٱلَّذِينَ تَفَرَّقُوا۟ وَٱخْتَلَفُوا۟ مِنۢ بَعْدِ مَا جَآءَهُمُ ٱلْبَيِّنَـٰتُ ۚ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ عَظِيمٌۭ

Translation: และพวกเจ้าจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่แตกแยกกัน และขัดแย้งกันหลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว และชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขา คือการลงโทษอันใหญ่หลวง

3:106

يَوْمَ تَبْيَضُّ وُجُوهٌۭ وَتَسْوَدُّ وُجُوهٌۭ ۚ فَأَمَّا ٱلَّذِينَ ٱسْوَدَّتْ وُجُوهُهُمْ أَكَفَرْتُم بَعْدَ إِيمَـٰنِكُمْ فَذُوقُوا۟ ٱلْعَذَابَ بِمَا كُنتُمْ تَكْفُرُونَ

Translation: วันซึ่งบรรดาใบหน้าจะขาวผ่อง(156) และบรรดาใบหน้าจะดำคล้ำ(157) ส่วนผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำนั้น (พวกเขาจะถูกถามว่า) พวกเจ้าได้ปฏิเสธศรัทธา หลังจากที่พวกเจ้าศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าจงชิมการลงโทษเถิด เนื่องจากการที่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา

Comment: (156)คือเนื่องจากปิติยินดีในผลงานของตน และมั่นใจว่าจะเป็นชาวสวรรค์

Comment: (157)คือเนื่องจากเสียใจในผลงานของตน และแน่ใจว่าจะต้องถูกลงโทษในนรก

3:107

وَأَمَّا ٱلَّذِينَ ٱبْيَضَّتْ وُجُوهُهُمْ فَفِى رَحْمَةِ ٱللَّهِ هُمْ فِيهَا خَـٰلِدُونَ

Translation: และส่วนบรรดาผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาขาวผ่องนั้น เขาจะอยู่ในความเมตตา(158) ของอัลลอฮ์โดยที่พวกเขาจะอยู่ในความเมตตานั้นตลอดกาล

Comment: (158)หมายถึงสวรรค์

3:108

تِلْكَ ءَايَـٰتُ ٱللَّهِ نَتْلُوهَا عَلَيْكَ بِٱلْحَقِّ ۗ وَمَا ٱللَّهُ يُرِيدُ ظُلْمًۭا لِّلْعَـٰلَمِينَ

Translation: นั่นคือบรรดาโองการของอัลลอฮ์โดยที่เรา(159) อ่านโองการเหล่านั้นแก่เจ้าด้วยความจริง และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงประสงค์ซึ่งการอธรรมใด ๆ แก่ประชาชาติทั้งหลาย

Comment: (159)หมายถึงอัลลอฮ์

3:109

وَلِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۚ وَإِلَى ٱللَّهِ تُرْجَعُ ٱلْأُمُورُ

Translation: และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น และยังอัลลอฮ์นั้นกิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไป(160)

Comment: (160)คือถูกนำกลับไปเพื่อพิจารณาตอบแทน หรือลงโทษด้วยความยุติธรรมยิ่ง

3:110

كُنتُمْ خَيْرَ أُمَّةٍ أُخْرِجَتْ لِلنَّاسِ تَأْمُرُونَ بِٱلْمَعْرُوفِ وَتَنْهَوْنَ عَنِ ٱلْمُنكَرِ وَتُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ ۗ وَلَوْ ءَامَنَ أَهْلُ ٱلْكِتَـٰبِ لَكَانَ خَيْرًۭا لَّهُم ۚ مِّنْهُمُ ٱلْمُؤْمِنُونَ وَأَكْثَرُهُمُ ٱلْفَـٰسِقُونَ

Translation: พวกเจ้า(161) เป็นประชาชาติที่ดียิ่ง ซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นสำหรับมนุษย์ชาติ โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่มิชอบ และศรัทธาต่ออัลลอฮ์และถ้าหากว่าบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์(162) ศรัทธากันแล้ว แน่นอน มันก็เป็นการดีแก่พวกเขา จากพวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่ศรัทธา(163) และส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ละเมิด

Comment: (161)หมายถึงบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด

Comment: (162)หมายถึงพวกยิวและคริสต์ มักจะเรียกทับศัพท์กันว่า พวกอะฮ์ลุลกิตาบ

Comment: (163)เช่น อับดุลลอฮ์ บินสะลาม และเพื่อนๆ ของท่านซึ่งเป็นชาวยิว และอันนะญาชีย์ และพรรคพวกของท่านซึ่งเป็นชาวคริสต์

3:111

لَن يَضُرُّوكُمْ إِلَّآ أَذًۭى ۖ وَإِن يُقَـٰتِلُوكُمْ يُوَلُّوكُمُ ٱلْأَدْبَارَ ثُمَّ لَا يُنصَرُونَ

Translation: พวกเขา(164) จะไม่ทำอันตรายแก่พวกเจ้าได้เลย นอกจากการก่อความเดือดร้อนเล็ก ๆ น้อยๆ(165) เท่านั้น และหากพวกเขาต่อสู้พวกเจ้า พวกเขาก็จะหันหลังหนีพวกเจ้า แล้วพวกเขาก็จะไม่ได้กรับความช่วยเหลือ

Comment: (164)คือพวกยิว

Comment: (165)เช่นการด่าว่า และการใส่ไคล้ เป็นต้น

3:112

ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ ٱلذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوٓا۟ إِلَّا بِحَبْلٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَحَبْلٍۢ مِّنَ ٱلنَّاسِ وَبَآءُو بِغَضَبٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ ٱلْمَسْكَنَةُ ۚ ذَٰلِكَ بِأَنَّهُمْ كَانُوا۟ يَكْفُرُونَ بِـَٔايَـٰتِ ٱللَّهِ وَيَقْتُلُونَ ٱلْأَنۢبِيَآءَ بِغَيْرِ حَقٍّۢ ۚ ذَٰلِكَ بِمَا عَصَوا۟ وَّكَانُوا۟ يَعْتَدُونَ

Translation: ความต่ำต้อยได้ถูกกระหน่ำลงบนพวกเขา(166) ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮ์(167) และสายเชือกจากมนุษย์(168) และพวกเขาจะนำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป(169) และความขัดสนก็จะถูกกระหน่ำลงบนพวกเขา(170) นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลฮ์ และฆ่าบรรดานบีโดยปราศจากความเป็นธรรม นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาดื้อดึง และเคยทำการละเมิด

Comment: (166)หมายถึงว่าพวกเขามีสภาพต่ำต้อย ประหนึ่งว่าความต่ำต้อยนั้นได้ถูกฟาดลงบนพวกเขาให้ปรากฏเป็นริ้วรอยอยู่เมื่อพบพวกเขา ณ ที่ใดก็จะพบความต่ำต้อยอยู่ในตัวของพวกเขาเป็นเนืองนิจ

Comment: (167)คำว่าสายเชือกของอัลลอฮ์นั้นหมายถึงศาสนาที่มาจากพระองค์ กล่าวคือพวกเขาจะพ้นจากความต่ำต้อยได้ก็ต่อเมื่อพวกเขารับนับถืออิสลามเท่านั้น

Comment: (168)คำว่าสายเชือกจากมนุษย์นั้นหมายถึงการมีชีวิตความเป็นอยู่ร่วมกับผู้ศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ตั้งตนเป็นศัตรูและบ่อนทำลาย

Comment: (169)คือพวกเขาได้รับความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์ เนื่องจากความดึงดันของพวกเขา และเมื่อพวกเขากลับไปหาพระองค์ก็กลับไปในสภาพถูกกริ้ว ประหนึ่งว่าเขาได้นำเอาความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์ที่มีต่อเขาในโลกนี้กลับไปด้วย นั่นก็คือพวกเขาจะได้รับการลงโทษนั้นเอง

Comment: (170)คือแม้พวกเขาจะร่ำรวยอย่างไร แต่ก็มีสภาพเหมือนคนยากคนจนเพราะความตระหนี่ของพวกเขา ประหนึ่งว่าความยากจนนั้นได้กระหน่ำลงบนพวกเขาให้ปรากฏเป็นริ้วรอยอยู่กระนั้น

3:113

۞ لَيْسُوا۟ سَوَآءًۭ ۗ مِّنْ أَهْلِ ٱلْكِتَـٰبِ أُمَّةٌۭ قَآئِمَةٌۭ يَتْلُونَ ءَايَـٰتِ ٱللَّهِ ءَانَآءَ ٱلَّيْلِ وَهُمْ يَسْجُدُونَ

Translation: พวกเขาหาใช่เหมือนกันไม่ จากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นมีกลุ่มชนหนึ่งที่เที่ยงธรรม ซึ่งพวกเขาอ่านบรรดาโองการของอัลลอฮ์ในยามค่ำคืน และพร้อมกันนั้น พวกเขาก็สุญูดกัน(171)

Comment: (171)หมายถึงการทำละหมาดตะฮัจญุด

3:114

يُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ وَيَأْمُرُونَ بِٱلْمَعْرُوفِ وَيَنْهَوْنَ عَنِ ٱلْمُنكَرِ وَيُسَـٰرِعُونَ فِى ٱلْخَيْرَٰتِ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ مِنَ ٱلصَّـٰلِحِينَ

Translation: พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก และใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ชอบ และต่างรีบเร่งกันในบรรดาสิ่งดีงาม และชนเหล่านี้และอยู่ในหมู่ที่ประพฤติดี

3:115

وَمَا يَفْعَلُوا۟ مِنْ خَيْرٍۢ فَلَن يُكْفَرُوهُ ۗ وَٱللَّهُ عَلِيمٌۢ بِٱلْمُتَّقِينَ

Translation: และความดีใด ๆ ที่พวกเขากระทำพวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธในความดีนั้น(172) เป็นอันขาดและอัลลอฮ์ทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง

Comment: (172)หมายถึงว่าความดีที่เขาทำไปนั้นเขาจะได้รับการตอบแทนอย่างแน่นอน

3:116

إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ لَن تُغْنِىَ عَنْهُمْ أَمْوَٰلُهُمْ وَلَآ أَوْلَـٰدُهُم مِّنَ ٱللَّهِ شَيْـًۭٔا ۖ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ أَصْحَـٰبُ ٱلنَّارِ ۚ هُمْ فِيهَا خَـٰلِدُونَ

Translation: แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ทรัพย์สินของพวกเขา และลูก ๆ ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์ให้พวกเขาพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้อย่างใดเลย และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล

3:117

مَثَلُ مَا يُنفِقُونَ فِى هَـٰذِهِ ٱلْحَيَوٰةِ ٱلدُّنْيَا كَمَثَلِ رِيحٍۢ فِيهَا صِرٌّ أَصَابَتْ حَرْثَ قَوْمٍۢ ظَلَمُوٓا۟ أَنفُسَهُمْ فَأَهْلَكَتْهُ ۚ وَمَا ظَلَمَهُمُ ٱللَّهُ وَلَـٰكِنْ أَنفُسَهُمْ يَظْلِمُونَ

Translation: อุปมาสิ่งที่พวกเขาบริจาคไปในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ อุปมัยลมซึ่งมีความเย็นจัด ได้ประสบแก่พืชผลของชนกลุ่มหนึ่งที่อธรรมแก่ตัวเองแล้วได้ทำลายพืชผลนั้น(173) อัลลอฮ์มิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง

Comment: (173)หมายถึงสิ่งที่พวกเขาบริจาคไปนั้นไร้ผล เนื่องจากพวกเขามิได้ศรัทธาอันเป็นการอธรรมแก่ตัวเอง

3:118

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَتَّخِذُوا۟ بِطَانَةًۭ مِّن دُونِكُمْ لَا يَأْلُونَكُمْ خَبَالًۭا وَدُّوا۟ مَا عَنِتُّمْ قَدْ بَدَتِ ٱلْبَغْضَآءُ مِنْ أَفْوَٰهِهِمْ وَمَا تُخْفِى صُدُورُهُمْ أَكْبَرُ ۚ قَدْ بَيَّنَّا لَكُمُ ٱلْـَٔايَـٰتِ ۖ إِن كُنتُمْ تَعْقِلُونَ

Translation: โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าได้ยึดเอาเพื่อสนิทที่รู้เห็นกิจการภายในอื่นจากพวกของเจ้าเอง ซึ่งเขาเหล่านั้นจะไม่ลดละแก่พวกเจ้าในการก่อความเสียหายให้เกิดขึ้น พวกเขาชอบการที่พวกเจ้าลำบาก แท้จริงความเกลียดชังต่างๆ ได้เผยออกมาแล้วจากปากของพวกเขา และสิ่งที่หัวอกของพสกเขาซ่อนไว้นั้นใหญ่ยิ่งกว่า แน่นอนเราได้แจกแจงบรรดาโองการไว้แก่พวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าใช้ปัญญา

3:119

هَـٰٓأَنتُمْ أُو۟لَآءِ تُحِبُّونَهُمْ وَلَا يُحِبُّونَكُمْ وَتُؤْمِنُونَ بِٱلْكِتَـٰبِ كُلِّهِۦ وَإِذَا لَقُوكُمْ قَالُوٓا۟ ءَامَنَّا وَإِذَا خَلَوْا۟ عَضُّوا۟ عَلَيْكُمُ ٱلْأَنَامِلَ مِنَ ٱلْغَيْظِ ۚ قُلْ مُوتُوا۟ بِغَيْظِكُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ عَلِيمٌۢ بِذَاتِ ٱلصُّدُورِ

Translation: พึงรู้เถิดว่า พวกเจ้านี้แหละรักใคร่พวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รักใคร่พวกเจ้า และพวกเจ้าศรัทธาต่อคัมภีร์ทุกเล่ม(174) และเมื่อพวกเขาพบพวกเจ้าพวกเขาก็กล่าวว่า พวกเราศรัทธากันแล้ว และเมื่อพวกเขาอยู่แต่ลำพัง พวกเขาก็กัดนิ้วมือ เนื่องจากความเคียดแค้นแก่พวกเจ้า จงกล่าเถิด(มุฮัมมัด) ว่า พวกเจ้าจงตายด้วยความเคียดแค้นของพวกเจ้าเถิด แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในหัวอกทั้งหลาย

Comment: (174)คือคัมภีร์ทุกเล่มที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมา

3:120

إِن تَمْسَسْكُمْ حَسَنَةٌۭ تَسُؤْهُمْ وَإِن تُصِبْكُمْ سَيِّئَةٌۭ يَفْرَحُوا۟ بِهَا ۖ وَإِن تَصْبِرُوا۟ وَتَتَّقُوا۟ لَا يَضُرُّكُمْ كَيْدُهُمْ شَيْـًٔا ۗ إِنَّ ٱللَّهَ بِمَا يَعْمَلُونَ مُحِيطٌۭ

Translation: หากมีความดีใดๆ ประสบแก่พวกเจ้า ก็ทำให้พวกเขาเศร้าใจ และถ้าหากความชั่วใด ๆ ประสบแก่พวกเจ้า พวกเขาก็ดีใจเนื่องด้วยความชั่วนั้น และถ้าพวกเจ้าอดทน และยำเกรงแล้วไซร้ อุบายของพวกเขาก็ย่อมไม่เป็นอันตรายแก่พวกเจ้าแต่อย่างใดแท้จริงอัลลอฮ์ทรงล้อม(175) ซึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำกัน

Comment: (175)คำว่า “ล้อม” นั้นหมายถึง “รู้” เพราะสิ่งที่ถูกล้อมไว้นั้นย่อมอยู่ในการรู้เห็นโดยสิ้นเชิง

3:121

وَإِذْ غَدَوْتَ مِنْ أَهْلِكَ تُبَوِّئُ ٱلْمُؤْمِنِينَ مَقَـٰعِدَ لِلْقِتَالِ ۗ وَٱللَّهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ

Translation: และจงรำลึกถึงขณะที่เจ้าจากครอบครัวของเจ้าไปแต่เช้าตรู่ โดยที่เจ้าจะได้จัดให้บรรดามุมินประจำที่มั่นต่างๆ เพื่อการสู้รบ(176) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

Comment: (176)กล่าวคือร่อซูลุลอฮ์ได้จากครอบครัวของท่านไปในสงครามอุฮุด ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันเสาร์ที่เจ็ดเดือนเชาวาล ในปีที่สามแห่ง ฮ.ศ. เพื่อจัดเตรียมที่มั่นให้แก่บรรดามุมินคือ ที่มั่นของพลธนู ที่มั่นของทหารม้า และที่มั่นของทหารทั่วๆ ไปในการสู้รบครั้งนี้ท่านร่อซูลได้ออกไปพร้อมกับกำลังทหารเพียง 1,000 คน เท่านั้น กระนั้นก็ตาม แต่เมื่อได้เดินทางไปถึงครึ่งทางอับดุลลอฮ์ บินอุมัย บินสะลูน ผู้เป็นหัวหน้ามุนาฟิกีน ก็ทุจริตต่อท่านโดยนำพวกของตนจำนวน 300 คนกลับ ท่านร่อซูลจึงเหลือกำลังทหารเพียง 700 คนเท่านั้น ท่านได้ใช้ภูเขาอุฮุดเป็นที่กำบังด้านหลัง ในจำนวนทหารของท่านนั้นมีทหารสวมเสื้อเกราะ 100 คน ทหารม้า 2 คน และทหารธนูอีกจำนวนหนึ่งซึ่งประจำที่มั่นอยู่บนภูเขา คอยทำหน้าที่สกัดกำลังทหารของฝ่ายศัตรูที่จะโอบมาทางด้านหลัง ส่วนทหารของฝ่ายศัตรูซึ่งนำโดยอบูซุฟยานนั้นมีจำนวนถึง 3,000 คน มีทหารสวมเสื้อเกราะ700 คน ทหารม้า 200 คน มีผู้หญิงสำหรับเป็นกองเชียร์ 15 คน พร้อมด้วยกลองเพื่อตีปลุกใจนักรบของตน ในจำนวนนี้มีฮินดุน ภรรยาของอะบูซุฟยานด้วย

3:122

إِذْ هَمَّت طَّآئِفَتَانِ مِنكُمْ أَن تَفْشَلَا وَٱللَّهُ وَلِيُّهُمَا ۗ وَعَلَى ٱللَّهِ فَلْيَتَوَكَّلِ ٱلْمُؤْمِنُونَ

Translation: จงรำลึกขณะที่สองกลุ่ม(177) ในหมู่พวกเจ้ารู้สึกอ่อนแอและขลาดกลัว(178) และอัลลอฮ์เป็รนผู้ทรงคุ้มครองทั้งสองกลุ่มนั้นไว้ และแด่อัลลอฮ์มุอ์มินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด

Comment: (177)คือ กลุ่มบะนูสะละมะอ์ จากค็อซรอจญ์ และกลุ่มบะนูฮาริซะฮ์ จากเอาส์ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้เป็นปีกซ้ายและปีกขวาของกองทัพ

Comment: (178)ทั้งนี้เพราะเห็นอับดุลลอฮ์ บินอุมัย บินสะลูน นำกำลังทหารไปเกือบหนึ่งในสามของกำลังทหารทั้งหมด

3:123

وَلَقَدْ نَصَرَكُمُ ٱللَّهُ بِبَدْرٍۢ وَأَنتُمْ أَذِلَّةٌۭ ۖ فَٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ لَعَلَّكُمْ تَشْكُرُونَ

Translation: และแน่นอน อัลลอฮ์ได้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าที่บะดัร(179) มาแล้วทั้งๆ ที่พวกเข้าเป็นพวกด้อยกว่า(180) ดังนั้น พวกเจ้าพึงยำเกรงอัลลอ์เถิด หวังว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ

Comment: (179)บะดัรเป็นสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมักกะฮ์ กับมะดีนะฮ์ สงครามที่เกิดขึ้น ณ สถานที่นี้จึงเรียกว่า “สงครามบะดัร” บางทรรศนะกล่าวว่า “บะดัร” เป็นชื่อบ่อน้ำ ซึ่งขุดโดยบุคคลที่ชื่อว่า “บะดัร” แล้วสถานที่นั้นจึงถูกเรียกตามชื่อของบุคคลผู้นั้น

Comment: (180)คือมีจำนวนน้อยกว่าทั้งจำนวนคน อาวุธ พาหนะ และเสบียง

3:124

إِذْ تَقُولُ لِلْمُؤْمِنِينَ أَلَن يَكْفِيَكُمْ أَن يُمِدَّكُمْ رَبُّكُم بِثَلَـٰثَةِ ءَالَـٰفٍۢ مِّنَ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةِ مُنزَلِينَ

Translation: จงรำลึกถึงขณะที่เจ้า(มุฮัมมัด) กล่าวแก่บรรดามุอ์มินว่า ไม่เพียงพอแก่พวกเจ้าเลยหรือ การที่พระเจ้าของพวกท่านจะหนุนกำลังแก่พวกท่าน ด้วยมลาอิกะฮ์จำนวนสามพันท่านโดยถูกส่งลงมา

3:125

بَلَىٰٓ ۚ إِن تَصْبِرُوا۟ وَتَتَّقُوا۟ وَيَأْتُوكُم مِّن فَوْرِهِمْ هَـٰذَا يُمْدِدْكُمْ رَبُّكُم بِخَمْسَةِ ءَالَـٰفٍۢ مِّنَ ٱلْمَلَـٰٓئِكَةِ مُسَوِّمِينَ

Translation: เพียงพอแน่นอน หากพวกเจ้าอดทนและยำเกรง(181) และพวกเขาจะ(182) มายังพวกเจ้าทันทีทันใดขณะนี(183) แล้วพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าก็จะหนุนกำลังแก่พวกเจ้าอีก ด้วยจำนวนมลาอิกะฮ์ห้าพันท่าน โดยมีเครื่องหมายแสดง(184)

Comment: (181)คือยำเกรงอัลลอฮ์ โดยปฏิบัติตามหน้าที่ซึ่งท่านนบีได้กำหนดไว้

Comment: (182)คือพวกมุชริกีน

Comment: (183)คำว่า “มินเฟาริฮิม” นั้นใน “อัล-มุนญิด” ให้ความหมายว่า “ฮาลัน” ซึ่งแปลว่า “ทันทีทันใด”

Comment: (184)คือมะลาอิกะฮ์ทุกท่านมีเครื่องหมายทุกท่าน

3:126

وَمَا جَعَلَهُ ٱللَّهُ إِلَّا بُشْرَىٰ لَكُمْ وَلِتَطْمَئِنَّ قُلُوبُكُم بِهِۦ ۗ وَمَا ٱلنَّصْرُ إِلَّا مِنْ عِندِ ٱللَّهِ ٱلْعَزِيزِ ٱلْحَكِيمِ

Translation: และอัลลอฮ์มิได้ทรงให้กำลังหนุนมีขึ้น นอกจากเพื่อเป็นข่าวดีแก่พวกเจ้า และเพื่อที่หัวใจของพวกเจ้าจะได้สงบด้วยกำลังหนุนนั้น และความช่วยเหลือทั้งหลายไม่มี(จากที่อื่นใด) นอกจากที่อัลลอฮ์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น

3:127

لِيَقْطَعَ طَرَفًۭا مِّنَ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓا۟ أَوْ يَكْبِتَهُمْ فَيَنقَلِبُوا۟ خَآئِبِينَ

Translation: เพื่อพระองค์จะทรงบั่นทองส่วนหนึ่ง(185) ออกจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา หรือทรงให้พวกเขาได้รับความอัปยศ(186) แล้วพวกเขาก็จะถอยกลับไปในฐานะผู้ผิดหวัง

Comment: (185)คือให้ทหารของมุชริกีนส่วนหนึ่งเสียชีวิต

Comment: (186)คือเนื่องจากความปราชัย

3:128

لَيْسَ لَكَ مِنَ ٱلْأَمْرِ شَىْءٌ أَوْ يَتُوبَ عَلَيْهِمْ أَوْ يُعَذِّبَهُمْ فَإِنَّهُمْ ظَـٰلِمُونَ

Translation: ไม่มีสิ่งใดเป็นสิทธิของเจ้า(มุฮัมมัด) จากกิจการเหล่านั้น(187) หรือไม่ก็พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา หรือลงโทษพวกเขาเพราะพวกเขาคือผู้อธรรม

Comment: (187)คือกิจการเกี่ยวกับที่ท่านนบีถูกทำร้ายด้วยน้ำมือของพวกกุฟฟารก็ดี หรือการจัดการแก่ฝ่ายศัตรูให้ได้รับความพินาศก็ดีหาใช่เป็นสิทธิของท่านนบีที่จะเกี่ยวข้องด้วยก็หาไม่ หากแต่เป็นอำนาจของอัลลอฮ์แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น ท่านนบีมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์เท่านั้น อนึ่งข้อความในตอนต้นของอายะฮ์นี้ เป็นประโยคแทรก ส่วนข้อความต่อไปเป็นข้อความต่อจาก อะยะฮ์ก่อนที่ว่า “หรือไม่ก็พระองค์จะทรงให้เขาได้รับความอัปยศ” แล้วต่อด้วยคำว่า “หรือไม่ก็พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา..”

3:129

وَلِلَّهِ مَا فِى ٱلسَّمَـٰوَٰتِ وَمَا فِى ٱلْأَرْضِ ۚ يَغْفِرُ لِمَن يَشَآءُ وَيُعَذِّبُ مَن يَشَآءُ ۚ وَٱللَّهُ غَفُورٌۭ رَّحِيمٌۭ

Translation: และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์(188) และจะทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์(189) และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

Comment: (188)หมายถึงผู้สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว และขออภัยโทษต่อพระองค์ พร้อมกันนั้นจะไม่กลับกระทำผิดอีก

Comment: (189)หมายถึงที่ดื้อดึง และยโสไม่ยอมสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว

3:130

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَأْكُلُوا۟ ٱلرِّبَوٰٓا۟ أَضْعَـٰفًۭا مُّضَـٰعَفَةًۭ ۖ وَٱتَّقُوا۟ ٱللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ

Translation: โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินดอกเบี้ยหลายเท่าที่ทวีคูณ และพวกเขาพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ(190)

Comment: (190)สาเหตุแห่งลงอายะอ์นี้มาก็คือ ในสมัยญาฮิลียะฮ์นั้น มีการเป็นหนี้กัน ครั้นเมื่อถึงกำหนดใช้คืน ลูกหนี้ไม่มีเงินใช้เจ้าหนี้จะกล่าวแก่ลูกหนี้ว่า จงเพิ่มจำนวนหนี้ให้แก่ฉันซิ ฉันจะต่อเวลาการใช้หนี้ให้ กล่าวคือ ถ้าเป็นหนี้ 100 บาท ก็ให้เพิ่มเป็น 120 หรือ130 บาท เป็นต้น เจ้าหนี้ก็จะต่อเวลาการใช้หนี้ให้อีก แต่ถ้าถึงกำหนดใช้หนี้อีก ลูกหนี้ยังไม่มีเงินใช้ เจ้าหนี้ก็จะปฏิบัติเช่นนั้นเรื่อยไป บางทีก็อาจทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้เป็นที่ต้องห้ามในอิสลาม อนึ่งมีรายงานบางกระแสว่า ลูกหนี้เองไปขอร้องให้เจ้าหนี้ต่อเวลาการใช้หนี้ให้โดยเขาจะเพิ่มจำนวนหนี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้แล้วแต่จะตกลงกันเพื่อชดเชยที่เจ้าหนี้ต้องเสียเวลาในการรับเงิน อย่างไรก็ดี มิได้หมายความว่าอายะฮ์นี้ อนุมัติให้กินดอกเบี้ยที่ไม่มีการกระทบทวีหลายเท่าได้ ทั้งนี้เนื่องจากอายะฮ์นี้เป็นอายะฮ์แรกที่ถูกประทานลงมาห้ามกินดอกเบี้ยแบบที่เคยได้ปฏิบัติกันมาในสมัยญาฮิลียะฮ์ แล้วอัลลอฮ์ได้ทรงประทานบรรดาอายะฮ์ห้ามกินดอกเบี้ยโดยเด็ดขาดลงมาอีก ไม่ว่าดอกเบี้ยนั้นจะมากน้อยเท่าใดก็ตาม ซึ่งอยู่ในกลุ่มของบรรดาอายะฮ์สุดท้ายที่ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับข้อบังคับในการปฏิบัติ บรรดาอายะฮ์ดังกล่าวปรากฏอยู่ในซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 275-281 นอกจากนี้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังได้กล่าวห้ามไว้หลายครั้งหลายหน ดังในโอวาทหนึ่งที่ท่านได้กล่าวห้ามว่า “ขออัลลอฮ์ทรงสาปแช่งผู้กินดอกเบี้ยและผู้ให้ดอกเบี้ย และผู้เขียนคำสัญญาเกี่ยวกับดอกเบี้ย และผู้เป็นพยานด้วย” และท่านได้แจ้งให้ทราบด้วยว่า “ผู้ที่ไม่ยอมงดการกินดอกเบี้ยนั้น พึงรับรู้ด้วยว่า อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ได้ทรงประกาศสงครามกับเขา”

3:131

وَٱتَّقُوا۟ ٱلنَّارَ ٱلَّتِىٓ أُعِدَّتْ لِلْكَـٰفِرِينَ

Translation: และพวกเจ้าจงเกรงกลัวไฟนรกที่ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเถิด

3:132

وَأَطِيعُوا۟ ٱللَّهَ وَٱلرَّسُولَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ

Translation: และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา

3:133

۞ وَسَارِعُوٓا۟ إِلَىٰ مَغْفِرَةٍۢ مِّن رَّبِّكُمْ وَجَنَّةٍ عَرْضُهَا ٱلسَّمَـٰوَٰتُ وَٱلْأَرْضُ أُعِدَّتْ لِلْمُتَّقِينَ

Translation: และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างของมัน คือบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรง

3:134

ٱلَّذِينَ يُنفِقُونَ فِى ٱلسَّرَّآءِ وَٱلضَّرَّآءِ وَٱلْكَـٰظِمِينَ ٱلْغَيْظَ وَٱلْعَافِينَ عَنِ ٱلنَّاسِ ۗ وَٱللَّهُ يُحِبُّ ٱلْمُحْسِنِينَ

Translation: คือบรรดาผู้ที่บริจาคทั้งในยามสุขสบาย และในยามเดือดร้อน(191) และบรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮ์ทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย

Comment: (191)คือในยามมั่งมี และในยามฝืดเคือง

3:135

وَٱلَّذِينَ إِذَا فَعَلُوا۟ فَـٰحِشَةً أَوْ ظَلَمُوٓا۟ أَنفُسَهُمْ ذَكَرُوا۟ ٱللَّهَ فَٱسْتَغْفَرُوا۟ لِذُنُوبِهِمْ وَمَن يَغْفِرُ ٱلذُّنُوبَ إِلَّا ٱللَّهُ وَلَمْ يُصِرُّوا۟ عَلَىٰ مَا فَعَلُوا۟ وَهُمْ يَعْلَمُونَ

Translation: บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใดๆ หรือ อยุติธรรมแก่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮ์แล้วขออภัยโทษในบรรดาความผิดของพวกเขา และใครเล่าที่จะอภัยโทษบรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้นอกจากอัลลอฮ์แล้ว(192) และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่ง(193) ที่เขาเคยปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้กันอยู่

Comment: (192)เป็นประโยคแทรก

Comment: (193)คือปฏิบัติในสิ่งชั่ว

3:136

أُو۟لَـٰٓئِكَ جَزَآؤُهُم مَّغْفِرَةٌۭ مِّن رَّبِّهِمْ وَجَنَّـٰتٌۭ تَجْرِى مِن تَحْتِهَا ٱلْأَنْهَـٰرُ خَـٰلِدِينَ فِيهَا ۚ وَنِعْمَ أَجْرُ ٱلْعَـٰمِلِينَ

Translation: ชนเหล่านี้แหละ การตอบแทนแก่พวกเขาคือการอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเขาและบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายในสวนเหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนเหล่านั้นตลอดกาล และรางวัลของผู้ทำงาน(194) นั้นช่างเลิศจริงๆ

Comment: (194)คือผู้ทำงานตามบัญญัติศาสนา

3:137

قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِكُمْ سُنَنٌۭ فَسِيرُوا۟ فِى ٱلْأَرْضِ فَٱنظُرُوا۟ كَيْفَ كَانَ عَـٰقِبَةُ ٱلْمُكَذِّبِينَ

Translation: แน่นอนได้ผ่านพ้นมาแล้วก่อนพวกเจ้า ซึ่งแนวทางต่างๆ(195) ดังนั้นพวกเจ้าจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธเป็นอย่างไร?

Comment: (195)คือแนวทางของอัลลอฮ์ที่ทรงปฏิบัติแก่ประชาชาติในอดีต กล่าวคือผู้ใดดื้อดึงและฝ่าฝืนบัญญัติของพระองค์หรือคำสั่งของร่อซูล แน่นอนความพินาศก็ย่อมประสบแก่พวกเขาอายะฮ์นี้ถูกประทานลงมา เนื่องจากความปราชัยของมุสลิมีนในสงครามอุฮุด เพื่อเตือนพวกเขาให้รู้ว่า การฝ่าฝืนคำสั่งของร่อซูลนั้น มีผลลัพธ์เป็นอย่างไ

3:138

هَـٰذَا بَيَانٌۭ لِّلنَّاسِ وَهُدًۭى وَمَوْعِظَةٌۭ لِّلْمُتَّقِينَ

Translation: นี่คือ ข้อชี้แจงอันชัดเจนสำหรับมนุษย์ และเป็นคำแนะนำที่ถูกต้อง และเป็นคำตักเตือนสำหรับผู้ยำเกรงทั้งหลาย

3:139

وَلَا تَهِنُوا۟ وَلَا تَحْزَنُوا۟ وَأَنتُمُ ٱلْأَعْلَوْنَ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ

Translation: และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้(196) และจงอย่าเสียใจ(197) และพวกเจ้านั้นคือผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา(198)

Comment: (196)คืออย่าท้อแท้ในการต่อสู้ฝ่ายอธรรมอย่างเช่นที่แล้วมาในสงครามอุฮุด

Comment: (197)คือย่าเสียใจในความปราชัย และในบรรดาชีวิตที่ได้สูญเสียไปในสงครามอุฮุด

Comment: (198)คือเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริงโดยปฏิบัติตามบัญญัติศาสนา และคำสั่งของร่อซูลอย่างเคร่งครัด

3:140

إِن يَمْسَسْكُمْ قَرْحٌۭ فَقَدْ مَسَّ ٱلْقَوْمَ قَرْحٌۭ مِّثْلُهُۥ ۚ وَتِلْكَ ٱلْأَيَّامُ نُدَاوِلُهَا بَيْنَ ٱلنَّاسِ وَلِيَعْلَمَ ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَيَتَّخِذَ مِنكُمْ شُهَدَآءَ ۗ وَٱللَّهُ لَا يُحِبُّ ٱلظَّـٰلِمِينَ

Translation: หากบาดแผลหนึ่งบาดแผลใดประสบแก่พวกเจ้า แน่นอนก็ย่อมประสบแก่พวกนั้น(199) ซึ่งบาดแผลเยี่ยงเดียวกัน และบรรดาวันเหล่านั้น เราได้ให้มันหมุนเวียนไประหว่างมนุษย์(200) และเพื่ออัลลอฮ์จะได้ทรงรับรู้บรรดาผู้ที่ศรัทธา(201) แลเพื่อเอาบรรดาผู้เสียชีวิตในสงคราม(202) จากพวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักใคร่ผู้อธรรมทั้งหลาย(203)

Comment: (199)คือพวกมุชริกีนที่ต่อสู่ในสงครามอุฮุด

Comment: (200)คือบรรดาวันต่างๆ ที่มีทั้งชัยชนะและความปราชัยนั้น อัลลอฮ์ได้ทรงให้มันหมุนเวียนไประหว่างมนุษย์ กล่าวคือทรงให้แต่ละฝ่ายชนะบ้าง แพ้บ้าง ทั้งนี้เป็นไปตามกฎสภาวการณ์ของพระองค์ ในการนี้ทำให้พวกเขาต่างลิ้มรสแห่งชัยชนะและความปราชัย อันเป็นเหตุให้มีการศึกษาว่าอะไรคือสาเหตุแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้ เฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายมุสลิมีนจะได้ทราบว่า การปฏิญาณว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และยอมรับว่านบีมุฮัมมัดเป็นร่อซูลของพระองค์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ช่วยให้พวกเขาได้รับชัยชนะได้ หากแต่พวกเขาจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามบัญญัติศาสนาโดยถูกต้องตามความเป็นจริง พร้อมกับยืดถือกฎสภาวการณ์ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดไว้แก่โลกอีกด้วย เมื่อนั้นแหละพวกเขาจะได้รับชัยชนะตลอดไป

Comment: (201)คือต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง อนึ่งความที่ว่า “เพื่ออัลลอฮ์จะได้ทรงรู้ถึงบรรดาผู้ที่ศรัทธา” นั้นมิได้หมายความว่า พระองค์ยังมิทรงรู้ว่าใครเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง จนกว่าจะทดสอบก่อนก็หาไม่ ความจริงพระองค์ทรงรู้อย่างดีว่า ใครศรัทธาจริงหรือไม่ แต่ก็ให้มีการทดสอบนั้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธารู้ด้วยตัวเองว่า ตนเป็นผู้ศรัทธาจริงตามที่ได้ปฏิบัติญาณไว้หรือไม่เท่านั้น และในการที่ทรงกล่าวว่า “เพื่อพระองค์จะได้ทรงรู้” ทั้ง ๆ ที่ทรงรู้อยู่แล้วนั้น ก็เพียงเพื่อให้เป็นถ้อยคำคล้ายกับที่มนุษย์ใช่กันอยู่เท่านั้น ซึ่งผู้ศรัทธาต่อพระองค์ทุกคนย่อมเข้าใจกันดีเพราะต่างก็ได้ศึกษาคุณลักษณะของพระองค์กันแล้ว

Comment: (202)กล่าวคือ เพื่อที่อัลลอฮ์จะได้ทรงให้เกียรติแก่กลุ่มหนึ่งในหมู่มุสลิมีน โดยให้พวกเขาตายชะฮีด อันเป็นสิ่งที่พวกเขาพึงปรารถนาเพราะผู้ที่ตายชะฮีดนั้น นอกจากจะเป็นชาวสวรรค์แล้วยังเป็นผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์ด้วย ดังกล่าวนี้เนื่องจากมีมุสลิมกลุ่มหนึ่งไม่มีโอกาสร่วมในสงครามบะดัร และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้จะเผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูเพื่อว่าพวกเขาจะได้รับเกียรติจากอัลลอฮ์โดยให้พวกเขาตายชะฮีดเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงให้เกียรติแก่เพื่อน ๆ ของพวกเขาในสงคราม “บะดัร”

Comment: (203)คือผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด อันก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเองประหนึ่งเป็นผู้ข่มเหงตัวของตนเองกระนั้น

3:141

وَلِيُمَحِّصَ ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ وَيَمْحَقَ ٱلْكَـٰفِرِينَ

Translation: เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงขัดเกลาบรรดาผู้ศรัทธาให้บริสุทธิ์ และทรงขจัดบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาให้หมดไป

3:142

أَمْ حَسِبْتُمْ أَن تَدْخُلُوا۟ ٱلْجَنَّةَ وَلَمَّا يَعْلَمِ ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ جَـٰهَدُوا۟ مِنكُمْ وَيَعْلَمَ ٱلصَّـٰبِرِينَ

Translation: หรือว่าพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวนสวรรค์(204) ทั้งๆ ที่อัลลอฮ์ยังมิได้ทรงรู้(205) บรรดาผู้ที่ต่อสู้(ญิฮาด) ในหมู่พวกเจ้า พร้อมกันนั้น(206) พระองค์ก็จะทรงรู้บรรดาผู้ที่อดทนด้วย

Comment: (204)คือจงอย่าได้คิดเช่นนั้นเลย ตราบใดที่พวกเจ้ายังมิได้มีการเสียสละ แต่ต่อสู้ด้วยความจริงใจ และมีความอดทน

Comment: (205)คำว่า “ยังมิได้ทรงรู้” นั้นมีความหมายอย่างเดียวกับความหมายของอายะฮ์ที่ 140 ของซูเราะฮ์นี้ ซึ่งได้อธิบายไว้แล้ว โปรดพลิกไปดูใหม่

Comment: (206)คำว่า “พร้อมกันนั้น” แปลจาก “วาวุล มะอียะฮ์” ในคำที่ว่า “วะยะอ์ ละมัศซอบิรีน”

3:143

وَلَقَدْ كُنتُمْ تَمَنَّوْنَ ٱلْمَوْتَ مِن قَبْلِ أَن تَلْقَوْهُ فَقَدْ رَأَيْتُمُوهُ وَأَنتُمْ تَنظُرُونَ

Translation: และแน่นอนพวกเจ้า(207) เคยปรารถนาความตาย(208) ก่อนจากที่พวกเจ้าจะได้พบมัน แล้วแน่นอนพวกเจ้าก็ได้เห็นมันแล้ว(209) ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่(210)

Comment: (207)หมายถึงบรรดามุมินที่มิได้มีโอกาสต่อสู้ในสมรภูมิ “บะดัร”

Comment: (208)คือเคยปรารถนาที่จะต่อสู้ฝ่ายศัตรูจนชีวิตหาไม่ในฐานะผู้ตาย ชะฮีด เช่น เพื่อน ๆ ของพวกเขาในสงคราม “บะดัร”

Comment: (209)คือเห็นสาเหตุแห่งความตายในฐานะชะฮีดแล้วในสงครามอุฮูด และเพราะเหตุใดเล่าพวกเจ้าจึงรีรออยู่ไม่ปฏิบัติตามที่ได้ตั้งใจ อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับการปราชัยของฝ่ายมุสลิม เมื่อฝ่ายศัตรูโฆษณาหลอกลวงว่า ท่านนบีเสียชีวิตแล้ว ในการนี้พวกมุนาฟิกได้กล่าวแก่บรรดามุมินว่า หากท่านนบีเสียชีวิต พวกท่านก็จงกลับไปสู่ศาสนาเดิมเถิด

Comment: (210)คือมองดูการต่อสู้อันเป็นสาเหตุให้ได้มาซึ่งการตายชะฮีดอยู่

3:144

وَمَا مُحَمَّدٌ إِلَّا رَسُولٌۭ قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِهِ ٱلرُّسُلُ ۚ أَفَإِي۟ن مَّاتَ أَوْ قُتِلَ ٱنقَلَبْتُمْ عَلَىٰٓ أَعْقَـٰبِكُمْ ۚ وَمَن يَنقَلِبْ عَلَىٰ عَقِبَيْهِ فَلَن يَضُرَّ ٱللَّهَ شَيْـًۭٔا ۗ وَسَيَجْزِى ٱللَّهُ ٱلشَّـٰكِرِينَ

Translation: และมุฮัมมัดหาใชผู้ใดไม่ นอกจากเป็นร่อซูลผู้หนึ่งเท่านั้น(211) ซึ่งบรรดาร่อซูลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว(212) แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ?(213) และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์แต่อย่างใดเลย(214) และอัลลอฮ์จะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย

Comment: (211)คือเป็นปุถุชนผู้หนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นร่อซูล ซึ่งย่อมจะประสบกับความเจ็บป่วย และแก่ตาย

Comment: (212)คือบรรดาร่อซูลก่อน ๆ เช่นเดียวกับนบีมุฮัมมัดก็ได้เสียชีวิตกันไปหมดแล้ว

Comment: (213)คำว่า “หันส้นเท้า” นั้น หมายถึงหันกลับไปสู่สภาพเดิม คือสภาพแห่งการเป็นกุฟร

Comment: (214)คือการที่ผู้ใดกลับไปสู่สภาพการเป็นกุฟร หาได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์แต่อย่างใด หากแต่เป็นอันตรายแก่ตัวเขาต่างหาก

3:145

وَمَا كَانَ لِنَفْسٍ أَن تَمُوتَ إِلَّا بِإِذْنِ ٱللَّهِ كِتَـٰبًۭا مُّؤَجَّلًۭا ۗ وَمَن يُرِدْ ثَوَابَ ٱلدُّنْيَا نُؤْتِهِۦ مِنْهَا وَمَن يُرِدْ ثَوَابَ ٱلْـَٔاخِرَةِ نُؤْتِهِۦ مِنْهَا ۚ وَسَنَجْزِى ٱلشَّـٰكِرِينَ

Translation: และมิเคยปรากฏแก่ชีวิตใดที่จะตายนอกจากด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์เท่านั้น(215) ทั้งนี้เป็นลิขิตที่ถูกกำหนดไว้(216) และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในโลกนี้ เราก็จะให้แก่เขาจากโลกนี้ และผู้ใดต้องการผลตอบแทนในปรโลก เราก็จะให้แก่เขาจากปรโลกและจะตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย

Comment: (215)คือด้วยสาเหตุแห่งความตายทั้งหลายที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดไว้ กล่าวคือถ้าผู้ใดไม่พบสาเหตุแห่งความตายดังกล่าว เขาก็ยังไม่ถึงแก่ความตาย และถ้าผู้ใดประสบสาเหตุแห่งความตาย เขาก็ถึงแก่ความตาย อันถือได้ว่าความตายของเขานั้นเป็นไปด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ อนึ่ง โปรดเข้าใจด้วยว่า ถ้าอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้ใครตายแล้ว พระองค์ย่อมให้เขาตายได้โดยไม่ต้องอาศัยสาเหตุใด ๆ หรือให้เขาประสบกับสาเหตุแห่งความตายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ ทั้งหมดนั้นอยู่ในเดชานุภาพของพระองค์ทั้งสิ้น

Comment: (216)คือถูกกำหนดไว้ในสาเหตุแห่งความตายตามกฎสภาวการณ์ ที่ได้ทรงกำหนดไว้แก่โลก

3:146

وَكَأَيِّن مِّن نَّبِىٍّۢ قَـٰتَلَ مَعَهُۥ رِبِّيُّونَ كَثِيرٌۭ فَمَا وَهَنُوا۟ لِمَآ أَصَابَهُمْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ وَمَا ضَعُفُوا۟ وَمَا ٱسْتَكَانُوا۟ ۗ وَٱللَّهُ يُحِبُّ ٱلصَّـٰبِرِينَ

Translation: และนบีกี่มากน้อยแล้ว ที่กลุ่มชนอันมากมายได้ต่อสู้ร่วมกับเขา แล้วพวกเขาหาได้ท้อแท้ไม่ต่อสิ่งที่ได้ประสบแก่พวกเขาในทางของอัลลอฮ์(217) และพวกเขาหาได้อ่อนกำลังลง และหาได้ยอมสยบไม่ และอัลลอฮ์ทรงรักผู้ที่อดทนทั้งหลาย

Comment: (217)เช่นได้รับบาดแผล และสูญเสียชีวิต เป็นต้น

3:147

وَمَا كَانَ قَوْلَهُمْ إِلَّآ أَن قَالُوا۟ رَبَّنَا ٱغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَإِسْرَافَنَا فِىٓ أَمْرِنَا وَثَبِّتْ أَقْدَامَنَا وَٱنصُرْنَا عَلَى ٱلْقَوْمِ ٱلْكَـٰفِرِينَ

Translation: และคำพูดของพวกเขามิปรากฏเป็นอื่นใด นอกจากพวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลแห่งพวกข้าพระองค์ โปรดได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด ซึ่งบรรดาความผิดของพวกข้าพระองค์ และการที่พวกข้าพระองค์กระทำเกินขอบเขตในกิจการของพวกข้าพระองค์ และโปรดทรงให้เท้าของพวกข้าพระองค์มั่นอยู่(218) และโปรดทรงช่วยเหลือพวกข้าพระองค์ให้ชนะเหนือกลุ่มชนผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วย

Comment: (218)คือให้เท้ายืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงในขณะทำการต่อสู้โดยไม่ถอยหนี

3:148

فَـَٔاتَىٰهُمُ ٱللَّهُ ثَوَابَ ٱلدُّنْيَا وَحُسْنَ ثَوَابِ ٱلْـَٔاخِرَةِ ۗ وَٱللَّهُ يُحِبُّ ٱلْمُحْسِنِينَ

Translation: แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงประทานให้แก่พวกเขา ซึ่งผลตอบแทนแห่งโลกนี้(219) และผลตอบแทนที่ดีแห่งปรโลก(220) และอัลลอฮ์ทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย

Comment: (219)คือให้พวกเขาได้รับชัยชนะและได้รับทรัพย์เชลยอันมากมาย

Comment: (220)คือได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ และเข้าอยู่ในสวนสวรรค์ของพระองค์

3:149

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓا۟ إِن تُطِيعُوا۟ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ يَرُدُّوكُمْ عَلَىٰٓ أَعْقَـٰبِكُمْ فَتَنقَلِبُوا۟ خَـٰسِرِينَ

Translation: โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้าเชื่อฟังบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาแล้ว พวกเขาก็จะให้พวกเจ้ากลับส้นเท้าของพวกเจ้าเสีย(221) แล้วพวกเจ้าก็จะกลับเป็นผู้ที่ขาดทุน

Comment: (221)หมายถึงให้พวกเจ้าหันหลังให้แก่อิสลาม และกลับไปสู่สภาพแห่งการกุฟรอย่างเดิม อนึ่งพึงสังเกตว่าในสำนวนของอัลกุรอานนั้นใช้คำว่า “กลับส้นเท้า” ในความหมายของ “การผินหลังให้” ทั้งนี้ก็เพราะการกลับส้นเท้านั้น ทำให้ต้องผินหลังให้พร้อมกันไปด้วย

3:150

بَلِ ٱللَّهُ مَوْلَىٰكُمْ ۖ وَهُوَ خَيْرُ ٱلنَّـٰصِرِينَ

Translation: แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหาก(222) คือผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า และพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ดีเยี่ยมในบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย

Comment: (222)คือมิใช่ใครอื่นทั้งสิ้นที่จะช่วยเหลือพวกเจ้าได้นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น ดังนั้นจงเชื่อฟังพระองค์เถิด

3:151

سَنُلْقِى فِى قُلُوبِ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ ٱلرُّعْبَ بِمَآ أَشْرَكُوا۟ بِٱللَّهِ مَا لَمْ يُنَزِّلْ بِهِۦ سُلْطَـٰنًۭا ۖ وَمَأْوَىٰهُمُ ٱلنَّارُ ۚ وَبِئْسَ مَثْوَى ٱلظَّـٰلِمِينَ

Translation: เราจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น(223) เนื่องจากการที่พวกเขาให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ มายืนยันในสิ่งนั้น(224) และที่อยู่ของพวกเขา คือขุมนรก ช่างเลวร้ายจริง ๆ ซึ่งที่อยู่ของบรรดาผู้อธรรม

Comment: (223)คำว่า “โยนความกลัวเข้าไปในหัวใจ” นั้น หมายถึงการทำให้หัวใจหวาดกลัวนั่นเอง ข้อความดังกล่าวนี้เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเห็นภาพพจน์ ประหนึ่งว่าความกลัวนั้นเป็นวัตถุ สามารถโยนเข้าไปในหัวใจได้

Comment: (224)คือนำเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ซึ่งสิ่งนั้นหามีหลักฐานใด จากพระองค์ยืนยันไม่

3:152

وَلَقَدْ صَدَقَكُمُ ٱللَّهُ وَعْدَهُۥٓ إِذْ تَحُسُّونَهُم بِإِذْنِهِۦ ۖ حَتَّىٰٓ إِذَا فَشِلْتُمْ وَتَنَـٰزَعْتُمْ فِى ٱلْأَمْرِ وَعَصَيْتُم مِّنۢ بَعْدِ مَآ أَرَىٰكُم مَّا تُحِبُّونَ ۚ مِنكُم مَّن يُرِيدُ ٱلدُّنْيَا وَمِنكُم مَّن يُرِيدُ ٱلْـَٔاخِرَةَ ۚ ثُمَّ صَرَفَكُمْ عَنْهُمْ لِيَبْتَلِيَكُمْ ۖ وَلَقَدْ عَفَا عَنكُمْ ۗ وَٱللَّهُ ذُو فَضْلٍ عَلَى ٱلْمُؤْمِنِينَ

Translation: และแน่นอน อัลลอฮ์ได้ทรงให้สัญญาของพระองค์สมจริงแก่พวกเจ้าแล้ว ขณะที่พวกเจ้าเข่นฆ่าพวกเขา(225) ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์จนกระทั้งพวกเจ้าขลาดที่จะต่อสู้(226) และขัดแย้งกันในคำสั่ง(227) และพวกเจ้าได้ฝ่าฝืน(228) หลังจากที่พระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าชอบแล้ว(229) จากพวกเจ้ามีผู้ที่ต้องการโลกนี้(230) และจากพวกเจ้ามีผู้ที่ต้องการโลกอาคิเราะฮ์(ปรโลก)(231) แล้วพระองค์ก็ทรงให้พวกเจ้าหันกลับจากพวกเขาเสีย(232) เพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้า และแน่นอนพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าแล้ว และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงมีพระคุณแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย

Comment: (225)คือในตอนเริ่มแรกของการสู้รบในสงคราอุฮุด

Comment: (226)คือเนื่องจากพวกเจ้าถูกจู่โจมจากฝ่ายศัตรู ซึ่งโอบล้อมมาทางเบื้องหลัง ขณะที่พวกเจ้ากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บทรัพย์เชลยที่ฝ่ายศัตรูทิ้งไว้ในตอนเริ่มแรกของการสู้รบจึงทำให้พวกเจ้าเสียขวัญพากันหนีเอาตัวรอด ไม่คิดที่จะต่อสู้เพราะความกลัว

Comment: (227)หมายถึงขัดแย้งกันระหว่างพวกแม่นธนู จำนวน 40 คน ที่ท่านนบีได้กำหนดให้ประจำอยู่บนภูเขา เพื่อสกัดกั้นการโอบล้อมของฝ่ายศัตรูจากเบื้องหลังฝ่ายหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากกว่าเห็นว่าเมื่อฝ่ายศัตรูแพ้แล้ว ก็สมควรที่จะลงไปเก็บทรัพย์เชลยเช่นเดียวกับที่เพื่อน ๆ กำลังเก็บกันอยู่ แต่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งน้อยกว่าไม่เห็นด้วย เพราะถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการ ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านนบีที่ได้กำชับมิให้พวกเขาละทิ้งที่มั่นเป็นอันขาด แม้จะเห็นศัตรูแพ้หรือฝ่ายมุสลิมเสียเปรียบก็ตาม แต่แล้วฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่าก็ฝ่าฝืนคำสั่ง และละทิ้งที่มั่นไป คงเหลือเพียง 10 คนเท่านั้น เมื่อฝ่ายศัตรูเห็นทหารแม่นธนูเหลืออยู่ไม่กี่คน จึงได้หวนกลับมาโอบเบื้องหลัง ทำให้ทหารแม่นธนูที่เหลืออยู่ไม่สามารถสกัดกั้นไว้ได้ ในการนี้ฝ่ายศัตรูจึงจู่โจมฝ่ายมุสลิมที่กำลังเผลอตัว และเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บทรัพย์เชลย อันเป็นเหตุให้ฝ่ายมุสลิมขวัญเสียและพากันหนีเอาตัวรอด

Comment: (228)หมายถึงพวกแม่นธนู จำนวน 30 คน

Comment: (229)คือเห็นชัยชนะตามที่พวกเจ้าปรารถนาแล้ว

Comment: (230)คือต้องการทรัพย์เชลยอันเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืนในโลกนี้โดยละทิ้งที่มั่นที่ท่านนบีได้กำชับไว้

Comment: (231)คือต้องการผลตอบแทนในปรโลกโดยประจำอยู่ในที่มั่นตามคำสั่งของท่านนบี อันได้แก่ทหารแม่นธนู 10 คนโดยอับดุลลอฮ์ บิน ญุมัยร์ เป็นหัวหน้า และอีก 30 คน ที่ประจำอยู่กับท่านนบี

Comment: (232)กล่าวคือเนื่องจากพวกเจ้าต้องการดุนยาและละทิ้งหน้าที่ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว อัลลอฮ์ก็ทรงระงับพวกเจ้ามิให้ติดตามฝ่ายศัตรูที่กำลังถอยหนีไปเนื่องจากพวกเจ้าลุ่มหลงในดุนยา แล้วฝ่ายศัตรูก็วกกลับมาโจมตีด้านหลัง ขณะพวกเจ้าเผลอตัว และเพลิดเพลินอยู่กับทรัพย์เชลย ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบพวกเจ้าว่าใครที่จะยังคงมั่นอยู่ในการอีมาน

3:153

۞ إِذْ تُصْعِدُونَ وَلَا تَلْوُۥنَ عَلَىٰٓ أَحَدٍۢ وَٱلرَّسُولُ يَدْعُوكُمْ فِىٓ أُخْرَىٰكُمْ فَأَثَـٰبَكُمْ غَمًّۢا بِغَمٍّۢ لِّكَيْلَا تَحْزَنُوا۟ عَلَىٰ مَا فَاتَكُمْ وَلَا مَآ أَصَـٰبَكُمْ ۗ وَٱللَّهُ خَبِيرٌۢ بِمَا تَعْمَلُونَ

Translation: จงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้าหนีเอาตัวรอด และไม่เหลียวมองคนหนึ่งคนใด(233) ทั้ง ๆ ที่ร่อซูลกำลังเรียกพวกเจ้าอยู่ทางเบื้องหลังของพวกเจ้า(234) แล้วพระองค์ก็ได้ทรงตอบแทนพวกเจ้าซึ่งความเศร้าโศกอย่างหนึ่ง(235) พร้อมด้วยความเศร้าโศกอีกอย่างหนึ่ง(236) เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ไม่สูญเสียในสิ่งที่หลุดมือพวกเจ้าไป(237) และไม่เสียใจต่อสิ่งที่ประสบแก่พวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

Comment: (233)คือเนื่องจากความตกใจกลัวที่ถูกโจมตีโดยไม่คาดคิด

Comment: (234)คือเรียกให้รวมกำลังกันใหม่เพื่อต่อสู้ฝ่ายศัตรู

Comment: (235)คือความเศร้าโศกที่ได้รับความปราชัย,และสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

Comment: (236)คือความเศร้าโศกที่เห็นร่อซูลุลลฮ์ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสาเหตุที่พวกเขาบางส่วนไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน

Comment: (237)คือในการที่พวกเจ้าได้รับความปราชัยก็ดี และสูญเสียชีวิตไปก็ดีนั้น เป็นประสบการณ์ที่ทำให้จิตใจของพวกเจ้าเข้มแข็ง และเคยชินต่อภาวะคับขัน และการสูญเสีย ทั้งนี้เพื่อว่าหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก พวกเจ้าจะได้ไม่เสียใจต่อชัยชนะที่หลุดมือไป และไม่เสียใจที่ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนการสูญเสียชีวิต เพราะการสู้รบกันนั้นย่อมมีแพ้มีชนะ อย่างไรก็ดี ถ้าพวกเจ้ายึดมั่นในคำสั่งของร่อซูลแล้วไซร้ พวกเจ้าก็ย่อมจะไม่ได้รับความเศร้าโศกเสียใจ อย่างกับที่ได้เกิดขึ้นในสงครามอุฮุด

3:154

ثُمَّ أَنزَلَ عَلَيْكُم مِّنۢ بَعْدِ ٱلْغَمِّ أَمَنَةًۭ نُّعَاسًۭا يَغْشَىٰ طَآئِفَةًۭ مِّنكُمْ ۖ وَطَآئِفَةٌۭ قَدْ أَهَمَّتْهُمْ أَنفُسُهُمْ يَظُنُّونَ بِٱللَّهِ غَيْرَ ٱلْحَقِّ ظَنَّ ٱلْجَـٰهِلِيَّةِ ۖ يَقُولُونَ هَل لَّنَا مِنَ ٱلْأَمْرِ مِن شَىْءٍۢ ۗ قُلْ إِنَّ ٱلْأَمْرَ كُلَّهُۥ لِلَّهِ ۗ يُخْفُونَ فِىٓ أَنفُسِهِم مَّا لَا يُبْدُونَ لَكَ ۖ يَقُولُونَ لَوْ كَانَ لَنَا مِنَ ٱلْأَمْرِ شَىْءٌۭ مَّا قُتِلْنَا هَـٰهُنَا ۗ قُل لَّوْ كُنتُمْ فِى بُيُوتِكُمْ لَبَرَزَ ٱلَّذِينَ كُتِبَ عَلَيْهِمُ ٱلْقَتْلُ إِلَىٰ مَضَاجِعِهِمْ ۖ وَلِيَبْتَلِىَ ٱللَّهُ مَا فِى صُدُورِكُمْ وَلِيُمَحِّصَ مَا فِى قُلُوبِكُمْ ۗ وَٱللَّهُ عَلِيمٌۢ بِذَاتِ ٱلصُّدُورِ

Translation: แล้วพระองค์ก็ทรงประทานแก่พวกเจ้า ซึ่งความปลอดภัยหลังจากความเศร้าโศกนั้น คือให้มีการงีบหลับครอบคลุมกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า(238) และอีกกลุ่มหนึ่งนั้น ตัวของพวกเขาเองทำให้พวกเขากกระวนกระวายใจ(239) พวกเขากล่าวหาอัลลอฮ์(240) โดยปราศจากความเป็นธรรมอย่างพวกสมัยงมงาย (อัลญาฮิลียะฮ์) พวกเขากล่าวว่า มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการนั้นเป็นสิทธิของเราบ้างไหม?(241) จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าแท้จริง กิจการนั้นทั้งหมดเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น(242) พวกเขาปกปิดไว้ในใจของพวกเขา สิ่งซึ่งพวกเขาจะไม่เปิดเผยแก่เจ้า(243) พวกเขากล่าวว่า หากปรากฏว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการนั้น(244) เป็นสิทธิของเราแล้วไซร้ พวกเราก็ไม่ถูกฆ่าตายที่นี่(245) จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าแม้ปรากฏว่า พวกท่านอยู่ในบ้านของพวกท่านก็ตาม แน่นอนบรรดาผู้ที่การฆ่าได้ถูกกำหนดแก่พวกเขา ก็จะออกไปสู่ที่นอนตายของพวกเขา(246) และเพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงทดสอบสิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกเจ้า(247) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่หัวอกทั้งหลาย

Comment: (238)คือให้กลุ่มหนึ่งงีบหลับไปชั่วขณะหนึ่ง เพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อย และได้มาซึ่งความกระปรี้กระเปร่า และความสดชื่น ขณะเดียวกันก็ได้รับความปลอดภัยจากศัตรูด้วย

Comment: (239)หมายถึงกลุ่มที่เป็นมุนาฟิก เนื่องจากพวกเขาไม่แน่ใจว่าท่านนบีมุฮัมมัด เป็นทูตของอัลลอฮ์จริง และไม่เชื่อว่าพระองค์จะทรงให้ความช่วยเหลือแก่นบีมุฮัมมัดด้วย

Comment: (240)คือกล่าวหาว่า แม้ว่ามุฮัมมัดจะเป็นนบีจริง อัลลอฮ์ก็ย่อมไม่ให้ความช่วยเหลือแก่เขาตามที่เขาได้เคยแจ้งให้พวกเราทราบดอก ถ้ามิเช่นนั้นแล้วฝ่ายมุสลิมจะได้รับความปราชัยได้อย่างไร?

Comment: (241)กล่าวคือพวกมุนาฟิกต่างถามกันเองว่าในการสู้รบนี้ พวกเขามีสิทธิ และอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดบ้างไหมในการมีความคิดเห็นและปฏิบัติตามที่พวกเขาเห็นชอบ ดังกล่าวนี้เป็นคำถามเพื่อให้ตอบปฏิเสธว่า พวกเขาไม่มีสิทธิอะไรเลยเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะมาพลอยเจ็บพลอยตายด้วยทำไม

Comment: (242)คือกิจการเกี่ยวกับการสู้รบนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้นไม่มีใครเกี่ยวข้องในสิทธินั้นแต่อย่างใด

Comment: (243)สิ่งนั้นก็คือการที่พวกเขาไม่เชื่อว่าท่านนบีมุฮัมมัดเป็นร่อซูลจริง และไม่เชื่อว่าอัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือนบีมุฮัมมัด

Comment: (244)คือการสู้รบ

Comment: (245)คือถ้าพวกเรามีสิทธิมีเสียงเกี่ยวกับการสู้รบบ้าง แน่นอนพวกเราก็จะไม่ออกมาสู้รบนอกเมือง หากแต่จะต่อสู้ในเมืองโดยอาศัยผนังบ้านกำบัง แล้วพวกเราก็จะไม่ถูกฆ่าที่อุฮุด

Comment: (246)คือแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในบ้านของพวกเขาก็ตาม แต่ถ้าอัลลอฮ์ทรงกำหนดให้พวกเขาต้องถูกฆ่าแล้ว เขาก็จะต้องนอนตายในสภาพที่ถูกฆ่าอยู่ดี ไม่มีใครมีอำนาจเหนือพระกำหนดของพระองค์ได้

Comment: (247)คือทดสอบความศรัทธาที่อยู่ในหัวอกของพวกเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าเองว่า พวกเจ้าได้ศรัทธากันด้วยความจริงใจหรือไม่ ขณะเดียวกันก็เพื่อขัดเกลาการอีมานที่อยู่ในใจของพวกเจ้าให้ผ่องแผ้วพร้อมกันไปด้วย

3:155

إِنَّ ٱلَّذِينَ تَوَلَّوْا۟ مِنكُمْ يَوْمَ ٱلْتَقَى ٱلْجَمْعَانِ إِنَّمَا ٱسْتَزَلَّهُمُ ٱلشَّيْطَـٰنُ بِبَعْضِ مَا كَسَبُوا۟ ۖ وَلَقَدْ عَفَا ٱللَّهُ عَنْهُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ غَفُورٌ حَلِيمٌۭ

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่อยู่ในหมู่พวกเจ้าที่หันหลังหนีในวันที่สองกลุ่ม(248) เผชิญหน้ากัน แท้จริงชัยฏอนต่างหากที่ทำให้พลั้งพลาดไป เนื่องจากบางสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้เท่านั้น(249) และแน่นอนอัลลอฮ์ก็ทรงอภัยให้แก่พวกเขาแล้ว แท้จริงอัลลอฮ์เป็นทรงอภัยโทษ ผู้ทรงหนักแน่น

Comment: (248)คือกลุ่มมุสลิม และกลุ่มชนของมุชริกในสงครามอุฮุด ที่กลุ่มมุสลิมหันหลังหนีเนื่องจากถูกโจมตีเบื้องหลังโดยไม่คาดคิด

Comment: (249)หมายถึงการละทิ้งหน้าที่ของทหารแม่นธนูที่ท่านนบีได้กำชับไว้ และการเพลิดเพลินในการเก็บทรัพย์เชลย

3:156

يَـٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوا۟ لَا تَكُونُوا۟ كَٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ وَقَالُوا۟ لِإِخْوَٰنِهِمْ إِذَا ضَرَبُوا۟ فِى ٱلْأَرْضِ أَوْ كَانُوا۟ غُزًّۭى لَّوْ كَانُوا۟ عِندَنَا مَا مَاتُوا۟ وَمَا قُتِلُوا۟ لِيَجْعَلَ ٱللَّهُ ذَٰلِكَ حَسْرَةًۭ فِى قُلُوبِهِمْ ۗ وَٱللَّهُ يُحْىِۦ وَيُمِيتُ ۗ وَٱللَّهُ بِمَا تَعْمَلُونَ بَصِيرٌۭ

Translation: โอ้ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา(250) และกล่าวแก่พวกพ้องของพวกเขา ขณะที่เขาเหล่านั้นเดินทางไปในผืนแผ่นดิน(251) หรือขณะที่เขาเหล่านั้นเป็นนักรบว่า หากพวกเขาอยู่ ณ ที่เราแล้วพวกเขาก็ย่อมไม่ตาย และไม่ถูกฆ่า(252) เพื่อว่าอัลลอฮ์จะทรงให้เรื่องนั้นเป็นที่เศร้าโศกในหัวใจของพวกเขา(253) และอัลลอฮ์นั้นทรงให้เป็นและให้ตาย(254) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

Comment: (250)หมายถึงพวกมุนาฟิก แต่ที่ระบุว่า “เช่นพวกที่ปฏิเสธศรัทธา” นั้นก็เพราะถ้อยคำที่เขากล่าวออกมาทำให้พวกเขาตกอยู่ในฐานะผู้ปฏิเสธศรัทธา

Comment: (251)คือไม่ว่าจะเดินทางเพื่อทำการค้า หรือทำธุรกิจอื่นใดก็ตาม หรืออกไปในฐานะนักรบ แล้วได้เสียชีวิตลง

Comment: (252)ความจริงการตายก็ดี และการถูกฆ่าในสนามรบก็ดีนั้นอยู่ในกฎสภาวการณ์ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดไว้ คนเรานั้นจำเป็นที่จะต้องออกไปประกอบอาชีพ และออกไปสู้รบเพื่อป้องกันศาสนาและประเทศชาติ ในการนี้ย่อมจะประสบกับสาเหตุหนึ่งสาเหตุใดที่ทำให้เขาตายได้ทั้ง ๆ ที่เขาใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม เฉพาะอย่างยิ่งนักรบซึ่งจะต้องเผชิญกับสาเหตุแห่งความตายในทุกด้าน และเมื่อสาเหตุแห่งความตายได้ประสบแด่พวกเขาแล้ว ย่อมไม่เป็นการบังควรแอย่างยิ่งที่จะกล่าวว่า“หากพวกเขาอยู่ ณ ที่เราพวกเขาก็จะไม่ตาย และไม่ถูกฆ่า” เพราะคำพูดดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด หากแต่จะเพิ่มความเศร้าใจให้เกิดขึ้นแก่พวกเขาเท่านั้น ความจริงพวกเขาควรจะยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่พวกพ้องของพวกเขาโดยดี และหาทางป้องกันให้ดียิ่งขึ้น จะให้พวกเขาอยู่กับบ้านโดยไม่ออกไปทำมาหากิน หรือปล่อยให้ศัตรูมาย่ำยีได้อย่างไร?และก็การที่พวกเขาอยู่กับบ้านไม่ออกไปประกอบอาชีพ หรือสู้รบนั้น พวกเขาจะไม่ตายกระนั้นหรือ? พึงรู้ด้วยว่าสาเหตุแห่งความตายนั้นย่อมไปถึงพวกเขาได้เสมอ

Comment: (253)คือทรงให้บั้นปลายแห่งคำพูดเช่นนั้นเกิดความเศร้าโศกขึ้นในหัวใจของพวกเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นคนเขลาและท้อถอยพร้อมกับได้รับความอัปยศในที่สุด

Comment: (254)คือการให้เป็นและให้ตายตามสาเหตุแห่งกฎสภาวการณ์ที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ หรือด้วยสิ่งที่อยู่นอกเหนือสาเหตุดังกล่าวก็ได้ เพราะพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

3:157

وَلَئِن قُتِلْتُمْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ أَوْ مُتُّمْ لَمَغْفِرَةٌۭ مِّنَ ٱللَّهِ وَرَحْمَةٌ خَيْرٌۭ مِّمَّا يَجْمَعُونَ

Translation: และแน่นอน ถ้าหากพวกเจ้าถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์หรือพวกเจ้าตาย (ในทางของพระองค์) แล้วแน่นอนการอภัยโทษและการเอ็นดูเมตตาจากอัลลอฮ์นั้นดียิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมกันอยู่

3:158

وَلَئِن مُّتُّمْ أَوْ قُتِلْتُمْ لَإِلَى ٱللَّهِ تُحْشَرُونَ

Translation: และแน่นอน ถ้าหาพวกเจ้าตายไปหรือถูกฆ่า(255) แล้วแน่นอนยังอัลลอฮ์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำไปชุมนุม(256)

Comment: (255)คือตายหรือถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์

Comment: (256)คือในวันปรโลกเพื่อรับการตอบแทน

3:159

فَبِمَا رَحْمَةٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ لِنتَ لَهُمْ ۖ وَلَوْ كُنتَ فَظًّا غَلِيظَ ٱلْقَلْبِ لَٱنفَضُّوا۟ مِنْ حَوْلِكَ ۖ فَٱعْفُ عَنْهُمْ وَٱسْتَغْفِرْ لَهُمْ وَشَاوِرْهُمْ فِى ٱلْأَمْرِ ۖ فَإِذَا عَزَمْتَ فَتَوَكَّلْ عَلَى ٱللَّهِ ۚ إِنَّ ٱللَّهَ يُحِبُّ ٱلْمُتَوَكِّلِينَ

Translation: เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮ์นั่นเอง เจ้า(มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวกเขา(257) และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ประพฤติหยาบช้า และมีใจแข็งกระด้างแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ย่อมแยกตัวออกไปจากรอบๆ เจ้า ดังนั้นจงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และจงขออภัยให้แก่พวกเขาด้วย และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย ครั้นเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักใคร่ผู้มอบหมายทั้งหลาย

Comment: (257)หมายถึงบรรดาผู้ศรัทธา

3:160

إِن يَنصُرْكُمُ ٱللَّهُ فَلَا غَالِبَ لَكُمْ ۖ وَإِن يَخْذُلْكُمْ فَمَن ذَا ٱلَّذِى يَنصُرُكُم مِّنۢ بَعْدِهِۦ ۗ وَعَلَى ٱللَّهِ فَلْيَتَوَكَّلِ ٱلْمُؤْمِنُونَ

Translation: หากว่าอัลลอฮ์ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าก็ไม่มีผู้ใดชนะพวกเจ้าได้ และหากพระองค์ทรงทอดทิ้งพวกเจ้าแล้ว ผู้ใดเล่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้หลังจากพระองค์ และแด่อัลลอฮ์นั้น ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมายเถิด

3:161

وَمَا كَانَ لِنَبِىٍّ أَن يَغُلَّ ۚ وَمَن يَغْلُلْ يَأْتِ بِمَا غَلَّ يَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ ۚ ثُمَّ تُوَفَّىٰ كُلُّ نَفْسٍۢ مَّا كَسَبَتْ وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ

Translation: และไม่ปรากฏแก่นบีคนใดที่จะยักยอก(ทรัพย์เชลย) และผู้ใดยักยอกแล้ว เขาก็จะนำสิ่งที่เขายักยอกนั้นมาในวันกิยามะฮ์แล้วแต่ละคนจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วน ตามที่เขาได้แสวงหาไว้โดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรม

3:162

أَفَمَنِ ٱتَّبَعَ رِضْوَٰنَ ٱللَّهِ كَمَنۢ بَآءَ بِسَخَطٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَمَأْوَىٰهُ جَهَنَّمُ ۚ وَبِئْسَ ٱلْمَصِيرُ

Translation: ผู้ที่ปฏิบัติตามความปิติยินดีของอัลลอฮ์นั้น จะเหมือนกับผู้ที่ได้นำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไปกระนั้นหรือ(258) ? และที่อยู่ของเขานั้นคือ ญะฮันนัมและเป็นที่กลับอันเลวร้ายยิ่ง

Comment: (258)ความที่ว่า “นำเอาความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป” นั้น เป็นสำนวนเปรียบเทียบที่ต้องการสร้างภาพพจน์จากสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม กล่าวคือ “ความกริ้วโกรธ” นั้นเป็นนามธรรม แต่อัลลอฮ์ต้องการให้เห็นเป็นรูปธรรมที่สามารถสัมผัสได้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเปรียบเทียบความกริ้วโกรธของพระองค์ว่าประหนึ่งวัตถุติดอยู่บนตัวของผู้ที่พระองค์ทรงกริ้ว และเมื่อเขากลับไปยังพระองค์ในวันกิยามะฮ์ ก็เท่ากับเขาได้นำความกริ้วโกรธของพระองค์ที่มีต่อเขากลับไปด้วยการใช้สำนวนดังกล่าวนี้ก็เพื่อให้ผู้ประพฤติชั่วแน่ใจว่าความกริ้วโกรธของอัลลอฮ์ที่เขาได้รับนั้นจะไม่ลืมเลือนเป็นอันขาด เมื่อใดที่เขากลับไปยังพระองค์ เขาก็กลับไปในฐานะผู้ที่ถูกกริ้วโดยไม่ต้องสงสัยนอกจากว่าเขาจะสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว และประพฤติดีแล้ว ความดีนั้นได้ลบล้างความชั่วที่เขาได้ประกอบไว้ในอดีต เมื่อนั้นแหละความกริ้วโกรธของอัลลอฮ์จะหมดไป ดังกล่าวนี้ในกรณีที่ผู้ประพฤติชั่วกระทำทั้งๆ รู้ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนในกรณีที่เขาปฏิบัติชั่วโดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้ามและเมื่อเขารู้ก็รีบกลับตัว และขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์นั้น พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่เขา

3:163

هُمْ دَرَجَـٰتٌ عِندَ ٱللَّهِ ۗ وَٱللَّهُ بَصِيرٌۢ بِمَا يَعْمَلُونَ

Translation: พวกเขาเหล่านั้นมีหลายระดับชั้น(259) ณ อัลลอฮ์และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเห็นในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน

Comment: (259)คือพวกที่ปฏิบัติตามความปิติยินดีของอัลลอฮ์ก็ดี และผู้ที่นำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไปก็ดีนั้น ย่อมมีระดับขั้นต่าง ๆ กัน

3:164

لَقَدْ مَنَّ ٱللَّهُ عَلَى ٱلْمُؤْمِنِينَ إِذْ بَعَثَ فِيهِمْ رَسُولًۭا مِّنْ أَنفُسِهِمْ يَتْلُوا۟ عَلَيْهِمْ ءَايَـٰتِهِۦ وَيُزَكِّيهِمْ وَيُعَلِّمُهُمُ ٱلْكِتَـٰبَ وَٱلْحِكْمَةَ وَإِن كَانُوا۟ مِن قَبْلُ لَفِى ضَلَـٰلٍۢ مُّبِينٍ

Translation: แน่นอนยิ่ง อัลลอฮ์นั้นทรงมีพระคุณแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย โดยที่พระองค์ได้ทรงส่งร่อซูลคนหนึ่งจากพวกเขาเองมาในหมู่พวกเขาโดยที่เขาจะได้อ่านบรรดาโองการของพระองค์ให้พวกเขาฟัง และจะทำให้พวกเขาสะอาดและจะสอนคัมภีร์ และความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาแก่พวกเขาด้วย และแท้จริงเมื่อก่อนนั้นพวกเขาเคยอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง

3:165

أَوَلَمَّآ أَصَـٰبَتْكُم مُّصِيبَةٌۭ قَدْ أَصَبْتُم مِّثْلَيْهَا قُلْتُمْ أَنَّىٰ هَـٰذَا ۖ قُلْ هُوَ مِنْ عِندِ أَنفُسِكُمْ ۗ إِنَّ ٱللَّهَ عَلَىٰ كُلِّ شَىْءٍۢ قَدِيرٌۭ

Translation: และเมื่อมีภยันตรายหนึ่ง(260) ประสบแก่พวกเจ้า ทั้งๆ ที่พวกเจ้าได้ให้ประสบแก่พวกเขามาแล้วถึงสองเท่าแห่งภยันตราย(261) พวกเจ้าก็ยังกล่าวว่าสิ่งนี้มาจากไหนกระนั้นหรือ(262) ? จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า มันมาจากที่ตัวของพวกท่านเอง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

Comment: (260)คือภยันตรายที่ได้รับจากสงครามอุฮุดโดยที่ฝ่ามุสลิมเสียชีวิต 70 คน

Comment: (261)คือในสงครามบะดัรนั้นฝ่ายมุชริกเสียชีวิต 70 คนและถูกจับเป็นเชลยอีก 70 คน ซึ่งมากกว่าที่ฝ่ายมุสลิมสูญเสียสองเท่า

Comment: (262)คือกล่าวด้วยความแปลกใจที่ท่านได้รับความสูญเสีย 70 คนนั้นว่ามาจากไหน? โดยลืมคิดไปว่า การสู้รบกันนั้นย่อมยังความเสียหายเป็นธรรมดา ซึ่งพวกเขาก็เคยยังความเสียหายให้แก่ฝ่ายศัตรูในสงครามบะดัรถึงสองเท่ามาแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขายึดมั่นในหน้าที่อย่างเคร่งครัด ส่วนในสงครามอุฮุดนั้นพวกเขาได้ละเลยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ และลุ่มหลงในทรัพย์เชลย ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับความปราชัย แล้วจะมีหน้ามาถามว่า “มาจากไหน” อีกในการนี้อัลลอฮ์จึงให้ท่านนบีตอบพวกเขาไปว่า มันมาจากตัวของพวกท่านเองนั้นแหละหาใช่มาจากที่อื่นใดไม่

3:166

وَمَآ أَصَـٰبَكُمْ يَوْمَ ٱلْتَقَى ٱلْجَمْعَانِ فَبِإِذْنِ ٱللَّهِ وَلِيَعْلَمَ ٱلْمُؤْمِنِينَ

Translation: และสิ่งที่ประสบแก่พวกเจ้า(263) ในวันที่สองกลุ่มเผชิญกันนั้นก็โดยอนุมัติของอัลลอฮ์(264) และเพื่อที่พระองค์จะทรงรู้ ผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้นเอง(265)

Comment: (263)คือความปราชัยและการสูญเสียชีวิตที่ประสบกับฝ่ายมุสลิม

Comment: (264)คือให้เป็นไปตามกฏสภาวการณ์ของพระองค์ที่ได้ทรงกำหนดไว้ ในการนี้ย่อมเรียกได้ว่า “ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์” เพราะถ้าพระองค์ไม่ทรงอนุมัติแล้วกฏสภาวะกาณ์นั้นก็ไม่อาจแสดงออกตามที่ได้ถูกกำหนดไว้ได้ อย่างไรก็ดีถ้าพระองค์จะทรงให้พวกเขาได้รับชัยชนะโดยไม่สูญเสียชีวิตแต่อย่างใด และไม่ต้องอาศัยกฏสภาวการณ์ด้วย ก็ย่อมอยู่ในเดชานุภาพของพระองค์เสมอ

Comment: (265)สำนวนดังกล่าวมีปรากฏอยู่มากมาย และได้อธิบายไว้แล้วกล่าวคือ พระองค์ทรงรู้ดียิ่งกว่าใครศรัทธาจริงหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องทดสอบแต่อย่างใด แต่ที่พระองค์ทรงทดสอบนั้น ก็เพื่อให้ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ศรัทธานั่นเอง รู้ตัวเองว่าเขาศรัทธาจริงหรือไม่เท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วเขาอาจเข้าใจผิดว่า เขาเป็นผู้ศรัทธา ทั้งๆ ที่การศรัทธาของเขาอ่อนแอที่สุด ในการนี้เขาจะได้ปรับปรุงการศรัทธาของพวกเขา อนึ่งการที่อัลลอฮ์ทรงใช้สำนวนดังกล่าวก็เพื่อให้กลมกลืนกับสำนวนที่มนุษย์ใช้กันอยู่ นั่นก็คือการที่จะรู้ได้ต้องอาศัยการทดสอบ

3:167

وَلِيَعْلَمَ ٱلَّذِينَ نَافَقُوا۟ ۚ وَقِيلَ لَهُمْ تَعَالَوْا۟ قَـٰتِلُوا۟ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ أَوِ ٱدْفَعُوا۟ ۖ قَالُوا۟ لَوْ نَعْلَمُ قِتَالًۭا لَّٱتَّبَعْنَـٰكُمْ ۗ هُمْ لِلْكُفْرِ يَوْمَئِذٍ أَقْرَبُ مِنْهُمْ لِلْإِيمَـٰنِ ۚ يَقُولُونَ بِأَفْوَٰهِهِم مَّا لَيْسَ فِى قُلُوبِهِمْ ۗ وَٱللَّهُ أَعْلَمُ بِمَا يَكْتُمُونَ

Translation: และเพื่อพระองค์จะทรงรู้บรรดาผู้ที่กลับกลอก(266) ด้วย และได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า จงมากันเถิด จงต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์หรือไม่ก็จงป้องกัน(267) พวกเขากล่าวว่า หากเรารู้ว่ามีการสู้รบกันแล้ว แน่นอนเราก็ตามพวกท่านไปแล้ว(268) ในวันนั้น(269) พวกเขาใกล้แก่การปฏิเสธศรัทธายิ่งกว่าพวกเขามีศรัทธา พวกเขาจะกล่าวด้วยปากของพวกเขา สิ่งที่ไม่ใช่อยู่ในหัวใจของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเขาปกปิดกัน

Comment: (266)คือมีความหมายอย่างเดียวกับข้อความในฟุตโน๊ตที่ 2 โปรดทบทวนดูใหม่

Comment: (267)คือสู้รบเพื่อป้องกันตัวเอง ครอบครัว และทรัพย์สมบัติ

Comment: (268)คือตามพวกท่านไปเพื่อช่วยกับผู้สู้รบ อันเป็นการแสร้งพูดเพื่อแก้ตัวอย่างน่าละอายที่สุด

Comment: (269)คือวันที่พวกเขาพูดเสแสร้งดังกล่าว

3:168

ٱلَّذِينَ قَالُوا۟ لِإِخْوَٰنِهِمْ وَقَعَدُوا۟ لَوْ أَطَاعُونَا مَا قُتِلُوا۟ ۗ قُلْ فَٱدْرَءُوا۟ عَنْ أَنفُسِكُمُ ٱلْمَوْتَ إِن كُنتُمْ صَـٰدِقِينَ

Translation: บรรดาผู้ที่พูดเกี่ยวแก่พี่น้องของพวกเขาโดยที่พวกเขานั่งเฉยอยู่(270) ว่าถ้าหากพวกเขาเชื่อฟังเรา พวกเขาก็ไม่ถูกฆ่า จงกล่าวเถิด(มุอัมมัด) ว่า พวกท่านจงป้องกันความตายให้พ้นจากตัวของพวกท่านเถิด หากพวกท่านพูดจริง

Comment: (270)คือไม่ยอมออกไปช่วยทำสงคราม

3:169

وَلَا تَحْسَبَنَّ ٱلَّذِينَ قُتِلُوا۟ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ أَمْوَٰتًۢا ۚ بَلْ أَحْيَآءٌ عِندَ رَبِّهِمْ يُرْزَقُونَ

Translation: และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย หามิได้(271) พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ(272)

Comment: (271)คือมิได้ตายเยี่ยงปุถุชนทั่ว ๆ ไป

Comment: (272)คือมีชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่งในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ ซึ่งเป็นโลกที่ดียิ่งแก่ผู้ที่ตายชะฮีด เนื่องจากพวกเขาได้รับเกียรติจากอัลลอฮ์ และได้รับความเอ็นดู เมตตาจากพระองค์ ส่วนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและได้รับปัจจัยยังชีพอย่างไรนั้น เราไม่สามารถจะรู้ความเป็นจริงได้ เพราะเป็นการมีชีวิตอยู่อันเร้นลับ เราไม่ควรจะกล่าวอะไรเกินกว่าที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ได้แจ้งให้ทราบ ส่วนความที่ว่า “ในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ” นั้น เป็นการเน้นว่าพวกเขามีชีวิตอยู่จริงๆ

3:170

فَرِحِينَ بِمَآ ءَاتَىٰهُمُ ٱللَّهُ مِن فَضْلِهِۦ وَيَسْتَبْشِرُونَ بِٱلَّذِينَ لَمْ يَلْحَقُوا۟ بِهِم مِّنْ خَلْفِهِمْ أَلَّا خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلَا هُمْ يَحْزَنُونَ

Translation: พวกเขามีปลาบปลื้มต่อสิ่ง(273) ที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่พวกเขา จากความกรุณาของพระองค์ และปิติยินดีต่อบรรดาผู้ที่ยังมาไม่ทันพวกเขาซึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเขา(274) ว่า ไม่มีความกลัวใด ๆ แก่พวกเขาและทั้งพวกเขาจะไม่เสียใจ

Comment: (273)หมายถึงการที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้พวกเขาเป็นชาวสวรรค์ และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ และในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างมีเกียรติ และเปี่ยมไปด้วยความสุขในทันทีที่พวกเขากลับไปยังอัลลอฮ์ ทั้ง ๆ ที่วาระแห่งการเสพสุขในสวรรค์ยังไม่ถึง

Comment: (274)คือปิติยินดีต่อผู้ที่จะติดตามพวกเขาไปในฐานะผู้ตายชะฮีด ซึ่งขณะนั้นพวกเขากำลังต่อสู้กับฝ่ายศัตรูอยู่เบื้องหลังพวกเขา หรืออยู่ในฐานะที่จะต่อสู้กับฝ่ายศัตรูที่จะมีขึ้นต่อไป

3:171

۞ يَسْتَبْشِرُونَ بِنِعْمَةٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَفَضْلٍۢ وَأَنَّ ٱللَّهَ لَا يُضِيعُ أَجْرَ ٱلْمُؤْمِنِينَ

Translation: พวกเขาปิติยินดีต่อสิ่งอำนวยความสุขจากอัลลอฮ์และความกรุณา(จากพระองค์)ด้วย และแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงให้รางวัลของผู้ศรัทธาทั้งหลายสูญหาย

3:172

ٱلَّذِينَ ٱسْتَجَابُوا۟ لِلَّهِ وَٱلرَّسُولِ مِنۢ بَعْدِ مَآ أَصَابَهُمُ ٱلْقَرْحُ ۚ لِلَّذِينَ أَحْسَنُوا۟ مِنْهُمْ وَٱتَّقَوْا۟ أَجْرٌ عَظِيمٌ

Translation: คือบรรดาผู้ที่ตอบรับอัลลอฮ์และร่อซูลหลังจากที่บาดแผลได้ประสบแก่พวกเขา(275) สำหรับบรรดาผู้กระทำดีในหมู่พวกเขาและมีความยำเกรงนั้น คือรางวัลอันยิ่งใหญ่หลวง

Comment: (275)คือบาดแผลที่ได้ประสบแก่พวกเขาในสงครามอุฮุด กล่าวคืออะบูซุฟยาน และพรรคพวกของเขาหลังจากที่ได้รับชัยชนะ ในสงครามอุฮุดแล้วก็พากันกลับไป ครั้งไปถึง”อัรเราฮาอ์” (สถานที่หนึ่งระหว่าางมักกะฮ์กับมะดีนะฮ์) ก็ให้รู้สึกเสียใจและมุ่งที่จะกลับไปใหม่ เพื่อทำลายล้างบรรดาผู้ศรัทธาที่ยังเหลืออยู่ให้หมดสิ้น เมื่อร่อซูลุลลอฮ์ได้ทราบเรื่องนี้ จึงใคร่ที่จะสร้างความหวาดกลัวแก่พวกเขา และแสดงให้พวกเขาเห็นพลังอันเข้มแข็งทั้งจากตัวของท่านเองและสาวกของท่าน ดังนั้นท่านจึงได้ประกาศเชิญชวนบรรดาสาวกให้ติดตามอะบีซุฟยานไป โดยกล่าวว่า “จะไม่ออกไปกับเราเป็นอันขาดนอกจากผู้ที่ร่วมทำศึกกับเรานี้เท่านั้น” (หมายถึงวันสงครามอุฮุด) แล้วร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ออกไปพร้อมกับสาวกกลุ่มหนึ่งจนกระทั่งถึง “ฮัมรออุลอะซัด” (สถานที่หนึ่งซึ่งห่างจากมะดีนะฮ์ ประมาณสามไมล์) ปรากฏว่าบรรดาสาวกที่ออกไปกับร่อซูลนั้น ล้วนแต่มีบาดแผลกันทั้งนั้น การที่พวกเขาตอบรับคำเชิญของร่อซูล ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่ในสภาพบอบช้ำนั้นก็เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้รางวัลอันยิ่งใหญ่หลุดมือพวกเขาไป แต่แล้วอัลลอฮ์ได้ทรงให้พวกมุชริกีนเกิดความกลัวขึ้น พวกเขาจึงรีบกลับไปมักกะฮ์โดยเร็ว แล้วอายะฮ์นี้ก็ถูกประทานลงมา

3:173

ٱلَّذِينَ قَالَ لَهُمُ ٱلنَّاسُ إِنَّ ٱلنَّاسَ قَدْ جَمَعُوا۟ لَكُمْ فَٱخْشَوْهُمْ فَزَادَهُمْ إِيمَـٰنًۭا وَقَالُوا۟ حَسْبُنَا ٱللَّهُ وَنِعْمَ ٱلْوَكِيلُ

Translation: บรรดาที่(276) ผู้คน(277) ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงมีผู้คน(278) ได้ชุมนุมสำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงกลัวพวกเขาเถิดแล้วมัน(279) ได้เพิ่มการอีมานแก่พวกเขา และพวกเขากล่าวว่าอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ที่พอเพียงแก่เราแล้ว(280) และเป็นผู้รับมอบหมายที่ดีเยี่ยม

Comment: (276)คือบรรดาผู้ศรัทธา

Comment: (277)หมายถึง นะอีม บินมัสอูด อัลอัชญะอีย์ และผู้ที่เห็นพ้องกับเขา รวมด้วยกันสี่คน

Comment: (278)หมายถึงซุฟยาน และพรรคพวกของเขา อนึ่งการที่นะอีกได้แจ้งแก่ผู้ศรัทธาว่า อะบีซุฟยานและพวกพ้องของเขารวบรวมกำลังเพื่อสู้รบกับบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นเพียงการขู่เท่านั้น ทั้งนี้เป็นเล่ห์เหลี่ยมของอะบี ซุฟยาน

Comment: (279)หมายถึงคำขู่ของนะอีม

Comment: (280)หมายถึงว่าพวกเขาจะมากมายแค่ไหนก็ตาม อัลลอฮ์เพียงองค์เดียวที่เป็นผู้สนับสนุนเราอยู่เป็นการพอเพียงแก่เราแล้ว

3:174

فَٱنقَلَبُوا۟ بِنِعْمَةٍۢ مِّنَ ٱللَّهِ وَفَضْلٍۢ لَّمْ يَمْسَسْهُمْ سُوٓءٌۭ وَٱتَّبَعُوا۟ رِضْوَٰنَ ٱللَّهِ ۗ وَٱللَّهُ ذُو فَضْلٍ عَظِيمٍ

Translation: แล้วพวกเขาได้กลับมา(281) พร้อมด้วยความกรุณาจากอัลลอฮ์และความโปรดปราน(จากพระองค์)(282) โดยมิได้มีอันตรายใด ๆ ประสบแก่พวกเขา(283) และพวกเขาได้ปฏิบัติตามความพอพระทัยของอัลลอฮ์(284) และอัลลอฮ์คือผู้ทรงโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่

Comment: (281)หมายถึงท่านนบี และบรรดาสาวกของท่านที่ออกไปยังบะดัรอัศซุฏรอกลับมายังนครมะดีนะฮ์ กล่าวคือ ในสงครามอุฮุดนั้น ก่อนที่อะบูซุฟยานจะนำกำลังของเขากลับไปได้ท้าทายท่านนบี ให้ไปพบกันใหม่ในวันเวลาแห่งการชุมนุมกันที่บะดัร ในปีต่อไป แต่เมื่อท่านนบีและบรรดาสาวกของท่านได้ไปตามนัด กลับไม่พบอะบีซุฟยาน เนื่องจากพวกเขาได้หนีกลับไปเสียก่อน เพราะเกิดความกลัวขึ้น ท่านนบีและบรรดาสาวกจึงได้กลับมา

Comment: (282)อัลบัยฮะกีย์ ได้รายงานจาก อิบุนุอับบาส ว่ามีกองคาราวานได้ผ่านไปในวันเวลาที่มีการชุมนุมกับที่บะดัร แล้วท่านนบีได้ซื้อข้าวของ จากกองคาราวานนั้น อันนำมาซึ่งผลกำไรอย่างมากมาย แล้วท่านได้แบ่งผลกำไรนั้นระหว่างสาวกของท่าน นั่นแหละคือความกรุณา และความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ที่พวกเขาได้รับ และนำกลับไปสู่การสู้รบในครั้งนี้ เรียกว่าบะดัร อัศซุฏรอ

Comment: (283)เนื่องจากมิได้สู้รบกัน

Comment: (284)คือปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ได้แนะนำไว้

3:175

إِنَّمَا ذَٰلِكُمُ ٱلشَّيْطَـٰنُ يُخَوِّفُ أَوْلِيَآءَهُۥ فَلَا تَخَافُوهُمْ وَخَافُونِ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ

Translation: แท้จริงชัยฏอนนั้น(285) เพียงขู่ได้เฉพาะบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามมันเท่านั้น ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา(286) และจงกลัวข้าเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา

Comment: (285)หมายถึงนะอีม บินมัศอูด อัลอัชญะอีย์ และผู้ที่ร่วมมือกับเขา การที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาว่าชัยฏอนนั้นเพราะพวกเขาทำหน้าที่เยี่ยงชัยฏอน

Comment: (286)หมายถึงพวกอะบีซุฟยาน หรือพวกอื่นใดก็ตามที่เป็นศัตรูของอัลลอฮ์

3:176

وَلَا يَحْزُنكَ ٱلَّذِينَ يُسَـٰرِعُونَ فِى ٱلْكُفْرِ ۚ إِنَّهُمْ لَن يَضُرُّوا۟ ٱللَّهَ شَيْـًۭٔا ۗ يُرِيدُ ٱللَّهُ أَلَّا يَجْعَلَ لَهُمْ حَظًّۭا فِى ٱلْـَٔاخِرَةِ ۖ وَلَهُمْ عَذَابٌ عَظِيمٌ

Translation: และจงอย่าให้บรรดาผู้รีบเร่งกันในการปฏิเสธศรัทธา(287) เป็นที่เสียใจแก่เจ้า แท้จริง พวกเขาจะไม่ก่อ่ให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์(288) ได้แต่อย่างใดเลย อัลลอฮ์นั้นทรงต้องการที่จะไม่ให้มีส่วนได้ใด ๆ แก่พวกเขาในปรโลก(289) และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันยิ่งใหญ่

Comment: (287)หมายถึงพวกมุนาฟิก และกลุ่มชาวยิวที่ให้ความช่วยเหลือแก่มุชริกีนมักกะฮ์ และต่อต้านบรรดาผู้ศรัทธา

Comment: (288)หมายถึงไม่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ท่านนบี และบรรดาสาวกของท่าน เพราะผู้ที่ทำอันตรายแก่ท่านนบีและสาวกของท่านนั้น เท่ากับเขาทำอันตรายแก่อัลลอฮ์นั่นเอง เพราะท่านเหล่านั้นทำหน้าที่แทนอัลลอฮ์ ในการประกาศศาสนาของพระองค์

Comment: (289)คือไม่ทรงประสงค์จะให้พวกเขาได้รับความดีใด ๆ ในปรโลก

3:177

إِنَّ ٱلَّذِينَ ٱشْتَرَوُا۟ ٱلْكُفْرَ بِٱلْإِيمَـٰنِ لَن يَضُرُّوا۟ ٱللَّهَ شَيْـًۭٔا وَلَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌۭ

Translation: แท้จริง บรรดาผู้ที่ซื้อการกุฟุร ด้วยการอีมาน(290) นั้น พวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอฮ์ได้แต่อย่างใดเลย และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันเจ็บแสบ

Comment: (290)หมายถึงเอาการอีมานไปแลกกับการกุฟุร หรือแทนที่จะเลือกการศรัทธาตามที่ท่านนบี เชิญชวนกลับเลือกเอาการปฏิเสธศรัทธาไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว หาได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ท่านนบี และบรรดาผู้ศรัทธาต่อท่านแต่อย่างใดไม่ หากแต่เป็นอันตรายแก่พวกเขาเองโดยที่พวกเขาไม่รู้สึก

3:178

وَلَا يَحْسَبَنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓا۟ أَنَّمَا نُمْلِى لَهُمْ خَيْرٌۭ لِّأَنفُسِهِمْ ۚ إِنَّمَا نُمْلِى لَهُمْ لِيَزْدَادُوٓا۟ إِثْمًۭا ۚ وَلَهُمْ عَذَابٌۭ مُّهِينٌۭ

Translation: และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น จงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า ที่เราประวิง(291) ให้แก่พวกเขานั้นเป็นการดีแก่ตัวของพวกเขา แท้จริง ที่เราประวิงให้แก่พวกเขานั้น เพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนซึ่งบาปกรรม(292) เท่านั้น และสำหรับพวกเขานั้น คือการลงโทษอันต่ำช้า

Comment: (291)คือประวิงให้มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ยังมิได้ถูกลงโทษ เนื่องในความดื้อรั้นของพวกเขา

Comment: (292)คือ เพิ่มพูนบาปกรรมเนื่องจากความประพฤติชั่วของพวกเขา อันเป็นเหตุให้พวกเขาได้รับการลงโทษอย่างสาสมยิ่ง

3:179

مَّا كَانَ ٱللَّهُ لِيَذَرَ ٱلْمُؤْمِنِينَ عَلَىٰ مَآ أَنتُمْ عَلَيْهِ حَتَّىٰ يَمِيزَ ٱلْخَبِيثَ مِنَ ٱلطَّيِّبِ ۗ وَمَا كَانَ ٱللَّهُ لِيُطْلِعَكُمْ عَلَى ٱلْغَيْبِ وَلَـٰكِنَّ ٱللَّهَ يَجْتَبِى مِن رُّسُلِهِۦ مَن يَشَآءُ ۖ فَـَٔامِنُوا۟ بِٱللَّهِ وَرُسُلِهِۦ ۚ وَإِن تُؤْمِنُوا۟ وَتَتَّقُوا۟ فَلَكُمْ أَجْرٌ عَظِيمٌۭ

Translation: ใช่ว่าอัลลอฮ์จะทรงทอดทิ้งบรรดาผู้ศรัทธาไว้ในสภาพที่พวกเจ้ากำลังเป็นอยู่ก็หาไม่(293) จนกว่าพระองค์จะทรงจำแนกคนเลวออกจากคนดีเท่านั้น(294) และใช่ว่าอัลลอฮ์จะทรงให้พวกเจ้ามองเห็นสิ่งเร้นลับก็หาไม่(295) แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นจะทรงคัดเลือกจากบรรดาร่อซูลของพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์(296) ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซูลของพระองค์เถิด และหากพวกเจ้าศรัทธาและยำเกรงแล้ว สำหรับพวกเจ้าจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่

Comment: (293)คือสภาพอันเลวร้ายต่าง ๆ เช่นสภาพแห่งสงครามอุฮุด เป็นต้น

Comment: (294)กล่าวคือ พระองค์จะทรงปล่อยให้พบบรรดาผู้ศรัทธามีสภาพดังกล่าวชั่วระยะหนึ่ง จนกว่าจะทรงจำแนกให้รู้ว่าในหมู่พวกเขานั้นใครเป็นมุนาฟิกและใครเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง